ประวัติ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร  กรุงเทพฯ 

วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร จากประวัติความเป็นมาของ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร นั้นว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยของบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โดยมีวัตถุประสงค์อย่างที่จะให้มีวัดเกิดขึ้นเยอะๆเหมือนกับสมัยของกรุงศรีอยุธยาดังนั้นหลายจากที่มีการขุดคลองผดุงกรุงเกษมเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วพระองค์จึงได้มีการส่งโปรดเกล้าให้มีการสร้างวัดบริเวณชายคลอง

  ซึ่งในตอนแรกนั้นมีการเริ่มสร้างวัดโสมนัสราชวรวิหาร  หลังจากนั้นจึงได้มีการโปรดเกล้าให้สร้าง วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ขึ้นมาเพื่อให้เปลี่ยนวัดที่เคียงคู่กัน 

จากหลักฐานความเป็นมาของการก่อสร้างวัดนั้นไม่ได้มีการระบุว่าวัดแห่งนี้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้น

เมื่อใดแต่มีการระบุเกี่ยวกับการก่อสร้างวัดหลังจากที่มีการแล้วเสร็จว่ามีการสร้างเสร็จสิ้นช่วงประมาณปีพ.ศ 2411    ซึ่งหลังจากที่มีการสร้างวัดแห่งนี้เสร็จสิ้นแล้วรัชกาลที่ 4 ก็ได้มีการโปรดเกล้าแต่งตั้งชื่อวัดว่าวัดนามบัญญัติ  ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่ซึ่งเป็นชื่อพระราชทานโดยมีการเปลี่ยนชื่อภายหลังจากที่รัชกาลที่ 4 สวรรคตโดยชื่อใหม่นั้นก็คือ  วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร  นั่นเอง 

สำหรับผู้ที่เข้ามาดูแลในการก่อสร้าง วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร แห่งนี้ก็คือสมเด็จพระเจ้ายาบรมมหาศรีสวัสดิ์สุริยวงศ์

  โดยรับหน้าที่เป็นแม่กลองในการเข้าควบคุมเกี่ยวกับเรื่องของการก่อสร้างส่วนในช่างที่เป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับการก่อสร้างโดยตรงนั้นก็คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนราชสีห์หากวิกรม  

สำหรับ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีการก่อสร้างในช่วงยุคกรุงรัตนโกสินทร์  สิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติอย่างดีที่บ่งบอกว่าวัดแห่งนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4

ก็คือ ลายพระมหามงกุฏ ซึ่งเป็นตราประจำของรัชกาลที่ 4 นั่นเอง โดยตราประทับนี้มีการสร้างเอาไว้ด้านบนของซุ้มประตูและที่หน้าบันของทั้งพระอุโบสถและพระวิหาร  นอกจากนี้ถ้าหากใครได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมความงดงามภายในอุโบสถจะพบว่าผนังด้านในของพระอุโบสถนั้นมีการวาดภาพจิตรกรรมที่มีความแตกต่างจากวัดอื่นๆ 

โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการวาดภาพเกี่ยวกับการบำเพ็ญกรรมฐานของพระสาวกในบาลีและอรรถกถา  และยังมีอื่นๆอีกมากมาย 

สำหรับการก่อสร้างวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร นั้นมีลักษณะของการก่อสร้างคล้ายเคียงกับวัดโสมนัสวิหารเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นวัดที่สร้างคู่กัน ซึ่งความคล้ายคลึงกันนี้ก็คือ จะมีการสร้างเสมาเอาไว้ 2 ชั้น โดยชั้นแรกนั้น มีชื่อว่า มหาสีมา ส่วนชั้นที่สองนั้นเรียกว่า ขัณฑสีมา  ทำให้พระสงฆ์ที่อยู่ที่วัดแห่งนี้สามารถทำการประชุมสังฆกรรมได้ทั้งในพระอุโบสถและพระวิหารเลยทีเดียว 

 

ผู้ให้การสนับสนุนโดย  ufabet

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไม ถึงเรียกโลกใบนี้ว่า Earth 

      เรียกโลกใบนี้ว่า Earth   เมื่อพูดถึงโลกที่เราอาศัยอยู่ผู้คนจะเรียกดาวดวงนี้ที่เราอาศัยกันอยุ่นี้ว่า Earth  หรือหากคนไทยก็แปลได้ว่าคือโลกนั่นเอง

แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่าใครเป็นคนที่ตั้งชื่อดาวดวงนี้เป็นดวงแรกว่าEarth แล้วทำไมถึงเรียกดาวดวงนี้ว่าEarth   หากว่าเคยสังเกตให้ดีและมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของดวงดาวจะเห็นได้ว่าดาวดวงอื่นๆนั้นจะมีการตั้งชื่อเลือดซึ่งส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นการตั้งตามชื่อของเทพเจ้ากรีกแต่มีเพียงแค่ดาวโลกซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวเท่านั้นที่ไม่มีการตั้งชื่อตามชื่อของเทพเจ้ากรีก หรือว่าเรามันทำให้เราสงสัยว่าที่มาที่ไปของคำว่าEarth เกิดขึ้นมาได้อย่างไรและใครเป็นคนตั้งให้เรียกEarth เป็นคนแรก 

          อย่างไรก็ตามแม้ว่าหลายคนจะมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของการเรียกชื่อดาวเคราะห์ดวงนี้ว่าโลกแต่ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าใครเป็นคนตั้งชื่อดาวเคราะห์นี้ว่าโลกโดยไม่มีเอกสารอะไรที่เป็นหลักฐานอ้างอิงได้เลยแม้แต่ว่านักวิทยาศาสตร์จะพยายามค้นหามากแค่ไหนก็ตาม เส้นทางนักวิทยาศาสตร์ก็มีการตั้งทฤษฎีที่สามารถที่จะกล่าวได้ว่ามันมีความเป็นไปได้เพียงเท่านั้นแต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ 

          ยังไงก็ตามนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าคำว่า Earth งั้นน่าจะมีการใช้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปีมาแล้วโดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า Eor (th )e 

ซื้อมาจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษและยังมี ertha ซึ่งมาจากภาษาเยอรมันนำมารวมกัน ซึ่งคำศัพท์ทั้งสองคำนั้นเป็นคำศัพท์ภาษาโบราณโดยความหมายของคำศัพท์ดังกล่าวก็คือพื้นดินนั่นเอง 

          สำหรับนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าคนโบราณน่าจะยังไม่เคยรู้จักโลกว่าโลกนั้นเป็นดาวเคราะห์ ดวงหนึ่งเพียงเท่านั้นเพราะฉะนั้นคนโบราณจึงได้สรรหาคำมาเรียกพื้นแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ว่าโลก หรือ Earth แต่คนโบราณน่าจะมีความเชื่อว่า โลกที่เราอาศัยอยู่นี้นั้นเป็นเพียงแค่สถานที่    ufabet ฝาก-ถอน ออโต้   แห่งหนึ่งเท่านั้นส่วนดาวเคราะห์ดวงอื่นที่หมุนเวียนทำให้เรามองเห็นเมื่อยามเรามองไปที่บนท้องฟ้านั้นคือเทพเจ้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมามองดูโลกเพียงเท่านั้น   และด้วยมุมมองนี้เองที่ทำให้คนโบราณไม่ได้มีการตั้งชื่อโลกเหมือนกับชื่อของเทพเจ้า  

         อย่างไรก็ตามแต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ทฤษฎีและมีความน่าจะเป็นไปได้เท่านั้นแต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะสามารถนำมาเย็นๆได้ว่าความคิดนี้ของนักวิทยาศาสตร์นั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นรูปประธรรมที่จะสามารถมายืนยันแนวความคิดได้ไงนั่นเอง  ดังนั้นความลับที่ว่าทำไมดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกมีการเรียกชื่อว่าEarth หรือโลก จึงยังคงเป็นความลับอยู่ต่อไปซึ่งยังคงไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนหรือใครก็ตามแต่ในโลกใบนี้ที่จะสามารถหาคำตอบได้ที่แท้จริง 

ชนเผ่าอินเดีย ในศตวรรษที่ 15 

ชนเผ่าอินเดีย ในศตวรรษที่ 15  ชาวอินเดียถือเป็นชนพื้นเมืองได้เป็นเจ้าของผืนแผ่นดินอเมริกาก่อนที่คนผิวขาวจากยุโรปจะส่งไปยึดครองจับจองและขับไล่คนพื้นเมืองที่เป็นเจ้าของมาก่อนไปอยู่ในอาณานิคมที่คนผิวขาวเป็นคนสร้างขึ้นและสร้างกฎบังคับให้คนพื้นเมืองเหล่านั้นต้องทำตาม

โดยตามทฤษฎีชาติพันธุ์นั้นมีความเชื่อกันว่าชาวพื้นเมืองอเมริกาหรือพวกอินเดียแดงอพยพไปจากทวีปเอเชียตั้งแต่ยุคน้ำแข็งที่ทำให้แผ่นดินทวีปเอเชียกับอเมริกานั้นเชื่อมต่อกันด้วยแผ่นน้ำแข็งชนพื้นเมืองเหล่านั้นจึงอพยพข้ามมาทางรัฐอลาสก้าแล้วเริ่มลงหลักปักฐาน

ตั้งแต่อลาสก้าลงมาจนถึงอเมริกาใต้ ซึ่งชาวเอสกิโมก็คือชนเผ่าพื้นเมืองที่อพยพมาด้วยในช่วงเวลานั้นเช่นกันหรือแม้แต่ชนเผ่ามายาในอเมริกากลางจนถึงชนเผ่าอินคาในอเมริกาใต้ก็เป็นชนเผ่าชนพื้นเมืองที่สืบสายมาจากกลุ่มคนที่อพยพมาจากเอเชียประมาณกันว่าชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านี้สืบสายพันธุ์จนกลายเป็นจำนวนนับพันนับหมื่นชนเผ่า

โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือเองก็มีจำนวนนับเป็นพันๆชนเผ่าตั้งแต่คนขาวจากยุโรปเริ่มอพยพเข้าไปปักหลักอยู่แผ่นดินอเมริกาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่15 นั้นก็มีการทำสงครามฆ่าสังหารคนพื้นเมืองเหล่านี้มากมายจนหลายเผ่าพันธุ์ถึงกับสูญพันธุ์ไปเลยทีเดียว

โดนเฉพาะในอเมริกาเหนือช่วงสร้างประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีการทำสงครามระหว่างคนผิวขาวกับชนเผ่าอินเดียในอเมริกาเหนืออย่างดุเดือดตลอดจนทั่วทุกพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ไปจนกระทั่งสิ้นสุดเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ทำให้เกิดความสูญเสีย

ระหว่างทั้งสองฝ่ายลงอย่างมากมายในที่สุดชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียก็ต้องเป็นฝ่ายยอมวางอาวุธก่อนและต้องยอมอยู่ใต้กฎหมายของคนผิวขาวที่กำหนดให้ชาวอินเดียเหล่านั้นอยู่ในเขตสงวนที่จัดเอาไว้เฉพาะนี่คือเรื่องที่น่าเศร้าของผู้ที่ครอบครองก่อน แต่ต้องพ่ายแพ้และตกอยู่ในชะตากรรมที่ผู้อื่นกำหนดให้และเรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของหัวหน้าเผ่าชาวอินเดียแดงผู้หนึ่งที่มีประวัติการต่อสู้เป็นตำนานในช่วงปลายสงครามอเมริกันอินเดียถึงแม้บั้นปลายจะต้องวางอาวุธและยอมเข้าไปอยู่ในเขตสงวนที่คนขาวกำหนดให้

แต่กว่าที่จะมาถึงบทจบของสงครามอินเดียในครั้งนั้นบุรุษผู้นี้ถือเป้นวีรบุรุษของชาวอินเดียแดงไม่เฉพาะชนเผ่าของตนเองเท่านั้นแต่ของชาวอินเดียทั่วไปที่ต่อสู้กับคนขาวอย่างกล้าหารหรือแม้แต่คนขาวเองก็ยังหวาดกลัวคนผู้นี้บุคคลผู้นี้ก็คือ เจอโรนิโม 

จุดเริ่มต้นของสงครามอินเดียนั้นนับตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช1622 โดยนักประวัติศาสตร์ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่าตั้งแต่เหตุการสังหารหมู่ที่เมืองเจมส์ทาวน์อาณานิคมแห่งแรกของอังกฤษที่ชาวอังกฤษในเมืองเจมส์ทาวน์ถูกสังหารลงไปเกือบครึ่งเมืองทั้งผู้หญิงและเด็กก็ถูกสังหารไม่เว้น

 

สนับสนุนโดย    ufabet

วัดบางไผ่ จังหวัดนนทบุรี

         วัดบางไผ่ จังหวัดนนทบุรี  จังหวัดนนทบุรีนั้นเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวัดเก่าแก่เยอะแยะมากมาย   ซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย 

โดยวัดที่เรากำลังพูดถึงแห่งนี้นั่นก็คือวัดบางไผ่ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่บางบัวทองวัดนี้ว่ากันว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานเนื่องจากว่ามีการก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงประมาณ ปี พ.ศ. 2309 เลยทีเดียว 

         สำหรับวัดบางไผ่แห่งนี้นั้นปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอำเภอบางบัวทองอยู่ใกล้กับตลาดบางบัวทองและอยู่ไม่ไกลจากวัด เร่งไร่ยี่ 2 มากนักที่สำคัญเป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักทำบุญและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากซึ่งมักจะหาเวลาว่างไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไปทำบุญไหว้พระ  

        สำหรับลักษณะเด่นของวัดบางไผ่ที่มีความแตกต่างจากวัดอื่นๆในจังหวัดนนทบุรีนั่นก็คือลักษณะของการก่อสร้างกำแพงวัดซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างจากทุกวัดที่เคยเห็นมาเนื่องจากว่าวัดแห่งนี้นั้นได้มีการสร้างกำแพงมีการลอกเลียนแบบให้มีความคล้ายคลึงกับป้อมปราการของทหาร  

        สำหรับด้านในบริเวณวัดนั้นจะมีโบสถ์และวิหารเก่าแก่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอุโบสถที่ถูกสร้างเอาไว้สำหรับเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อทองหรือพระพุทธมงคลศรีสุโขทัยซึ่ง พระพุทธรูปองค์นี้นั้นเนื้อเป็นทองคำ

ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยกรุงสุโขทัย  นอกจากนี้ยังเป็นพระประธานปางมารวิชัยนั่งขัดสมาธิที่ถูกนำมาประดิษฐ์ฐานเอาไว้ภายในอุโบสถเก่าแก่แห่งนี้เพื่อให้บรรดาประชาชนได้เข้าไปกราบไหว้ขอพร

            อย่างไรก็ตามภายในอุโบสถเก่าแก่แห่งนี้นั้นยังมีพระพุทธรูปเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งถือว่าเป็นโบราณวัตถุที่มีความสำคัญมากเนื่องจากว่าองค์พระพุทธรูปแต่ละองค์นั้นเป็นองค์พระพุทธรูปตั้งแต่สมัยศิลปะสมัยอู่ทองและสมัยสุโขทัย   นอกจากนี้ภายในพื้นที่วัดนั้นยังมีการสร้างสระน้ำขนาดใหญ่และมีการสร้างหอพระไตรปิฎกเอาไว้กลางสระน้ำอีกด้วยซึ่งด้านในหอพระไตรปิฎกนั้นก็จะเป็นที่จัดเก็บหนังสือเกี่ยวที่เกี่ยวข้องกับพระไตรปิฎกและคัมภีร์สั่งสอนเกี่ยวกับธรรมะเยอะแยะมากมาย  รวมถึงที่หอพระไตรปิฎกกลางน้ำ นั้นยังเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตจำลองอีกด้วย 

          สำหรับวัดบางไผ่แห่งนี้เป็นวัดที่ประชาชนมักจะเดินทางมาเพื่อปฏิบัติธรรมและทำบุญ  ซึ่งวัดจะเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าไปทำบุญและกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่ช่วงเวลา 8:00 น เป็นต้นไปและจะปิดเพื่อให้พระสงฆ์ได้มีการปฏิบัติธรรมและปฏิบัติกิจของสงฆ์ตั้งแต่ช่วงเวลา 18:00 น เป็นต้นไป 

         อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า วัดบางไผ่แห่งนี้จะเป็นวัดเก่าแก่และมีความโบราณแต่เนื่องจากได้รับการดูแลเป็นอย่างดีดังนั้นพื้นที่ภายในบริเวณวัดทุกส่วนนั้นจึงได้มีการทำนุบำรุงให้มีความสวยงามมีการทาสีใหม่ทำให้ไม่เหมือนกับวัดในสมัยโบราณนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.    www.ufabet.com ช่องทางเข้าเว็ปพนัน

สุดยอดแห่งผลงานด้านศิลปะของไทย พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

สำหรับประเทศไทยเรามีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับเรื่องของสัตว์ประจำประเทศนั่นก็คือช้างซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะเดินทางมาเที่ยวและมีโอกาสไปเยี่ยมชมสวนช้าง  ดังนั้นเมื่อช้างคือสัตว์มงคลของไทยและเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประจำชาติของไทยนั้นประเทศไทยจึงได้มีการสร้างพืชพันธุ์ขึ้นมาเพื่อเป็นการอนุรักษ์ข้อมูลเกี่ยวกับช้างของไทยดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียกว่าพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณนั่นเอง

        สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทางบริษัทเอกชนร่วมมือกันสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาซึ่งเป็นวันแห่งนี้นั้นเป็นปัจจุบันที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก นักท่องเที่ยวจากโลกนั้น

ต่างก็พากันรู้จักพี่แห่งนี้และเมื่อมีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทยก็ต้องแวะไปเที่ยวแห่งนี้เช่นเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวจีนนั้นมักจะมีการทำทัวร์มาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเลยทีเดียว

       สำหรับภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นสิ่งแรกที่จะทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจมากก็คือหอคอยช้างเอราวัณซึ่งที่นี่บอกได้เลยว่าจะมีความงดงามเป็นอย่างมากตัวหอคอยนั้นจะอยู่ด้านบนสุดของตัวสิ่งก่อสร้างซึ่งภายในนั้นจะมีศิลปะและสถาปัตยกรรมมาประดับตกแต่งต่างๆมากมายตัวหอคอยนั้นด้านนอกนักท่องเที่ยวจะมองเห็นเป็นรูปเศียรช้างหรือว่าหัวช้างนั่นเอง

และทางด้านในนั้นจะมีเสาแกะสลักเป็นการแกะสลักศิลปะของไทยนอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูป ให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้เมื่อเดินทางมาพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อย่างไรก็ตามศิลปะและประติมากรรมต่างๆที่ถูกจัดแสดงไว้ที่บริเวณหอคอยช้างอาละวาดแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นศิลปะที่มีความงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ซึ่งที่นี่นั้นนับได้ว่าเป็นศิลปะที่ยิ่งใหญ่อันดับโลกเลยทีเดียว

     นอกจากเรื่องของรูปปั้นประติมากรรมต่างๆแล้วเครื่องประดับตกแต่งเพื่อเพิ่มความงดงามและสร้างสีสันให้กับตัวอาคารนั้นก็มีส่วนสำคัญในการทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กลายเป็นที่ดึงดูดและเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการทำกระจกสีมาติดเป็นลวดลายต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเป็นแผนที่โลกซึ่งบอกได้เลยว่าศิลปะแบบนี้นั้นแทบจะไม่มีให้เห็นจากที่อื่นนอกจากที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพียงเท่านั้น

       ด้านในพิพิธภัณฑ์นอกจากเราจะเห็นศิลปะประติมากรรมต่างๆที่มีความเกี่ยวพันเกี่ยวกับช้างเอราวัณแล้วยังมีภาพวาดสีน้ำ ซึ่งภาพวาดที่ถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแห่งนี้นั้นจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นนอกจากนี้ยังมีการจัดโซนภาพวาดนี้ให้มีความคล้ายคลึงกับประเทศญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นการร้ายญี่ปุ่นหรือโต๊ะเก้าอี้สไตล์ญี่ปุ่นเรียกได้ว่าโซนนี้เป็นโซนของศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลยทีเดียว 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    สล็อต ufabet เว็บตรง

อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา

 อุทยานแห่งชาติประวัติศาสตร์อยุธยาและเป็นอุทยานขึ้นเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาจัดเป็น สถานที่ท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่งในประเทศไทยเพราะสมัยก่อนอยุธยาเป็นเมืองเก่าและมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน อยุธยานั้นเป็นเมืองเก่านานแล้วและเป็นเมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองมีกษัตริย์หลายพระองค์และมีหลายหลายราชวงศ์ ที่ขึ้นครองราชอาณาจักรอยุธยา อยุธยามีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานและหลังๆ การเรียนการสอนก็เน้น ประวัติศาสตร์อย่างมาก จึงทำให้การเรียนการสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ลึกซึ้งมากขึ้น จึงทำไห้อยุธยา มีการค้นหามากมาย จึงหาเจอได้ว่า 

อยุธยา คือเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองมาก เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทองคำ เเละมีความรุ่งเรือง เป็นศูนย์กลางใหญ่ๆ ของเอเชีย เเละเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ในการขนส่งสินค้า เเละเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมาก ทางด้านการค้าขาย การขนส่ง การเจริญสัมพันธไมตรีกับชาวต่างชาติ การส่งทูตไปยังสถานที่ต่างเเดน เพื่อไปเจริญสัมพันธไมตรีด้วย เพื่อความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจะเห็นได้ว่า อยุธยา รุ่งเรืองทางด้านการค้าขายกับชาวต่างชาติ

เเละมีเครื่องราชบรรณาการจากเมืองอื่นๆ เวลาได้เมืองอื่นเป็นเมืองขึ้น อยุธยา จึงเป็นเมืองใหญ่ เเละร่ำรวยเงินทอง มีหลายๆราชวงศ์สืบต่อกันมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี เเละเจริญรุ่งเรืองในด้านการค้าขายเป็นอย่างมาก เเละในรอบๆพระราชวัง ก็เต็มไปด้วยชุมชนเมืองต่างๆ ที่รายล้อมไปด้วยชาวต่างชาติ เพราะต่างชาติมาค้าขายกัน ในสมุดโบราณของชาวต่างชาติ ได้บันทึกไว้ ตั้งเเต่กรุงศรีอยุธยารุ่งเรือง จนถึงตอนกรุงเเตก ก็มีบันทึกไว้ด้วยเช่นกัน จึงเป็นประวัติศาสตร์ไห้เราได้ศึกษากันอย่างยาวนาน

จนมาถึงอยุธยา จากที่อยุธยาเจริญรุ่งเรือง จนถึงตอนนี้เหลือเเต่ซากปรักหากพัง ไห้เราได้เห็นกันจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็มีเเต่ซากอิฐ ส่วนที่ยังหลงเหลือเป็นทองอยู่นั้น ก็มีไม่ถึง20% เพราะของเก่าได้ถูกเผาทำลายกันไปเกือบหมดเเล้ว ในปัจจุบัน อยุธยา เปิดเป็นอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา เพื่อไห้ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เเละท่องเที่ยว

เเละชาวต่างชาติ ก็มาเที่ยวกันเยอะ ได้รู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เพิ่มเติมของอยุธยา เเละเป็นเดนมาร์กของจังหวัดอยุธยาด้วย ในอยุธยา ไม่ใช่มีเเค่อุทยานประวัติศาสตร์เท่านั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกเช่น ตลาดน้ำอโยธยา วัด เเละสถานที่เก่าๆต่างๆที่หลงเหลืออยู่ เเละบูรณะขึ้นมาใหม่ อยุธยา จึงเป็นเมืองที่หลายๆคนอยากมาท่องเที่ยว

 เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ของคนในชาตินั้นๆ ว่าเมื่อสมัยก่อน ใช้ชีวิตเเบบไหน เจริญรุ่งเรืองในด้านไหน เเละทำไห้ได้รู้ว่า เมื่อก่อนอยุธยา มีเมืองที่เต็มไปด้วยทองคำ เเละมีบุคคลที่สำคัญต่างๆที่ทำไห้อยุธยาเจริญรุ่งเรือง อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธา ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก ไห้ขึ้นเป็นมรดกโลกของประเทศไทย เพราะอยุธยา มีอดีตที่สวยงาม เเละหลากหลายเชื้อชาติ เเละเป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองในอดีตมาก่อน

ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเมืองหลวงกรุงเทพ

พื้นที่ในจังหวัดกรุงเทพนั้นเดิมที่มีประวัติความเป็นมาอย่างไรบางหลายคนก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพื้นที่ในจังหวัดกรุงเทพนั้นมีเรื่องราวที่น่าสนใจมาตั้งแต่ครั้งสมัยที่เรานั้นยังไม่รู้ภาษีภาษาและมีตำนานเหล่ากันมาอย่างยาวนานอีกทั้งยังมีประวัติและตำนานมามากมายที่ถูกเก็บเอาไว้ให้คนรุ่นหลังนั้นได้รู้กันว่าเดิมทีแล้วพื้นที่ในจังหวัดกรุงเทพนั้นมีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาของประวัติศาสตร์ที่เรานั้นยังไม่รู้มาก่อน

แพร่งสรรรพศาสตร์ (ย่านสามแพร่ง) เคยเป็นวังสรรพสาตรศุภกิจมาก่อน แพร่งสรรพศาสตร์นั้นเป็นย่านเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งอยู่ที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร ในอดีต วังสรรพสาตรศุภกิจซึ่งเป็นวังที่ประทัพของพระเจ้าบรมวงค์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ซึ่งเป็นผู้บังคับบังชากงช่างในมหาราชวังในสมัยนั้นจึงได้ทำการก่อสร้างวังสรรพสาตรศุภกิจเมื่อปีพ.ศ.2444แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป66ปีในปีพ.ศ.2510วังนี้ก็ได้ถูกไฟไหม้เสียหายจนหมดจะเหลือก็เพียงแต่ซุ้มประตูแพร่งสรรพศาสตร์จึงได้มีการสร้างตึกแถวสมัยใหม่ขึ้นมาแทนเรียกย่านนี้ว่า แพร่งสรรพศาสตร์ ตามพระนามของพระเจ้าบรมวงค์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจนั้นเอง ในปัจจุบันซุ้มประตูวังเก่ายังคงความสวยงามเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม

วังนางเลิ้ง คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระนคร เคยเป็นวังนางเลิ้งมาก่อน สำหรับวังนางนั้นเดิมที่หลายคนคงจะเคยได้ยินมาบ้างแล้ว เดิมที่เป็นวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระราชทาน แก่ พระบรวังค์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงใช้เป็นที่ประทัพถึงปี 2466พระองค์ได้สวรรคตลงเพียงอายุ 43พรรษา จากนั้นทายาทก็ได้ขายวังนางเลิ้ง ให้กับกรมยุวชนทหารบกต่อมาได้ถูกรื้อถอนเหลือแค่เพียง เรือนหมอพรและประตูวังที่อยู่ด้านหลังศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งสร้างไว้เป็นที่ระลึกทางด้านหลังโรงเรียนเพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้มากราบไหว้แทนส่วนตำหนักใหญ่ได้ถูกรื้อถอนแล้วสร้างใหม่เป็น คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระนคร ในปัจจุบัน 

ลานพลับพลามหาเจษฏาบดินทร์ เคยเป็นโรงหนังศาลาเฉลิมไทยมาก่อน ซึ่งโรงหนังนั้นได้เปิดให้บริการเมื่อปี2492สามารถบรรจุคนดูได้1500ที่นั่งเลยทีเดียวเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมจากผู้เข้าชมเป็นอย่างมากจนต้องมีการจองตั๋วล่วงหน้ากันเลยทีเดียว ซึ่งโรงหนังศาลาเฉลิมไทยได้นำหนังชื่อดังของไทยและหนังฮอลลีวู้ดเข้ามาฉายหลายเรื่องแต่เมื่อการเวลาได้ผ่านไปความนิยมในการรับชมภาพยนตร์ที่โรงก็ได้ถูกแทนที่ด้วยวีดีโอประกอบกับโรงหนังศาลาเฉลิมไทยตั้งอยู่ด้านหน้าของ วัดราชนัดดารามวรวิหาร และ โลหะปราสาท ทำให้เกิดการบดบังภาพความสง่างามคณะรัฐมนตรีจึงได้มีมัดติได้รื้อถอนศาลาเฉลิมไทยและสร้างเป็น ลานพลับพลามหาเจษฏาบดินทร์

ประวัตศาสตร์ทางภาคอีสาน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในแถบทางภาคอีสานที่ได้มีการค้นพบหลักฐานทางด้านอาณาจักรต่างๆและอารยธรรมโบราณสถานที่มีความกี่ยวข้องทางด้านประวัติศาสตร์อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท้องเที่ยวให้ได้เข้ามาศึกษาหาความรู้อีกด้วยซึ่งที่จริงแล้วทางภาคอีกสานนั้นก็มีแหล่งทางด้ารวัฒนธรรมต่างๆมากมายที่อยู่ทางภาคอีสานและมีถ้ำโบราณสถานที่มีอายุมานานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษที่เขานั้นได้สร้าเอาไว้เพื่อให้ลูกหลานนั้นได้ดูกัน

เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวในแถบภาคอีสานหรือทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ คนไทยส่วนใหญ่นั้นมักจะชอบในการท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรมเป็นลำดับแรก เนื่องจากในแถบทางภาคอีสานมีงานประเพณีหรือสถานที่สำคัญอันเป็นเอกลักษณ์อยู่มากมาย ในการท่องเที่ยวทางด้านเชิงวัฒนธรรมเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่เน้นเป็นสถานที่หรือบริเวณ ซึ่งได้แสดงออกถึงคุณลักษณะความสำคัญทางประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรม เช่น วัด พระราชวัง โบราณสถาน โบราณวัตถุ พิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงการดำรงชีวิตของคนในชุมชนและด้านงานประเพณีหรือการละเล่นของท้องถิ่นอื่นๆ

สิ่งเหล่านี้จะแสดงออกถึงอารยธรรมที่เก่าก่อนที่หล่อหลอมสู่กรพัฒนาเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยอันเป็นที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ความเชื่อความศรัทธาของบรรพบุรุษที่ได้ถ่ายทอดจนมาถึงคนในยุคปัจจุบัน วัฒนธรรมภาคอีสานมีความโดนเด่นจากรูปแบบที่งดงามผสมผสานผ่านการเวลามาเนินนานหลายสิ่งเกิดขึ้นมานับ100นับ1000ปีในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโบราณและได้ตกทอดมาเป็นมรดกของแผ่นดินมาสู่ลูกหลาย

การท่องเที่ยวด้านเชิงวัฒนธรรม 

ในภาคอีสานถือได้ว่ามีความหลากหลายโดยเฉพาะประเพณีประจำถิ่นที่ได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะนั้น ซึ่งก็ได้มีให้เห็นกันทุกจังหวัดแต่การที่จะไปท่องเที่ยวเดินชมงานในพิธีต่างๆก็ต้องมีข้อที่จำกัดเพราะว่างานเหล่านี้ได้จัดขึ้นตามช่วงของเวลาของในแต่ละปีผู้ที่จะต้องการเข้ารวมงานจึงจะต้องว่างแผ่นปรับเวลาให้มันถูกต้องตรงกันผู้ที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบางคนจึงอาจเหลือเดินทางศึกษาไปตามแหล่งโบราณสถานหรือที่ตามวัดวาอาราม ซึ่งก็สามารถที่จะเข้าไปเยี่ยมชมกันได้ตลอดเวลาทั้งปี และในทั่วทั้งภาคอีสานก็ได้มีสถานที่เหล่านี้ให้เหลือชมกันอย่างมากมายตั้งแต่วัด พระธาตุ ชุมชนพื้นบ้าน รวมไปถึงปราสาทหินโบราณ  จังหวัดมหาสารคามเป็นจังหวัดหนึ่งของทางภาคอีสานที่ได้พบแหล่งโบราณสถานอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นแผ่นดินด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งได้รับอิทธิพลทางด้านพระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยคุปตะในตอนปลายและปัลลวะต่อเนื่องสมัยทวารวดีและยังได้พบหลักฐานอารยธรรมชนชาติขอมผสมสานรวมอยู่กู่สันตรัตน์เป็นโบราณสถานที่อาจจะบอกได้ว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดในจังหวัดมหาสารคาม ตั้งอยู่ใน อําเภอนาดูน