ตำนานเกี่ยวกับถ้ำ ที่น่าสนใจ

      ตำนานเกี่ยวกับถ้ำ    เชื่อว่าหลายคนที่เคยเดินทางไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างต่าง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย หรือแม้แต่แหล่งท่องเที่ยวของต่างประเทศก็ตาม นอกจากจะไปชมความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวแล้ว หลายคนอาจจะมีความคิดที่จะอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวด้วย เช่น ที่นี่มีตำนานเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ว่าอย่งไรบ้างหรือไม่ เพราะหากแหล่งท่องเที่ยวที่เราไปเที่ยวมีตำนานให้พูดถึงมันจะยิ่งทำให้สถานที่นั้นมีความน่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง 

          ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับตำนานของแหล่งท่องเที่ยวของไทยเรา      

   ตำนานถ้ำพระนางจังหวัดกระบี่

       ถ้ำพระนางอยู่ไม่ไกลจากหาดไร่เลย์จังหวัดกระบี่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพโดยมีตำนานเล่าว่านานมาแล้วมีสามีภรรยาคู่หนึ่งไปขอร้องกับพญานาคให้ให้ประธานลูกให้พญานาคตกลงให้ลูกสาวคนหนึ่งโดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเด็กคนนี้โตขึ้นจะต้องให้แต่งงานกับลูกชายของตนแต่เมื่อโตขึ้น หญิงสาว คนนั้นกลับไปแต่งงานกับคนอื่นพญานาคโกรธมากจึงทำลายพิธีแต่งงาน

        ได้มีฤษีตนหนึ่งที่อยู่ในถ้ำจะออกมาห้ามแต่ก็ไม่มีใครฟังทุกคนจึงโดนฤษีสาปให้เป็นหิน  เรือนหอนั้นจึงกลายเป็นถ้ำและเป็นที่มาของชื่อถ้ำพระนางสำหรับชาวบ้านเชื่อว่าภายในถ้ำมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นผู้หญิงสิงสถิตอยู่ชาวประมงที่เข้าไปหลบมรสุมในถ้ำนี้เคยฝันเห็นและเล่าต่อกันมาหลังจากนั้นจึงมีการสร้างศาล ขึ้นและเมื่อชาวเรือออกทะเลเพื่อไปหาปลาก็จะไปกราบไหว้และนำปลัดขิกไปถวายบนบานให้ปลอดภัย 

     พญานาคถูกสาปเป็นหิน  ตำนานถ้ำนาคาจังหวัดบึงกาฬ

         ถ้ำนาคา  ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา  อำเภอบึงโขงหลง   จังหวัดบึงกาฬ   อยู่ใกล้กับวัดถ้ำชัยมงคลการขึ้นไปเที่ยวถ้ำต้องเดินขึ้นบันไดสูงชันที่ทางอุทยานจัดสร้างขึ้นไปกว่า 1400 ขั้น  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ถึง 1 ชั่วโมงครึ่งที่ได้ชื่อว่านาคา หรือถ้ำพญานาค เพราะหินและผนังถ้ำมีรูปทรงคล้ายพญานาคหรืองูขนาดใหญ่นอนขดตัวโดยมีส่วนสำคัญทั้งส่วนหัวและเกล็ดพญานาค

         ตามตำนานเล่าว่านั่นคือพญานาคที่ถูกสาปให้กลายเป็นหินตัว  โดยอือลือราขา หรือปู่ลือ ซึ่งเป็นเทพอยู่บนสรวงสวรรค์ที่ถูกสาปให้เป็นพญานาคปกครองเมืองบาดาลซึ่งเชื่อกันว่าคือบึงโขงหลงจังหวัดบึงกาฬที่มีทั้งพญานาคและมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกันได้สาปบริวารพญานาคของตนให้กลายเป็นหินที่ถ้ำแห่งนี้เพราะทำผิดจารีตไม่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ซึ่งก็คือถ้ำนาคาหรือถ้ำพญานาคแห่งนี้ 

 

สนับสนุนโดย.    gclub เว็บตรง

ตำนานหอกลองกินุส ในพระวรสารฉบับนักบุญนิโคเดอะมูส

ตำนานหอกลองกินุส ในพระวรสารฉบับนักบุญนิโคเดอะมูสบันทึกไว้ว่าเมื่อพระเยซูถูกตรึงกางเขนมีนายทหารชาวโรมัน carsales ซึ่งตาใกล้จะบอดรับหน้าที่ใช้หอกแทงสีข้างพระเยซูเพื่อพิสูจน์ว่าสิ้นพระชนม์หรือยัง มาเรียนของพระองค์จะเซ็นมาถูกลองกินุสทำให้ตาที่มืดมัวกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

ลองกินุสจึงเกิดความศรัทธาและเข้าเป็นนักบวชในคริสต์ศาสนา  ต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญลองกินุส  ส่วนหอกที่ใช้แทงพระเยซูได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหอกศักดิ์สิทธิ์

      นอกจากชื่อหอกลองกินุสแล้วจึงถูกเรียกว่าหอกแห่งโชคชะตา  หอกศักดิ์สิทธิ์หรือหอกสังหารพระเจ้า 

สำหรับหอกเล่มนี้หายไปจากประวัติศาสตร์พักใหญ่และตกเป็นของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันผู้วางรากฐานให้ศาสนาคริสต์กลายเป็นศาสนาประจำชาติโรมันได้สำเร็จซึ่งพระองค์เชื่อว่าเป็นเพราะพลังแห่งหอกลองกินุส พระองค์จึงตอกตะปูศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ตรึงกางเขนพระเยซูลงไปตรงกลางใบทองเพื่อเพิ่มอำนาจพิเศษด้วย

          ต่อมาตกเป็นของพระเจ้าชาวเรือมหาราชผู้ก่อตั้งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ก็เชื่อว่าเป็นเพราะอานุภาพของหอกลองกินุเช่นกันปัจจุบันหอกศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในพระราชวังฮอฟบวร์กและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทำกลางข้อสงสัยว่าหอกลองกินุสนี้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ทรงอำนาจจริงหรือไม่

หรือเป็นเพียงแค่ตำนานเล่าขานเท่านั้นก็ฮิตเลอร์ที่ได้ครอบครองหอกแต่กลับต้องพ่ายแพ้สงครามและชื่อของหอกลองกินุสยังไม่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์และเกมชื่อดังในฐานะศาสตราศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน 

      ตำนาน Codex Gigas 

Codex Gigas  หรือในภาษาอังกฤษหมายถึงหนังสือ เล่มยักษ์  เป็นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือเก่าแก่  โดยหนังสือเล่มนี้มีขนาดที่ใหญ่มากทั้งความยาวและความสูง นอกจากนี้ยัง มีน้ำหนักมากถึง 75 กิโลกรัมหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 

ในราชอาณาจักรโบฮีเมียซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเช็ก ซึ่ความลับของหนังสือเล่มนี้ นอกจากหน้าที่ใหญ่โตมโหฬารของมันแล้วยังเชื่อกันว่าผู้ที่เขียนหนังสือเล่มนี้คือนักบวชนอกรีดที่กำลังจะถูกลงโทษประหารชีวิต

         เนื่องจากบาปที่เขาก่อขึ้นเขาพยายามร้องขอล้างบาปด้วยการเขียนตำราเล่ม 1 ภายในคืนเดียวเป็นตำรารวบรวมองค์ความรู้ที่หลากหลายบนโลกใบนี้แต่เขาไม่สามารถเขียนตำราได้จบภายในคืนเดียวจึงขอความช่วยเหลือจากซาตานและเขียนภาพของซาตานขนาดใหญ่ไว้ที่หน้า 290 ของ หนังสือเพื่อขอบคุณซาตานปัจจุบันคัมภีร์ไบเบิ้ลปีศาจเล่มนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติกรุงสตอกโฮล์มประเทศสวีเดน 

    และนี่คือสองตามนานที่น่าสนใจและน่าศึกษาหาความรู้เอาไว้ เป็นตำนานที่คนรุ่นปัจจุบันอาจจะไม่รู้จักกันแล้วนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย     gclub

ความเชื่อเกี่ยวกับ 2 อัญมณีเลอค่าของโลก

หากมีการพูดถึงอัญมณีนั้น ไม่ว่าผู้หญิงหรือผุ้ชายต่างก็ชื่นชอบด้วยกันทั้งนั้น   เพราะอัญมณีนั้นเป็นสิ่งล้ำค่า  ไม่ใช่เพียงแค่ก้อนหินที่มีความสวยงาม แต่มันมีมูลค่ามากมายมหาศาลเลยทีเดียว นอกจากนี้อัญมณีบางชนิดนั้นมีเรื่องราวความเป็นมาอย่างยาวนาน มีอายุเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าแก่การเก็บรักษา และสามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นเงินได้หากมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงิน

           อย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะมาพูดถึงอัญมณีที่ล้ำค่าระดับโลก 2 ชิ้นที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และมีอายุเก่าแก่หลายร้อย หลายพันปี ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นอัญมณีล้ำค่าที่หายาก และยังมีเรื่องราวเล้นลับซ่อนอยู่ในเรื่องราวของอัญมณีเหล่านี้อีกด้วย ซึ่งอัญมณีดังกล่าวได้แก่ 

              skystone หรือหินสีฟ้าลึกลับการ์ตูนถูกค้นพบโดย Anthony นักธรณีวิทยาชาวอิตาลีที่ถูกว่าจ้างให้ไปสำรวจหาอัญมณีล้ำค่าในระหว่างที่กำลังสำรวจบริเวณชายแดนของประเทศเซียร์ราลีโอนพิมพ์งานได้พบกับวัตถุปริศนาเป็นก้อนหินสีฟ้าใสเหมือนกับสีน้ำทะเลเมื่อเขานำกลับมายังยุโรปเพื่อนำหินลึกลับนี้ให้กับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ประเทศอิตาลีและประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อทำการตรวจสอบพบว่ามันเป็นหินที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

          โดยมีองค์ประกอบของแก๊สออกซิเจนสูงกว่า 70% และส่วนประกอบอื่นๆอาทิคาร์บอนสิริกรแคลเซียมอีกอย่างละเล็กน้อยนักวิจัยได้ทำการตรวจสอบสารประกอบอินทรีย์ภายในก้อนหินลึกลับนี้ซึ่งคาดว่ามันมีอายุถึง 15000 ถึง 50 ปีทำให้แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังตั้งคำถามว่าแล้วมันมาจากไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร

          โดยมีทฤษฎีได้ตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับการตุนเอาไว้ว่ามันอาจจะเป็นร่องรอยของอารยธรรมที่สาบสูญไปก็เป็นได้หรืออาจจะเป็นแร่ธาตุที่มาจากนอกโลกโดยมีผู้มาเยือนจากต่างดาวที่มีอารยธรรมและเทคโนโลยีสูงทิ้งไว้บนโลกทางนี้ถึงแม้ว่าก้อนหินดังกล่าวจะเป็นแร่ธาตุใหม่จะเป็นที่น่าแปลกใจว่าเป็นแร่ธาตุที่เคยถูกค้นพบในประเทศโมร็อกโกเช่นเดียวกัน 

      philosopher’s stone  สำหรับหินชนิดนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อหินชนิดนี้กันมาบ้างแล้ว เพราะหินชนิดนี้มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า หิน ศิลานักปราชญ์   ว่ากันว่าหินชนิดนี้มีความสามารถพิเศษมากมาย เป็นหินที่ผู้คนเสาะแสวงหาอยากเป็นเจ้าของครอบครองหินชนิดนี้กัน  

         สำหรับหินชนิดนั้นนั้นเป็นสสารของการเล่นแร่แปรธาตุ  โดยหิน philosopher’s stone บางคนจะรู้จักกันดีมากจากภาพยนต์เรื่องศิลาอาถรรภ์ ก็มีการพูดถึงชือ่หินชนิดนี้ในตอนหนึ่งของเรื่องเช่นเดียวกัน มีตำนานเกี่ยวกับหินชนิดนี้มากมาย เกี่ยวกับคุณสมบัติของมัน ไม่ว่าจะเป็ฯ มันสามารถทำให้คนที่กินหินชนิดนี้เข้าไปแล้ว ไม่แก่และไม่ตาย เปรียบได้ว่าหินชนิดนี้คือยาอายุวัฒนะเลยทีเดียว 

           นอกจากนี้ยังมีการกล่าวด้วยว่าหินชนิดนี้สามารถเปลี่ยนโลหะฐานเช่นตะกั่วให้เป็นทองคำหรือเงินได้ ดังนั้นหากใครมีไว้ในครอบครองก็จะมีความสุขเป็นอย่างมาก ที่สำคัญหินชนิดนี้ยังมีคุณสมบัติที่สามารถทำให้คนตายฟื้นกลับคืนมาได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่ความเชื่อและตำนานเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครเคยเห็นหินชนิดนี้มาหลายร้อยปีแล้ว 

     

สนับสนุนโดย.    gclub ผ่านเว็บ

ประวัติความเป็นมาของ The Haitian Revolution

     ในช่วงคริสราช 1791 – 1804 หลายคนอาจไม่คุ้นเคยกับการปฏิวัติในดินแดนอเมริกาเหนือครั้งนี้

แต่ว่าในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองโลกแล้วนี่คือการปฏิวัติครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 17 ฝรั่งเศสปกครองดินแดนเฮติหรือแซงโดแมงต่อจากสเปน โดย เฮติเป็นแหล่งผลิตปลูกอ้อยวัตถุดิบในการทำน้ำตาลขนาดใหญ่  ว่ากันว่าน้ำตาลกว่าร้อยละ 40 ในยุโรปขึ้นจากอ้อยในเฮติและติดยังเป็นแหล่งส่งออกกาแฟขนาดใหญ่ในยุโรปอีกด้วยเรียกได้ว่าเป็นอาณานิคมที่สร้างรายได้ให้กับเมืองแม่อย่างมหาศาล  

           อย่างไรก็ตามผลประโยชน์มหาศาลของฝรั่งเศสก็ต้องแลกมาด้วยความทุกข์ยากของทาสผิวดำในอาณานิคมที่ถูกกดขี่มาเป็นเวลานาน แต่ขณะนั้นที่เฮติหรือแชงโดแมงแบ่งประชาชนออกได้เป็น 4 กลุ่มคือ 1 นายทุนผิวขาวที่เป็นเจ้าของไร่ต่างๆ 2 คนผิวดำอิสระที่เกิดจากคนผิวขาวและชนพื้นเมือง 3 คนผิวขาวอิสระที่ไม่ได้เป็นนายทุนและ 4 กลุ่มทาสผิวดำจากแอฟริกาที่ถือเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศ 

       ใน คริสราช 1791 พวกเขาได้แรงบันดาลใจในการลุกขึ้นสู้จากคำประกาศสิทธิมนุษยชน การปฏิวัติที่ฝรั่งเศสเมืองแม่ว่าสมัชชาแห่งชาติจะมอบอิสระในการปกครองตนเองให้กับพวกเขาทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้นพระราชบัญชาแห่งชาติได้

มอบอิสระดังกล่าวให้แค่กับคนผิวขาวที่อยู่ในอาณานิคมเท่านั้นเหล่าทาสในแซงโดแมงรู้สึกเหมือนกับคนที่ถูกหักหลังความอดทนของพวกเขาสิ้นสุดลงและตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาปฏิบัติด้วยตนเองไม่สามารถพึ่งสมัชชาแห่งชาติได้  

         Toussaint L’ Ouverture  อดีตทาสผิวดำในอาณานิคมที่เคยถูกกดขี่ก็เลยขึ้นมาเป็นผู้นำในการปฏิวัติกองกำลังของกลุ่มฆ่าสังหารคนผิวขาวในอาณานิคมไปมากมาย  แม้ว่าฝรั่งเศสจะได้ความช่วยเหลือจากอังกฤษที่กลัว ว่าอาณานิคมของตนเองจะก่อการปฏิวัติขึ้นมาเช่นกันแต่กองทัพของพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ต่อ แซงโดแมงในปี 1789 ทำให้เหล่าทาสเข้ายึดครองดินแดนในแซงโดแมงได้ทั้งหมดและ ลูแวร์ตูร์ ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของหมู่เกาะ อิสปันโญลา

         อย่างไรก็ตาม ลูแวร์ตูร์ กลับต้องไปเสียชีวิตที่คุกในฝรั่งเศสจากการถูกกองกำลังของนโปเลียนโบนาปาร์ตที่ต้องการหรือระบบทาสขึ้นมาใหม่ในค.ศ 1802  Jean-Jacques Desslines  อีกคนสำคัญในการปฏิวัติจึงขึ้นเป็นกองทัพชาวผิวดำจนได้รับชัยชนะที่ยุทธการเวอร์เทียร์ในปี 1803

และได้มีการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ ของจักรวรรดิเฮติ ในปี 1804  ดังนั้นเฮติจึงเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการปฏิวัติโดยทาสซึ่งในมุมมองของนักประวัติศาสตร์นี่คือการปฏิวัติจากคนผิวดำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่ง 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.    ทางเข้าufabet168

คำว่า นาค นั้นหมายความว่าอย่างไร?

นาคมายความว่าอย่างไร ก่อนที่จะเข้าบวชชายเหล่านี้จะได้รับฐานะจากคนให้เป็น นาค เสียก่อนคนทั่วไปเรียกว่า บวชนาค มีนิทานพุทธที่เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางอยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนาคที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงแปลงเป็นมนุษย์มาขอบวชในภายหลังพระพุทธองค์ทรงทราบ นาค จึงต้องสึกจากการเป็นพระ

ซึ่ง นาค ทำได้เพียงแค่ขอต่อพระพุทธเจ้าว่า ต่อไปในภายภาคหน้าให้ผู้ที่กำลังเตรียมบวชให้มีชื่อเรียกว่า นาค ซึ่งเป็นที่มาของกำเนิดของประเพณีทำขวัญนาคและการบวชนาคจนกระทั่งปัจจุบันแท้จริงแล้วการบวชนาคไม่มีการกำเนิดไว้ในพุทธบัญญัติจึงไม่มีการบวชนาคนี้ในอินเดียและในลังกาโบราณ

แม้จะถือว่าเป็นต้นทางแห่งพระพุทธศาสนาก็ตามแต่ในทางกลับกันการบวชนาคได้กลายเป็นประเพณีพื้นเมืองที่ยึดถือกันเฉพาะในภูมิภาคอุษาขเณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บริเวณส่วนพื้นแผ่นดินได้แก่พม่ากัมพูชาลาวและไทยในพิธีการบวชพระจะถามคำถามหนึ่งแก่ผู้ขอบวชทุกครั้งว่า “ ท่านเป็นมนุษย์หรือไม่ “ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ที่จะมาบวชนี้ไม่ใช่นาคปลอมตัวมา

โดยสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงสังคมอินเดียในยุคโบราณที่ไม่ยอมรับกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมต่ำกว่าให้อยู่ในฐานะคนแต่ถึงแม้ปรัชญาของศาสนาพุทธจะอยู่ตรงข้ามกับศาสนาพราหมณ์ที่เป็นหัวใจของชนชั้นปกครองอารยันในยุคสังคมวัณแต่ศาสนาพุทธก็ไม่อาจขัดขวางความสำนึกขั้นพื้นฐานของสังคมมนุษย์ในในยุคคนั้นได้ทั้งหมดเช่นกัน

นอกจากนี้ในวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขงแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและในประเทศลาวรวมทั้งกัมพูชายังมีพิธีกรรมเก่าแก่ที่ได้กระทำสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนพิธีเถราภิเษก

หรือ ฮดสรง ได้เป็นประเพณีโบราณการรสน้ำในโอกาสการเลื่อนสมาสักแก่พระสังฆ์ยิ่งเป็นพระสังฆ์รูปสำคัญอาจจะได้รับการ ฮดสรง จากเจ้าเมืองหรือพระมหากษัตริย์

พิธีกรรมเช่นนี้ยังเป็นที่นิยมปฏิบัติสำหรับชาวบ้านทั่วไปในงานบุญตามประเพณีสำคัญๆในปัจจุบันรางน้ำที่ทำด้วยไม้เป็นรูปนาคด้านล่างจะมีห่อผ้าขาวได้บรรจุของที่มีค้าขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเอาไว้ในห่อผ้าขาวนอกจากนี้น้ำก็จะถูกเทให้ไหลผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ไหลลงมายังพระภิกษุให้ผ่านรางน้ำที่เป็นรูปนาค

เนื่องจากนี้ นาค จึงได้ทำหน้าที่คอยเชื่อมโยงเติมเต็มภาพแห่งในอุดมคติให้สมกับฐานะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้สูงส่งขึ้นของพระภิกษุสงฆ์รูปนั้นตลอดเวลาช่วงนับพันปีในดินแดนอุษาขเณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากงูมาสู่นาคจากผีผสานเข้ากับพราหมณ์และพุทธ นาค เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยไขให้เห็นถึงความสัมผัสมในการเชื่องโยงความคิดและความเชื่องดั้งเดิมของผู้คนในอุษาขเณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แจ่มชัดยิ่งขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.   สมัครเว็บ ufabet

ตำนานพระกินเณร

ตำนานพระกินเณร สำหรับเหตุการเณรชอบหายตัวไปหลังจากที่หลวงพ่อทองได้ธุดงค์มาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดเขากบแห่งนี้และก็ได้มีคนมาบวชเป็นพระมากขึ้นและบวชเณรมากขึ้น

จนมีอยู่วันนึงเณรเหล่านี้ก็ได้หายตัวไปตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอจนทำให้หลวงพ่อทองนั้นได้คิดว่าพวกเณรคงจะอยู่ไม่ได้คงจะหนีกลับบ้านไปแล้วก็ได้

ดังนั้นหลวงพ่อทองท่านก็ได้ออกเดินตามหาไปยังที่บ้านของพวกเณรเหล่านี้และมันก็ได้สร้างความตกใจให้กับทางวัดและตัวของหลวงพ่อทองมาตรงนี้เขาก็เลยได้เริ่มสืบว่ามันเกิดอะไรกันแน่แต่ในตอนแรกพอสืบไปสืบมาก็ยังไม่ได้ความอะไรมากมายก็ปล่อยไปตามเวลาและค่อยหากันต่อไป

เมื่อเวลามันได้ผ่านมาแล้วเรื่อยๆสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นก็คือเณรก็เริ่มที่จะหายไปทีละองค์ๆและสิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตการณ์ของเรื่องนี้นั่นก็คือเณรส่วนใหญ่ที่หายไปจะเณรในโบสถ์สุดท้ายที่อยู่ติดกับเจดีย์เก่าที่เขาว่ากันว่าสร้างตั้งแต่กรุงสุโขทัยและในบริเวณนั้นก็ได้มีพระอยู่รูปหนึ่งประจำอยู่โสบถ์แห่งนั้นประจำที่เจดีย์เก่านี้อยู่

ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่รีรอก็ได้เข้าไปหาที่พระองค์นี้แล้วก็ได้คุยปรึกษากันไปมาปรากฎว่าสิ่งที่พระเจดีย์เก่าเขาได้คุยกับหลวงพ่อทองนั้นมันได้สร้างความตกใจให้แก่หลวงพ่อทองเป็นอย่างมากเพราะเขาบอกว่าในที่เจดีย์เก่าแห่งนี้ได้มีพระพุทธรูปปรางยืนอยู่องค์นึง

โดยในตอนแรกสิ่งที่เขาพบเจอนั้นพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปขนาดที่เท่าคนธรรมดาหรืออัตราหนึ่งต่อหนึ่งเลยแต่หลังจากที่มีเหตุการณ์เณรหายตัวไปทีละคนแล้วพระพุทธรูปองค์นี้ก็เริ่มที่จะมีร่างกายใหญ่ขึ้นๆเรื่อยๆและที่สำคัญไปกว่านั้นคือมีเศษจีวรของเณรได้ติดอยู่ที่ปากของงพระพุทธรูปองค์นี้ด้วย

นอกจากนี้สิ่งที่หนักไปกว่านั้นก็คือมีคลาบสีแดงๆติดอยู่ที่ปากของพระพุทธรูปองค์นี้ด้วยหลังจากที่พระองค์นี้ได้บอกกับหลวงพ่อทองจึงทำให้หลวงพ่อทองได้เกิดความตกใจเป็นอย่างมากเขาก็คิดว่ามันคงจะไม่ได้มีอะไรหรอกอาจจะเป้นความบังเอิญก็ได้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรในเรื่องของความเชื่อแล้วก็ตามหาเณรกันต่อไป

แต่หลังจากนั้นไม่นานเณรก็ไม่ได้หายไปอีกครั้งนึงและครั้งนี้มันแปลกไปกว่าในครั้งแรกเพราะครั้งนี้หลังจากที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่เจดีย์เก่าแห่งนั้นอีกรอบนึงเพื่อที่จะได้หาคำตอบให้ได้ในเร็ววัน

 

ขอบคุณ. สล็อต777คาสิโนออนไลน์  ที่ให้การสนับสนุน

ตำนานพญานาคตามความเชื่อ

สำหรับความเชื่อเรื่องของพญานาคแล้วตามความเชื่อของศาสนาฮินดูศาสนาพุทธแล้วก็ศาสนาเชนพญานาคหรือนาคจะมีความหมายว่างูใหญ่ที่มีหงอนเป็นสีทองและในความเชื่อของศาสนาฮินดูนาคถือเป็นสิ่งมีชีวิตกึ่งเทวะที่มีพลังอำนาจวิเศษมากมายเลย

ซึ่งมีความสามารถดลบันดาลทำให้เกิดสิ่งต่างๆอย่างมากมายทั้งในด้านที่ดี ตำนานพญานาคตามความเชื่อ และในด้านที่ไม่ดีและด้วยความที่ว่านาคนั้นได้เป็นกึ่งเทวะนาคจึงอาจจะสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้หรือจะแปลงกายเป็นมนุษย์กึ่งนาคหรือจะเป้นนาคที่เป็นงูที่มีขนาดตัวใหญ่มากๆแล้วก็มีหงาน

โดยตามความเชื่อแล้วนาคส่วนใหญ่เราเชื่อกันว่าน่าจะอาศัยอยู่เมืองบาดาลที่ภายในเมืองบาดลจะเต็มไปด้วยอัญมณีอย่างเช่นทองคำเพชรพลอยและก็ทรัพย์สมบัติทางโลกอื่นๆอีกมากมายเลยทีเดียว

นอกจากนี้นาคยังมีความเกี่ยวพันธุ์กับแม้น้ำทะเลสาปทะเลหรือแม้แต่บ่อน้ำโดยพลังอำนาจของนาครวมถึงพิษของนาคด้วยทำให้บางพื้นที่ทำให้นาคอาจจะเป็นอันตรายกับมนุษย์ได้แต่ถึงอย่างไรก็ตามนาคก็มักจะปรากฏอยู่ในฐานะของความดีเสียมากกว่าและยังถือเป็นผู้บำเพ็ญศีลบารมีที่ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และเทวดาเอง

เพราะฉะนั้นแล้วในครั้งหนึ่งตามตำนานของศาสนาฮินดูเหล่าเทวดากับอสูรจะต้องกวนเกษียรสมุทรก็คือทะเลน้ำนมที่มีขนาดใหญ่โดยในครั้งนั้นได้มีพระญาวาสุกีซึ่งเป็นพญานาคได้เสียสละตัวเองมาเป็นเชื่อกรัดเขามันทระเพื่อที่จะให้เทวดาและอสูรดึงตัวเองในการหมุนเขาเพื่อที่จะกวนเกษียรสมุทรนั่นเอง

เนื่องจากนี้ในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ได้มีตำนานต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นตำนานเกี่ยวกับการเกิดของพระจันทร์พระอาทิตย์หรือแม้แต่ราหูรวมถึงของวิเศษตามตำนานอีกมากมายก็เกิดขึ้นภายในเหตุการณืนี้เช่นกันหรือแม้แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับสัตว์ที่มีพิษต่างๆมากมายบนโลกของเรา

โดยบางความเชื่อนั่นก็ได้เชื่อกันว่าในการกวนเกษียรสมุทรใมนครั้งนั้นพระญาวาสุกีที่ตนจะต้องถูดตึงอย่างรุนแรงทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมหาศาลจนตัวเองต้องพ่นพิษออกมาอย่างมากมายและก็ได้มีสัตว์จำพวกงูแมงป่องตะขาบอะไรพวกนี้ได้เข้าไปกินพิษของพระญาวาสุกีจึงทำให้สัตว์เหล่านี้มีพิษตามตำนานบางเรื่อง

ดังนี้เราต้องขอบอกกับทุกคนก่อนว่าเรื่องราวตำนานความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคมันได้มีอยู่หลายแบบมากโดยมักจะแตกต่างกันออกไปในบางส่วนแล้วแต่พื้นที่นั้นๆและความเชื่อที่เกี่ยวกับพญานาคของไทยเราเราโดยจะมีตระกูลใหญ่ด้วยกันนั่นก็คือตระกูลวิรูปักษ์พญานาคที่มีสีทองการเกิดของพญานาคนั้นได้เกิดมาแบบโอปปาติกะเกิดแล้วโตทันที

 

สนับสนุนโดย.    ufabetฝ่ายบริการ

ตำนานพญานาคเคยปกครองเมืองสยาม

ตำนานพญานาค ซึ่งพญาบาดาลก็ได้ส่งลูกขึ้นมาให้ปรนนิบัติพระเจ้ากรุงสุโขทัยได้กลายร่างมากเป็นหญิงได้ไปปรนนิบัติพระเจ้ากรุงสุโขทัยจนกระทั่งตัวเองท้องท่านก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงอุส่าหนีมาบำเพ็ญศลีอยู่ในป่าแต่ก็ไม่เป้นไรพระเจ้ากรุงสุโขทัยก็รักนางมากและบอกว่าจะพานางกลับไปยังวัง

นอกจากนี้ถ้าหากว่าท่านได้พากลับไปทั้งที่ได้ออกมาบำเพ็ญศลีคนในวังก็ไม่รู้จะทำยังก็เลยบอกกับพญานาคว่าพี่จะขอกลับวังไปสัก7วันเสร็จแล้วก็จะกลับมารับเข้าไปอยู่ในวังเช่นกันรับผ้าแดงกับแหวนไปแล้วกันรับประกันว่าพี่จะกลับมาหาน้องแน่ๆก็ได้ให้ของไว้กับนาคสาวและได้กลับกรุงสุโขทัยไป

เมื่อได้กลับมาถึงวังการบ้านการเมืองก็มีเยอะบวกกับสนมในวังก็เยอะจนหลัง7วันผ่านไปพระเจ้ากรุงสุโขทัยไม่ได้กลับมาหานาคสาวลืมไปแล้วนาคสาวตนนี้ก็ได้แต่รอและรู้สึกว่าไม่แน่ใจแล้วในตอนนั้นเองนางรู้สึกว่าตัวนางท้องแต่จะกลับไปใต้บาดาลที่ตั้งท้องอยู่ก็จะน่าเกียจ

ดังนั้นจึงคิดว่าจะเอาลูกออกแต่โชคดีที่เธอนั้นเป็นพญานาคไม่ต้องไปทำแท้งก็แค่ไปสำรอกออกมาพญานาคสาวก็เลยได้เดินทางไปริมแม่น้ำเสร็จแล้วก็สำรอกออกมาเป็นก้อนเลือดบางตำนานก็บอกว่าเป็นไข่แต่ในสำนวนที่อ่านมาว่ามันเป็นโลหิตจึงได้ทิ้งก้อนเลือดเอาไว้พร้อมกับผ้าและแหวนเสร็จแล้วก็กลายร่างกลับเมืองบาดาลไป

ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีคางคกหนึ่งตัวได้กระโดเข้ามาเสร็จจแล้วได้กินเข้าไปแต่มันได้เป็นก้อนเลือดของพญานาคและมีพิษทำให้คางคกตายแต่ทว่าร่างกายของคางคกมันยังสามารถขยับได้อยู่นั่นก็เพราะว่าก้อนเลือดที่อยู่ในท้องของคางคกมันคือเด็กวิเศษได้ใช้ร่างของคางคกเป็นหุ่นเชด

เนื่องจากนี้ได้มีสองตายายมีอาชีพหาปลาและเห็นผ้ากับแหวนตกก็ได้หยิบเอามาใช้เองเสียเลยเมื่อเอาเอาผ้าขึ้นมาก็พบคางคกตัวหนึ่งสบัดดทิ้งไปและเอาผ้ามาใช้และได้ร่องเรือจับปลาต่อและการจับปลาวันนั้นเหมือนดวงจะไม่ดีเอาเสียเลยจับยังไงก็จะได้แต่คางคกตัวเดิม

โดยคางคกตัวนี้ทำให้ตาโกรธจึงจับมันมาฆ่าจากนั้นคางคกได้บอกว่าตาจ๋าอย่าทำหนูเลยเอาข้าไปเลี้ยงและข้าจะดูแลปัดกวาดถูบ้านจึงทำให้สองตายายตกใจคิดว่ามันเป็นคางคกเทพแน่เลยจึงได้นำเอาคางคกนั้นมาเลี้ยงนำขึ้นมาแล้วพากลับบ้าน

 

สนับสนุนโดย.   gclub สล็อตฟรี

ประวัติของการ์ตูน

ประวัติของการ์ตูน ความเป็นมาของการ์ตูนที่เราดูหรืออ่านทุกๆวัน หลายๆคนอาจจะยังไม่รุ้ประวัติของมันเลย โดยการ์ตูนนั้นจะเริ่มมาจาก ค.ศ.ที่13 ของทวีป ยุโรป ช่วงเรเนซองต์ ซึ่งการ์ตูนนั้นมาจากภาษา อิตาลี คือคำว่า Catone(คาโตเน่) ซึ่งแปลว่า กระดาษผืนใหญ่ เพราะในสมัยนั้นจะยังเป็นงานศิลปะแบบ เฟรสโก้(Fresco)

ซึ่งเป็นงานแบบภาพแนว สีน้ำมัน และหลังจากนั้น ก็เกิดการ์ตูนของแต่ล่ะประเทศเพิ่มขึ้น และมีการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไปในแต่ล่ะประเทศ จนเป็นสิ่งที่เราเห็นกันในปัจจุบัน มีการดำเนินเรื่องที่แสดงออกมาเป็นช่องสี่เหลี่ยม และมีการใส่คำพูดเข้าไปในตัวละครต่างๆ ในแต่ล่ะช่อง ซึ่งเรียกกันว่า คอมมิค

การ์ตูนของทางฝั่ง ยุโรป

การ์ตูนของทางยุโรปเริ่มกันที่ ค.ศ.ที่18 โดยมีสิ่งที่ยืนยันได้ก็คือภาพร่างการ์ตูนของ William Hogarth ซึ่งเป็นนักวาดการ์ตูนชาวอังกฤษ ในช่วงราวๆ ปี ค.ศ.1843 ซึ่งเป็นนิตยสารของ Punch เป็นการ์ตูนที่ส่อเสียดสังคม John Leech และเป็นหนังสือการ์ตูนเล่มแรกที่ตีพิมพ์ลงในสื่อสาธารณะอย่างเป็นทางการ และในสมัยนั้นเป็นการ์ตูนเสียดสีการเมืองที่นิยมมากอีกด้วย และจากจุดนั้นเอง ทำให้เป็นประเทศต่างๆ เช่น เยอร์มัน จีน และประเทศอื่นๆ ก็เริ่มทำการตีพิมพ์หนังสือการ์ตูนอีกด้วย

การ์ตูนของทางประเทศ ญี่ปุ่น

การ์ตูนของประเทศญี่ปุ่นนั้น ได้มีผู้ริเริ่มเขียนขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นและเรียกกันว่า มังงะ (Manga) [มังงะ(Manga)ในภาษาญี่ปุ่นจะแปลว่าความไม่แน่นอน] ซึ่งเป็นหรือพัฒนามาจาก อุคิโยเอะ(Ukiyoe) (อุคิโยเอะ(Ukiyoe) เป็นภาพเขียนของญี่ปุ่น ซึ่งจะมีลักษณะที่สวยงาม เน้นที่ อารมณ์และความคิด มากกว่าที่จะเน้นลายเส้นและรูปร่างของตัวละคร)

และการนำภาพเขียนของทางตะวันตกมาผสมกัน และเกิดคำว่า มังงะ(Manga) และมังงะเริ่มต้นมาจากหนังสือที่มีชื่อว่า โฮคุไซ มังงะ(Hokusai Manga) และ งิงะ ที่เป็นภาพที่ล้อเลียน ศิลปิน12ท่าน ซึ่งดูและจะรุ้สึกคล้ายกับมังงะ

การ์ตูนของไทย

การ์ตูนของประเทศไทยนั้นจะเริ่มาจากการที่การวาดภาพบน ผนังวัดต่างๆ และหลังจากที่เริ่มมีการพัฒนาให้เข้ากับตะวันตกนั้นเอง และการ์ตูนไทยก็เริ่มที่จะมี เป็นรูปประกอบ ในเนื้อเรื่องของนิยาย และเรียกกันว่านิยายภาพ และการ์ตูนการเมืองในปี พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นยุคที่หนังสือการ์ตูนของไทยเป็นที่ยอดนิยม

และมีการตีพิมพ์เป็นอย่างมากใน หนังสือพิมพ์ วารสาร และในสมัยนั้นมีนักเขียนที่ขึ้นชื่ออยู่มาก เช่น เหม เวชกร และ จุก เบี้ยวสกุล และหลังจากนั้นก็ได้มีการตีพิมพ์ เป็นหนังสือการ์ตูนแยก เป็นเล่มล่ะ 1 บาท ซึ่งมีให้เลือกอ่านหลายแนวมากมาย เช่น แนวยองขวัญ ตลก เป็นต้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.   แจ้งฝาก-ถอน ufabet

ตำนานพระพุทธรูปกินสามเณร

               ตำนานพระพุทธรูปกินสามเณร  เกี่ยวกับตำนานเรื่องเล่าของพระพุทธรูปที่สามารถกินสามเณรได้นั้นเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครสวรรค์  เบอร์เกิดขึ้นที่วัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง  ซึ่งเรื่องนี้มีการเล่ากันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายมาเป็นนิทานปรัมปราและกลายมาเป็นตำนานที่มีชื่อเสียงโด่งดังของวัดดังกล่าวอีกด้วย

        ตามตำนานว่ากันว่าวัดแห่งนี้แต่เดิมนั้นเป็นวัดที่ถูกปล่อยให้ทิ้ง รกร้าง  หลังจากนั้นก็มีพระธุดงค์องค์หนึ่งเดินทางมาเจอวัดร้างดังกล่าวแห่งนี้ซึ่งพระองค์นั้นมีชื่อว่าหลวงพ่อทอง  เมื่อหลวงพ่อทองเห็นจึงได้มีการเข้ามาบูรณะซ่อมแซมวัดร้างแห่งนี้ให้กลายมาเป็นวัดที่ชาวบ้านในพื้นที่สามารถมาทำบุญ  และมาปฏิบัติธรรมได้ นับจากนั้นเป็นต้นมาหลวงพ่อทองก็กลายมาเป็นเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้และชาวบ้านก็พากันเดินทางมาทำบุญ 

          และเหตุการณ์ที่เกิดเป็นตำนานของพระพุทธรูปหินสามเณรเกิดขึ้นนับตั้งแต่วัดแห่งนี้มีการเปิดให้มีการบวชพระบวชเณรซึ่งมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นว่าในทุกๆคืนมักจะมีสามเณรหายออกจากวัดโดยที่ไม่มีทราบสาเหตุช่วงแรกๆพระลูกวัดรวมถึงเจ้าอาวาสต่างก็คิดกันว่าสามเณรเหล่านั้นที่หายออกไปจากวัดนั้นน่าจะคิดถึงบ้านจึงอาจจะกลับบ้านโดยที่ไม่บอกกล่าวกับพระองค์อื่นๆแต่อยู่มาวันหนึ่งก็มีสัปเหร่อได้มาบอกกับทางด้านเจ้าอาวาสว่าเขาเกิดความสงสัยพระพุทธรูปองค์หนึ่งซึ่งอยู่ในโบสถ์โดยเขาสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่มีสามเณรหายออกจากวัดพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวนั้นจะมีรอยเลือดติดอยู่ตรงบริเวณปากและมีเศษจีวรติดอยู่ตรงบริเวณปากด้วย 

          ที่สำคัญเขาสังเกตเห็นว่าพระพุทธรูปองค์นั้นมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นเมื่อจะเอาว่าได้ยินเรื่องนี้จึงได้เดินทางมาดูแล้วก็เห็นจริงว่าพระพุทธรูปมีขนาดใหญ่โตขึ้นจากเดิมมากอย่างนั้นชาวบ้านรวมถึงพระและเจ้าอาวาสจึงพากันมาแอบดูในช่วงเวลากลางคืนจึงเห็นว่าเมื่อมีสามเณรเดินผ่านมาตรงโบสถ์ดังกล่าวก็จะมีการถูกพระพุทธรูปดึงเข้าไปกิน  จึงทำให้ทุกคนเข้าใจทันทีว่าสามเณรที่หายไปนั้นไม่ได้กลับบ้านแต่ปู่พระพุทธรูปภายในโบสถ์ของวัดนั้นกินเข้าไป

           หลวงพ่อทองจึงได้มีการสวดคาถาอาคมและสั่งให้ช่างมาทำกรงขังเลยเอาเหล็กมาทำเป็นกองให้มีความแน่นหนาขายพระพุทธรูปเอาไว้และสั่งห้ามไม่ให้สามเณรเดินมาใกล้บริเวณโบสถ์ดังกล่าวไปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเรื่องราวของพระพุทธรูปกินสามเณรก็เป็นเรื่องราวที่มีการพูดถึงกันแต่ภายหลังจากที่มีการขังพระพุทธรูปเอาไว้ไม่มีเณรตายเรื่องราวเหล่านั้นจึงได้เลิกพูดถึงกันนั่นเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    Gclub ฟรี 500