“กรุงรัตนโกสินทร์” เป็นชื่อที่ใช้เรียกเมืองหลวงของประเทศไทย

สำหรับ”กรุงรัตนโกสินทร์” เป็นชื่อที่ใช้เรียกเมืองหลวงของประเทศไทย โดยก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็น “กรุงเทพมหานคร” ในปี 2477 จากนั้นกรุงรัตนโกสินทร์กลายเป็นอดีตของกรุงเทพมหานครที่เรารู้จักในปัจจุบัน นี่คือบางข้อมูลเกี่ยวกับอดีตของกรุงรัตนโกสินทร์

1.ต้นกำเนิด  กรุงรัตนโกสินทร์ถูกสร้างขึ้นในปี 1782 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจักรราชอรรฆย์ (พระรามที่ I) เมื่อเขาย้ายกรุงศรีอยุธยามาตั้งที่ใหม่ หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาถูกทำลายในสงครามกรุงศรีอยุธยา

2.สถาปัตยกรรม  กรุงรัตนโกสินทร์ได้รับการก่อสร้างโดยความหลากหลายทางศิลปะและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะทางด้านวัดและพระราชวัง ที่มีพระบรมมหาราชวังและวัดอรุณราชวรารามเป็นต้น

3.เมืองประตูมั่น  ชื่อ “รัตนโกสินทร์” มีความหมายว่า “ประตูมั่น” หรือ “ป้อมประตูที่แข็งแกร่ง” ซึ่งน่าจะมีต่อต้านการรุกราน และเป็นสัญลักษณ์ของความคงทนและแข็งแกร่งของเมือง

4.การพัฒนา  กรุงรัตนโกสินทร์ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องในระหว่างการปกครองของพระบาทสมเด็จพระจุลจักรราชอรรฆย์ และต่อมาในสมัยรัชกาลต่อๆ มา

5.สถานที่ประวัติศาสตร์  มีหลายสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น พระบรมมหาราชวังที่เป็นที่อยู่ของพระราชวังและพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ วัดอรุณราชวรารามที่มีพระแก้วมรกตและพิพิธภัณฑ์พระนคร

6.การเปลี่ยนแปลง  ในระหว่างประวัติศาสตร์ กรุงรัตนโกสินทร์ได้รับการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านสถาปัตยกรรมวัฒนธรรม และการเมือง ทำให้เกิดเป็นเมืองที่ทันสมัยและหลากหลายทางด้าน

ในสมัยโบราณ กรุงรัตนโกสินทร์มีความสำคัญมากเนื่องจากเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ชั้นสูงและสถานที่ที่มีความสำคัญทางการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการค้า นี่คือบางจุดที่สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยนั้น

1.เมืองหลวงของราชวงศ์ชั้นสูง  กรุงรัตนโกสินทร์เป็นที่ตั้งของพระบรมมหาราชวังที่เป็นที่อยู่ของพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ไทย เมืองนี้มีบทบาทสำคัญในการปกครองและพัฒนาประเทศ

2.ศูนย์กลางทางศาสนา  วัดอรุณราชวราราม (วัดพระแก้ว) เป็นที่ตั้งของพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีประวัติทางศาสนาที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีวัดที่มีความสำคัญมากอื่นๆ ที่มีบทบาทในการสืบทอดศาสนาและวัฒนธรรมไทย

3.ศูนย์การค้า กรุงรัตนโกสินทร์เคยเป็นศูนย์การค้าที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และมีการค้ากับประเทศต่าง ๆ ทำให้เมืองนี้เติบโตและมีความร่ำรวย

4.สถานที่ท่องเที่ยว มีวัดและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมายในกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นที่ประทับของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

5.การสร้างสถาปัตยกรรมที่สำคัญ กรุงรัตนโกสินทร์มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและมีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญ

6.สถานที่จัดกิจกรรมสำคัญ เมืองนี้มีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม พิธีกรรม และงานสังสรรค์ต่าง ๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรม

ทั้งนี้ทำให้กรุงรัตนโกสินทร์มีบทบาทสำคัญในการรวมรวมสังคมไทยในสมัยโบราณ และมีผลทำให้ประเทศไทยมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

 

สนับสนุนเนื้อหานี้โดย  ufabet เว็บหลัก

ประวัติวัดอนงคารามวรวิหาร  กรุงเทพฯ 

  สำหรับวัดอนงคารามวรวิหาร  นั้นคือ วัดที่มีความสำคัญทางด้านพระพุทธศาสนา และยังเป็นวัดที่จุดแต่งตั้งให้เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท  โดยวัดแห่งนี้นั้นอยู่ตรงบริเวณถนนสมเด็จเจ้าพระยาซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่คลองสาน  จังหวัดกรุงเทพฯ

เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3  โดย ผู้ที่มีเจตจำนงในการที่จะสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมานั้นก็คือท่านผู้หญิงน้อย 

ซึ่งพระองค์นั้นเป็นภรรยาของสมเด็จพระเจ้าบรมมหาพิชัยญาติหรือที่คนในสมัยโบราณนั้นเรียกกันว่าสมเด็จพระยาองค์น้อย   หรืออีกชื่อก็คือ ทัด บุนนาค   นั่นเอง 

สำหรับวัดอนงคารามวรวิหาร  นั้น หลังจากที่มีการสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วท่านผู้หญิงน้อยและสมเด็จพระเจ้าพระยาองค์น้อยนั้นก็ได้มีการถวายวัดแห่งนี้ให้กับรัชกาลที่ 3 เพื่อเป็นวัดพระอารามหลวง  

โดยมีการตั้งชื่อวัดว่า  วัดน้อยขำแถม  ซึ่งเป็นการใช้ชื่อของท่านผู้หญิงน้อยผสมกับชื่อของเจ้าพระยาทิพากรวงมหาโกษาธิบดี  ที่มีชื่อเล่นว่าขำ  นำมาผสมกันเนื่องจากว่าเจ้าพระยาโกษาทิพากรวงษ์มหาโพษาธิบดีก็มีความสำคัญในการสร้างวัดน้อยคำแถมเช่นเดียวกันเพราะเป็นผู้ปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ขึ้นมา

gclub   ดังนั้นจึงได้มีการนำชื่อของผู้ที่มีเจตจำนงในการก่อสร้างวัดแห่งนี้มารวมกันกลายเป็นชื่อวัดน้อยคำถามนั่นเอง

อย่างไรก็ตามเมื่อมีการถวายให้กับรัชกาลที่ 9 และได้ถูกแต่งตั้งเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโทเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อถึงยุคในสมัยของรัชกาลที่ 4 พระองค์ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อวัดคำแขมขึ้นมาใหม่โดยชื่อใหม่นั้นถูกตั้งให้เป็นชื่อว่า วัดอนงคารามวรวิหาร  เพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นวัดพระอารามหลวง

โดยภายในพื้นที่ของวัดนั้นก็ไม่ได้มีการก่อสร้างศาสนสถานไว้เยอะแยะมากมายเต็มไปหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการก่อสร้างพระพุทธจุลนาคซึ่งเป็นพระพุทธรูปในสมัยกรุงสุโขทัยนำมาประดิษฐ์ฐานไว้ในพระวิหารเพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปกับไหว้บูชา พระพุทธชินราชนั้นนับได้ว่าเป็นพระประธานของ วัดอนงคารามวรวิหาร นั่นเอง 

นอกจากนี้ภายในวัดนั้นยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆเยอะแยะมากมายอย่างเช่นพระพุทธรูปพระสาวก  เช่นพระพุทธมังคโล  และยังมีพระมณฑป   รวมถึงพระพุทธไสยาสน์จำลอง   ที่สำคัญภายในบริเวณวัดนั้นยังได้มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาเปรมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเขตคลองสาน

เพื่อเป็นการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตคลองสานตั้งแต่ยุคในสมัยโบราณให้ประชาชนที่สนใจศึกษาข้อมูลของคนในยุคอดีตได้เข้ามาศึกษาหาความรู้กันอีกด้วย 

ประวัติวัดอรุณเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร   

วัดอรุณเป็นวัดทรงจรวดที่ตั้งตระหง่านจากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รู้จักกันในชื่อวิหารแห่งรุ่งอรุณ โดยตั้งชื่อตามเทพเจ้าแห่งรุ่งอรุณของอินเดียชื่ออรุณ ที่นี่เองหลังจากการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงสะดุดกับศาลท้องถิ่นเล็กๆ และทรงตีความการค้นพบนี้ว่าเป็นสัญญาณอันเป็นมงคลว่าที่นี่ควรเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งใหม่ของสยาม  

ปัจจุบันวัดแห่งนี้เป็นหนึ่งในโครงสร้างที่โดดเด่นที่สุดของกรุงเทพฯ ไม่ต้องพูดถึงวัดพุทธไม่กี่แห่งที่คุณได้รับการสนับสนุนให้ปีนขึ้นไป    

จนกระทั่งเมืองหลวงและพระแก้วมรกตถูกย้ายมาที่กรุงเทพ วัดอรุณจึงมีลักษณะที่โดดเด่นที่สุด นั่นก็คือ þrahng (หอคอยสไตล์เขมร) ที่มีความสูง 82 เมตร การก่อสร้างหอคอยนี้เริ่มต้นในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยพระรามที่ 2 และต่อมาแล้วเสร็จโดยพระรามที่ 3 (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร. 2367–51)

บันไดสูงชันนำไปสู่ด้านบนซึ่งมองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา สิ่งที่มองไม่เห็นจากระยะไกลคือกระเบื้องโมเสกลายดอกไม้อันวิจิตรงดงาม

ซึ่งทำจากเครื่องกระเบื้องจีนที่แตกหักหลายเฉดสี ซึ่งเป็นของประดับประจำวัดในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อเรือของจีนแล่นมาที่ท่าเรือกรุงเทพฯ ได้ทิ้งเครื่องกระเบื้องเก่าจำนวนมากเป็นบัลลาสต์

ว่ากันว่าพระประธานในวัดว่ากันว่าออกแบบโดยพระราม 2 เอง ภาพจิตรกรรมฝาผนังมีอายุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 

สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งคือภาพที่เจ้าชายสิทธัตถะเผชิญตัวอย่างการเกิด แก่ เจ็บ และตายนอกกำแพงพระราชวัง ซึ่ง  ufabet   เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เขาละทิ้งชีวิตทางโลก พระอัฐิของรัชกาลที่ 2 ฝังไว้ที่ฐานพระประธาน   วัดในบริเวณวัดอรุณตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 16 เป็นอย่างน้อย นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าวัดมะกอกเดิมที่ทราบกันดีว่าก่อตั้งขึ้นริมฝั่งคลองลัด แต่จนกระทั่งปี พ.ศ. 2310 เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จข้ามวัด จึงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง

สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จข้ามสถานที่นี้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นขณะหลบหนีผู้รุกรานจากพม่า ทรงตั้งสถานที่แห่งนี้เป็นวัดในวังและเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้ง จากนั้นวัดแห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตซึ่งเป็นแพลเลเดียมที่น่ากลัวของประเทศไทย เมื่อถูกนำข้ามมาจากเวียงจันทน์ เมืองหลวงของประเทศลาวในปัจจุบัน ปัจจุบันอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำในวัดพระแก้ว

เมื่อกรุงเทพกลายเป็นเมืองหลวงใหม่ของประเทศไทย วัดก็เปลี่ยนชื่ออีกครั้งโดยพระรามที่ 2 คราวนี้เป็นวัดอรุณ รัชกาลที่ 2 ยังได้เริ่มขยาย þrahng ส่วนกลาง ซึ่งต่อมาสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2385 ในสมัยรัชกาลที่ 3 นอกจากงานบูรณะ þrahng บางส่วนซึ่งแล้วเสร็จในปี 2017 แล้ว ยังมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อยที่วัดอรุณ

รสชาติความเร่งรีบที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ของเกาหลีใต้

ผู้คนเปลี่ยนจากการปลูกข้าวมาสู่การดาวน์โหลดทอร์เรนต์ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษได้อย่างไร ในตอนเย็นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ร้านอาหาร Ttobagi Driver’s ในเขต Gwanak ของกรุงโซล ฉันแอบเริ่มจับเวลาเมื่อสั่งอาหาร บริกรสาวเดินจากไปอย่างสบายๆ กลับมาพร้อมกิมจิและเครื่องเคียงอื่นๆ

เพียงสองนาที 20 วินาทีต่อมา หนึ่งนาทีครึ่งหลังจากนั้น ชามดินเผาของ พยอดากวี แฮจังกุก (ซุปกระดูกสันหลังหมู ‘อาการเมาค้าง’)

ก็ถูกวางลงบนโต๊ะ และนึ่งอย่างเดือดดาล เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่บริการดังกล่าวมีอยู่ในประเทศที่ไม่มีการให้ทิป สิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ Ttobagi ซึ่งเป็นจุดที่ไม่โอ้อวดที่คนขับแท็กซี่แวะเวียนมานั้นไม่ได้เร็วกว่าสถานที่ถัดไป ความรวดเร็วประจำกิจวัตรดำเนินไปในสังคมเกาหลีใต้

และแพร่หลายโดยเฉพาะในเมืองหลวง มีแม้กระทั่งคำที่ใช้เรียกสิ่งนี้: วัฒนธรรมปปัลลี ปัลลี แปลว่า เร็ว หรือ รีบ ปัลลี ออกเสียงด้วยพยัญชนะตัวแรกที่เน้นเสียงราวกับว่าหักเสียงร้องเหมือนหนังยาง

แนวโน้มของ ppalli-ppalli สามารถเห็นได้จากความเร็วอินเทอร์เน็ตชั้นนำของโลกของเกาหลีใต้ ชั้นเรียนภาษาที่เข้มข้นซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้ผลในทันที และกิจกรรมการออกเดทที่รวดเร็วยอดนิยม และเช่นเดียวกับการใส่ใจเรื่องเวลาก็คือห้องจัดงานแต่งงานที่หรูหราซึ่งจัดพิธีต่อเนื่องยาวนานชั่วโมงตลอดสุดสัปดาห์ Ppalli-ppalli ยังเป็นคำขวัญของนักขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารหลายพันคนที่ฝ่าฝืนกฎจราจร

และดูเหมือนว่าจะส่งคำสั่งซื้อหลังเร่งรีบด้วย ในการแข่งขัน McDonald’s ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านอาหารจานด่วน ได้เริ่มประกอบกลุ่มสกู๊ตเตอร์จัดส่งของตนเองในเกาหลีใต้ในปี 2550 แต่ไม่นานมานี้ เกาหลีชะลอตัวลงมากเนื่องจากสภาพความเป็นชนบท ในปี 1960

ประชากรมากถึง 72% อาศัยอยู่ในชนบท แล้วผู้คนเปลี่ยนจากการปลูกข้าวมาเป็นการดาวน์โหลดทอร์เรนต์ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษได้อย่างไร แกรี เร็คเตอร์ พลเมืองเกาหลีที่แปลงสัญชาติ ซึ่งมาถึงโซลในฐานะอาสาสมัครหน่วยสันติภาพในปี 1967 เล่าว่า “ฉันจำได้ว่าเคยแปลกใจ

เพราะก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันมีความคิดแบบเหมารวมว่าพวกเขาจะหมดสติ นั่งสมาธิ และ ใช้ชีวิตอย่างช้าๆ แต่ฉันพบว่าผู้คนมักจะเร่งรีบมากกว่าที่คนอเมริกันทำ ผู้สูงอายุเดินช้ากว่า แต่คนที่อายุเท่าฉันและฉันอายุ 24 ปี ยุ่งมากกับการพยายามปรับปรุงวิถีชีวิตของพวกเขา” อธิการบดีมาในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง ในช่วงต้นทศวรรษที่ 60

เกาหลีใต้ได้เริ่มแผนเศรษฐกิจระยะ 5 ปีหลายชุดที่เสนอโดยประธานาธิบดีปาร์ค จุง-ฮี ในขณะนั้น แคมเปญในรูปแบบทหารเหล่านี้นำมาซึ่งปาฏิหาริย์บนแม่น้ำฮัน (การเปลี่ยนแปลงจากประเทศที่ถูกทำลายด้วยสงครามไปสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ) และก่อตั้งบริษัท Korea Inc ซึ่งนำเสนอโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung, Hyundai และ LG ด้วย

 

สนับสนุนโดย    UFABET เว็บตรง

ประวัติศาสตร์แห่งเมืองกรุงเก่าศรีอยุธยา    

 

        การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยา     กรุงศรีอยุธยาปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ซึ่งมีกษัตริย์สูงสุดปกครองแผ่นดิน ทรงมอบหมายให้เจ้านายและเจ้าเมืองบริหารเมืองเรือ (เมืองลูกหลวง หลานหลวง) และเมืองชายแดน ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้เขา การพึ่งพาอาศัยกัน

โดยราชวงศ์เก่าและขึ้นอยู่กับกรุงศรีอยุธยา   พระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครองและลดอำนาจจังหวัดลง 

พระองค์ทรงแบ่งฝ่ายบริหารออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายกิจการทหารที่รับผิดชอบโดยสมุหกะลาหอม และฝ่ายพลเรือนที่รับผิดชอบโดยสมุหนายก (นายกรัฐมนตรี) กิจการพลเรือนแบ่งออกเป็น 4 สำนัก เรียกว่า “จตุรัสโดม”  เสาหลักทั้ง 4  เช่น กรมมาเวียงหรือนครบาล

สำหรับเมืองและการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมมาวังหรือธรรมาธิกรสำหรับกิจการพระราชวัง กรมคลังหรือโกษาธิบดีเพื่อการค้าและการต่างประเทศ และกรมนาหรือเกษตรกรรม ระบบการบริหารนี้มีใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยา   สังคมกรุงศรีอยุธยาแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น คือ ชนชั้นสูงหรือเจ้านายที่ประกอบด้วยกษัตริย์ซึ่งดำรงตำแหน่งสูงสุดเช่นประมุข ชนชั้นที่ 2 คือ ราชวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด และขุนนาง ซึ่งอยู่ร่วมกันระหว่างกษัตริย์กับพลเมือง ทำหน้าที่ปกครองชาวนาและทาส  

ชาวนาก็เป็นพลเมืองธรรมดาเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ในสังคม กฎหมายกำหนดให้ชาวนาต้องเป็นของนาย เป็นระบบการควบคุมกำลังคนของราชการ ชาวนาถูกคัดเลือกเข้ารับราชการในหลวงประมาณ 6 เดือน ส่วนชาวนาที่ไม่ต้องการจ้างก็ต้องจ่ายเงินหรือสิ่งตอบแทนที่เรียกว่า “สวย” ชาวนาจะไม่ได้รับเงินเดือน

แต่จะได้รับความคุ้มครองจากนายที่ตนสังกัดอยู่   ทาสเป็นงานของนายมาตลอดชีวิต เกิดจากสงครามและเศรษฐกิจ ทายาทของทาสจะได้รับการเลี้ยงดูจากนายไปตลอดชีวิต

การค้าและเศรษฐกิจ   อาชีพหลักของชาวกรุงศรีอยุธยา  จะประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก  ข้าวเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่สามารถผลิตได้เพียงพอสำหรับพลเมืองของประเทศและเป็นสินค้าสำคัญที่พระนครศรีอยุธยาส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ  

เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก  ทางเข้ายูฟ่าสล็อต     จึงได้รับรายได้จากทั้งการส่งความโกลาหลมาค้าขายกับต่างชาติและการเป็นคนกลาง ราชสำนักได้จัดตั้งโกดังเพื่อผูกขาดสินค้าสำคัญบางรายการซึ่งพ่อค้าชาวต่างประเทศจะต้องซื้อและขายกับราชสำนักเท่านั้น

  การค้าระหว่างประเทศอยู่ภายใต้กรมคลัง (การเงิน) ซึ่งดูแลโดยอัคยา ศรีธรรมราช ในระยะแรกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ กรมท่าขวา สังกัดเจ้าเมืองอินเดีย หรือ จุฬาราชามนตรี ที่ดูแลการค้าขายกับโลกตะวันตก และ กรมท่าสาย สังกัดเจ้าเมืองของจีน ชื่อ พระยาโชติกราชเศรษฐี ซึ่งดูแลการค้าขายกับโลกตะวันออก 

ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อชาวยุโรปเข้ามาค้าขายมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีการจัดตั้งแผนกขึ้นอีกแผนกหนึ่งคือ กรมท่ากลาง สังกัดเจ้าเมืองต่างด้าว   กษัตริย์และเจ้าเมืองมีความเกรี้ยวกราดในการค้าขายกับต่างชาติ ชาวจีนส่วนใหญ่ทำงานเป็นนายเรือและลูกเรือ สินค้าส่งออกของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ได้แก่ สินค้าเกษตร ศิลาดล และสินค้าจากป่าไม้ เช่น งาช้าง หนัง ไม้ เครื่องเทศ แร่ และอื่นๆอีกมากมาย    รายได้หลักของราชสำนักส่วนหนึ่งมาจากบรรณาการ สวย ภาษี โดยเฉพาะภาษีการค้าระหว่างประเทศ การค้าขายภายในย่านธุรกิจตลอดจนตลาดขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทั้งในและนอกเมืองทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางและจุดเปลี่ยนของสินค้า

ตลาดในอยุธยามี 2 ประเภท คือ ตลาดน้ำขนาดใหญ่ประมาณ 4 แห่ง และตลาดประมาณ 72 แห่ง ได้แก่ ชานเมือง 32 แห่ง และในตัวเมือง 40 แห่ง ย่านธุรกิจและตลาดเหล่านี้ประกอบด้วยตลาดสดทั้งกลางวันและกลางคืน และตลาดที่จำหน่ายของใช้ประจำวัน (ของชำ) และสินค้าประจำตัวของแต่ละไตรมาสในทุกๆปี

บาบิโลน Loy Krathong ที่กรุงบาบิโลนในประเทศอิรัก

เทศกาล Loy Krathong เป็นงานประเพณีที่มีการแสดงทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งในประเทศไทยและหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยทั่วไปจะจัดขึ้นในเดือนพฤษจิกายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูหลังฝนตกหนัก ทำให้รายน้ำในแม่น้ำและทะเลสาบสามารถลดลงได้ และน้ำก็นิ่งเงียบ สร้างสภาพที่เหมาะสมในการจัดงาน Loy Krathong

Loy Krathong นั้นมีลักษณะหลักคือการทำกระทงลอยน้ำที่ทำจากใบไม้หรือของมีความทนทานต่อน้ำ

ลักษณะทั่วไปของกระทงคือมีรูปทรงกลมหรือทรงกลมแบบสี่เหลี่ยม บาบิโลน (Babolon) ในประเทศอิรักก็มีการจัดงาน Loy Krathong เป็นเทศกาลที่ร่วมเป็นที่นิยมในชุมชนท้องถิ่น โดยผู้คนจะมารวมตัวกันที่แม่น้ำหรือทะเลสาบ นำกระทงลอยน้ำมาวางลงน้ำเพื่อส่งต่อความรู้สึกขอบคุณและตั้งใจล้างโชคชะตา มีการจัดกิจกรรมเพลิดเพลินและแสดงศิลปะต่าง ๆ ในงานนี้ด้วย

 การเปิดเทศกาล Loy Krathong มักจะมีการแสดงสวนลอยทางน้ำ, การแสดงมวยไทย, การแสดงเทพนิยาย, การแสดงศิลปะการต่อสู้, การจัดแสดงดนตรี และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เน้นความสนุกสนานและสร้างความเป็นพันธุ์มหาชนในช่วงเทศกาลนี้

 ความน่าสนใจเกี่ยวกับ บาบิโลน Loy Krathong

ทศกาล Loy Krathong ในบาบิโลน (Babolon) ประเทศอิรักนั้นมีความน่าสนใจมากมายที่ทำให้นักท่องเที่ยวและชาวบริวารได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่พิเศษ นอกจากการที่จะได้รับประสบการณ์ในการลอยกระทงน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบ ยังมีลักษณะเฉพาะของเทศกาล Loy Krathong ในบาบิโลนที่ควรทราบ

1.สวนลอยแห่งบาบิโลน: บาบิโลนมีสวนลอยที่น่าสนใจที่จัดขึ้นในระหว่างงาน Loy Krathong โดยทั่วไปจะมีการประกวดลอยกระทง, การแสดงศิลปะ, การแสดงมวยไทย, และกิจกรรมสนุกสนานอื่น ๆ ที่เน้นความบันเทิงและชุมชน

2.การบำเพ็ญกายทางวัฒนธรรม: เทศกาล Loy Krathong เป็นโอกาสที่ชาวบริวารและนักท่องเที่ยวจะได้พบกับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ได้รับโอกาสทดลองอาหารท้องถิ่น, ชมการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น

3.การบูรณาการของวัฒนธรรม: เทศกาล Loy Krathong ในบาบิโลนนี้สะท้อนถึงการบูรณาการของวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยมีการแสดงสีสันและทัศนียภาพทางวัฒนธรรมที่มีต้นกำเนิดจากทั้งทางอิสลามและทางพุทธ

4.ประสบการณ์น้ำในบาบิโลน: บาบิโลนมีแหล่งน้ำที่สวยงามและเป็นที่ประทับใจ ทำให้การลอยกระทงในที่นี้มีบรรยากาศที่เฉพาะเจาะจง

5.การเลือกใช้วัสดุท้องถิ่น: การทำกระทงลอยน้ำในบาบิโลนนั้นมักใช้วัสดุท้องถิ่น เช่น ใบไม้, ไม้, หรือวัสดุที่มีอยู่ในธรรมชาติ เนื่องจากสภาพธรรมชาติของท้องถิ่นนี้

การเข้าร่วมในเทศกาล Loy Krathong ในบาบิโลนนั้นจะเสริมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลายและที่ไม่เหมือนใครสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทางเข้า ufabet

เราสามารถสืบสานและต่อยอดวัฒนธรรมไทยได้อย่างไร 

ศิลปะและวัฒนธรรมไทยนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงามและได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วโลกดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องมีการสืบสานวัฒนธรรมที่ดี

นี้ให้สืบต่อเนื่องและคงอยู่ต่อไปในอนาคตอย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการที่เราจะสามารถสืบสานวัฒนธรรมไทยและยังสามารถต่อยอดวัฒนธรรมไทยให้อยู่ต่อไปในอนาคตจนกว่าจะช่วยลูกช่วยหลานได้ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งเป็นแบบบุคคลและทั้งแบบองค์กรที่ช่วยการสืบสานวัฒนธรรมและมีการต่อยอดเกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรมไทย 

เนื่องจาก ประเทศไทยมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์และสถาบันทางวัฒนธรรมที่มีจุดประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในกรุงเทพฯและพิพิธภัณฑ์ระดับภูมิภาคต่างๆจัดแสดงวัตถุโบราณสิ่งประดิษฐ์งานศิลปะและนิทรรศการที่ช่วยให้ความรู้แก่ทั้งคนในท้องถิ่นและผู้มาเยือนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของประเทศไทยตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ

ต่อยอดวัฒนธรรมไทย หรือแม้กระทั่งการทวงคืนศิลปะและสมบัติของชาติคืนจากต่างประเทศศิลปะและโบราณวัตถุมากมายหลายชิ้นที่ถูกลักลอบขโมยและขายให้กับชาวต่างชาติ

หน่วยงานรัฐและองค์กรต่างๆได้ร่วมมือกันรวบรวมหลักฐานเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและยืนยันแหล่งกำเนิดเพื่อทวงคืนกลับมายังประเทศไทยประเทศไทยเองเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

จากเทศกาลทางวัฒนธรรมที่มีสีสันและมีชีวิตชีวาซึ่งเป็นประเพณีเฉลิมฉลองต่างๆเช่นเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทยและลอยกระทงหรือแม้กระทั่งเทศกาลผีตาโขนเทศกาลที่ไม่เหมือนใครในจังหวัดเลย

การรักษาประเพณีความเชื่อและพิธีกรรมแบบดั้งเดิมและบรรยากาศที่สนุกสนานสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ทางวัฒนธรรมของภูมิภาคประเพณีถวายเทียนพรรษาที่สืบทอดกันเรื่อยมาและกลายเป็นที่มาของประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานีซึ่งเป็นงานประเพณียิ่งใหญ่ของจังหวัดสืบทอดติดต่อกันมากกว่า 100 ปี

เทศกาลเหล่านี้เป็นเทศกาลที่ดึงดูดทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกเทศกาลเหล่านี้ถูกจัดขึ้นโดยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนและคนที่มาร่วมงานเหล่านี้เองมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและอนุรักษ์การปฏิบัติทางวัฒนธรรมอีกทั้งยังเป็น Soft Power ให้กับประเทศไทยและทำให้ประเทศเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยเทศกาลเหล่านี้

สำหรับประเพณีและวัฒนธรรมของไทยนั้นมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งในแต่ละจังหวัดของประเทศไทยก็จะมีประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปดังนั้นเราจึงควรศึกษาวัฒนธรรมและประเพณีของแต่ละจังหวัดเอาไว้ เพื่อให้ประเพณีและวัฒนธรรมเหล่านี้ยังคงเป็นอยู่เชื่อลูกเชื่อหลานและกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมประเพณีอันดีงามแล้วประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆเหล่านี้ของไทยก็ยังสามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาตินั้นเดินทางมาเที่ยวไทยและกลายเป็น Soft Power ให้ประเทศไทยนั้นมีรายได้เข้ามาพัฒนาประเทศได้อีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet มือ ถือ

ประวัติของวัดศรีบุญเรือง จังหวัดเชียงราย วัดสวย ประติมากรรมงดงามน่าไปไหว้สักครั้งในชีวิต

 

 

 โดยวัดศรีบุญเรือง (Wat Sri Boon Rueang) คือวัดที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย ประเทศไทย ซึ่งมีประวัติและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ต่อไปนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของวัดศรีบุญเรือง

1.สถาปัตยกรรม วัดศรีบุญเรืองมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอาคารพระอารามทรงเจดีย์ที่สูงสวยงาม และมีการตกแต่งด้วยงานปั้นประดับที่ศิลปินท้องถิ่นสร้างขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีวัดในวัดอีกหลายส่วนที่มีความหลากหลายและมีความประดับประดาด้วยงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ

2.ประวัติ ประวัติวัดศรีบุญเรืองมีที่มาจากอดีตที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยอยุธยา ทรงมีเจ้าอาวาสที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในชุมชน นับว่าเป็นที่บูรณะวัดของชาวบ้าน ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่มีความสำคัญในพื้นที่

3.เทศกาลและพิธีกรรม วัดศรีบุญเรืองมีการจัดกิจกรรมเทศกาลและพิธีกรรมต่างๆ ในระหว่างปี ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธามาเยี่ยมชมและลงทัณฑ์ทำบุญ

4.ที่ตั้ง วัดศรีบุญเรืองตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย มีที่อยู่ที่ถนนวัวลาย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย

 เพื่อความแม่นยำและการเข้าใจเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งที่มีความเชื่อถือได้ หรือติดต่อที่ท้องถิ่นในจังหวัดเชียงรายเพื่อข้อมูลที่สะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบัน 

วัดศรีบุญเรืองมีความดังมีหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุ ดังนี้

1.สถาปัตยกรรมที่งดงาม วัดศรีบุญเรืองมีสถาปัตยกรรมที่งดงามและน่าสนใจที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม การตกแต่งด้วยงานปั้นประดับและศิลปะชนิดต่างๆ ทำให้วัดนี้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น

2.ความสำคัญทางศาสนา เป็นสถานที่ทางศาสนาที่มีความสำคัญในชุมชน ชาวบ้านมีความนับถือและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาที่จัดขึ้นในวัด ซึ่งทำให้มีการรักษาและซ่อมแซมวัดอยู่เสมอ

3.กิจกรรมและเทศกาล วัดศรีบุญเรืองมีการจัดกิจกรรมและเทศกาลต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น เทศกาลประจำปี พิธีกรรมทางศาสนา และกิจกรรมท่องเที่ยวทางศาสนาที่ดึงดูดผู้คนมาเข้าชม

4.ทำเลที่ตั้ง การตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายและเป็นจุดสังเกตของนักท่องเที่ยวทำให้มีการเยี่ยมชมมากขึ้น

5.สถานที่ประสาน  วัดศรีบุญเรืองอาจเป็นสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันในกิจกรรมทางศาสนาหรือพิธีกรรมต่างๆ ทำให้เกิดความเชื่อมโยงทางสังคม

6.การส่งเสริมทางท่องเที่ยว การส่งเสริมทางท่องเที่ยวทางศาสนาหรือทางวัฒนธรรมสามารถทำให้วัดดังมากขึ้น

ทั้งนี้ความดังของวัดศรีบุญเรืองเป็นผลมาจากการรวมกันของปัจจัยหลายประการที่ทำให้วัดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีความสำคัญในชุมชนและท่องเที่ยว

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  ufabet เว็บหลัก

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดลำพูนในยุคสมัยหริภุญไชยหรือเริ่มต้นปฐมบทอาณาจักรแห่งล้านนา 

เริ่มต้นปฐมบทอาณาจักรแห่งล้านนา ถ้าหากใครได้มีการศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาณาจักรล้านนาจะรู้ว่าแรกเริ่มเดิมทีของอาณาจักรล้านนานั้นก็คือพื้นที่ส่วนใหญ่

หรืออาจจะกล่าวได้ว่าพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดในภาคเหนือนั้นอยู่ในเขตของอาณาจักรล้านนาซึ่งอาณาจักรเริ่มเดินทีของอาณาจักรล้านนาหรือถือได้ว่ามีฐานะเป็นราชินีของอาณาจักรล้านนานั่นก็คือจังหวัดลำพูนหรือในส่วนร่วมสมัยโบราณนั้นมีชื่อเรียกว่าเป็นยุคของหริภุญไชยนครนั่นเอง 

สำหรับในยุคสมัยนี้ตามประวัติศาสตร์ของความเป็นมาเรียกได้ว่าเป็นยุคเริ่มแรกๆของการตั้งอาณาจักรขึ้นมาและเป็นยุคที่ถือได้ว่ามีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองสูงสุดทั้งในเรื่องของการปกครองด้านการเมืองด้านเศรษฐกิจรวมถึงศาสนา

สำหรับในยุคของเฮริพลชัยแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นยุคแห่งการประดิษฐ์ตัวอักษรมอญโบราณซึ่งมีมากถึง 10 หลักด้วยกันโดยมีการประดิษฐ์ตัวอักษรในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-17 ซึ่งตัวอักษรโบราณต่างๆเหล่านี้มีอิทธิพลเป็นอย่างมากมาจนถึงสมัยปัจจุบันนั่นเอง

อย่างไรก็ตามในช่วงยุคสมัยของหริภุญไชยนครนั้นนับได้ว่าเป็นยุคที่สร้างชื่อเสียงอีกยุคหนึ่งเลยก็ว่าได้เพราะกลุ่มชนในชาติตะวันออกเฉียงใต้ไม่ว่าจะเป็นจำปาศรีวิชัยหรือ ผู้การนครวัดหรือแม้แต่ประเทศจีนหรือแม้แต่เมืองละโว้ต่างก็มีการเร่ารือพูดถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหิริภุญชัยนครนั่นเอง 

อย่างไรก็ตามในยุคสมัยของหริภุญไชยนครนั้นก็ได้มีการทำศึกสงครามกับเมืองละโว้ในที่สุดซึ่งในยุคดังกล่าวนั้นเป็นยุคที่รัฐทางตอนใต้นั้นต้องการที่จะขยายอาณาจักรของตัวเองอยากจะเผยแผ่สัญญานุภาพของตนเองไปยังหัวเมืองต่างๆจึงทำให้เกิดสงครามระหว่างนครศรีธรรมราชและเมืองละโว้

รวมถึงเมืองหิริพูนชัยดังนั้นจะเห็นได้ว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์จะมีการระบุเอาอะไรยากเมืองฟิลิปปินส์นั้นปกครองอย่างสงบร่มเย็นมานานกว่า 3 ทศวรรษก่อนที่จะมีการทำสงครามกันเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เกิดสงครามกันนั้นนอกจากประชาชนจะต้องได้รับผลกระทบกับภาวะสงครามแล้วก็ยังเกิดโรคห่าครั้งใหญ่ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากซึ่งจากเหตุการณ์ล้มตายของผู้คนจำนวนมากจากโรคระบาดนั้นเองที่ทำให้เกิดประเพณีต่างๆมากมายต่อมายกตัวอย่างเช่นประเพณีลอยขมวดในช่วงฤดูน้ำหลากหรือแม้แต่ประเพณีลอยกระทงเป็นต้น 

เนื่องจากสมัยของยุคหริภุญชัยนครนั้นเป็นยุคสมัยของคนขอมและคนมอญอาศัยอยู่ซะเป็นส่วนใหญ่ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากำหนดธรรมเนียมประเพณีของไทยบางอย่างนั้นจึงเป็นกำหนดประเพณีธรรมเนียมที่คล้ายของชาวมอญและชาวขอมนั่นเอง 

 

สนับสนุนข้อมูลโดย  ทางเข้า gclub มือถือ

ประวัติจังหวัดลำพูนในยุคสมัยต้นรัตนโกสินทร์ 

     สำหรับใครที่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศไทยจะรู้ว่าประเทศไทยนั้นมีหลายยุคหลายสมัยมาแล้วซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคสุโขทัยรวมถึงยุคอยุธยาและยุครัตนโกสินทร์

อย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของจังหวัดลำพูนซึ่งเป็นช่วงในยุคของรัตนโกสินทร์ตอนต้นซึ่งหลายคนนั้นอาจจะเคยศึกษาข้อมูลกันบ้างแล้วแต่ยังคงมีอีกหลายคนที่ยังคงไม่รู้จักประวัติของจังหวัดลำพูนในสมัยยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้นมีความเป็นมาอย่างไรนั่นเอง

อย่างไรก็ตามในสมัยยุคและโกสินทร์ตอนต้นของจังหวัดลำพูนนั้นเกิดช่วงประมาณทศวรรษที่ 24-25 ซึ่งในช่วงดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่การปกครองของจังหวัดลำพูนนั้นยังคงเป็นการปกครองในอาณาจักรล้านนาหรือที่เราเรียนกันว่าดินแดนล้านนานั่นเอง

ยุคสมัยต้นรัตนโกสินทร์  ซึ่งในยุคดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดเกี่ยวกับทางด้านพระพุทธศาสนาอะไรก็ว่าได้

แต่ในขณะเดียวกันในความเจริญรุ่งเรืองก็มีการทำศึกสงครามเนื่องจากว่าในยุคดังกล่าวนั้นเป็นยุคที่พม่าพยายามที่จะเข้ามาครอบครองอาณาจักรล้านนาของไทยนั่นเองดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 นั้นเป็นช่วงที่ประชาชนนั้นต้องเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

เนื่องจากว่าประชาชนต้องพากันหลบหนีสงครามที่พม่าพยายามเข้ามายึดครองประเทศทำให้ชาวบ้านนั้นต้องทิ้งเมืองทำให้บ้านเมืองในยุคดังกล่าวนั้นถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ ซึ่งยุคดังกล่าวนั้นนอกจากเราจะรู้ว่าเป็นยุคของรัตนโกสินทร์ตอนต้นแล้วยังอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคเก็บผักใส่ช้าเก็บค่าใส่เมืองนั่นเอง 

ในช่วงยุคสมัยของรัตนโกสินทร์ตอนต้นหรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากอาณาจักรล้านนามาเป็นการปกครองของรัตนโกสินทร์นั้นช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเจ้าเมืองเชียงใหม่ที่มีการปกครองประชาชนและดูแลราษฎรนั้นก็คือพระยาบุรีรัตน์หรือที่เรียกกันในนามคำฝั้น

  โดยพระยาบุรีรัตน์นั้นได้เข้ามาดูแลประชาชนชาวเมืองเชียงใหม่ให้พากันอพยพมาอยู่ที่เมืองลำพูนแทนและให้ประชาชนนั้นสร้างบ้านเรือนตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้กับแม่น้ำได้แก่ริมแม่น้ำปิงและริมแม่น้ำกวงซึ่งชาวบ้านที่อพยพมาอยู่แถวพื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่เป็นคนชาวยองดังนั้นวัฒนธรรมของชาวจังหวัดลำพูนในยุคปัจจุบันนั้นจึงมีการนำศิลปะและวัฒนธรรมของชาวยองมาใช้มาจนถึงปัจจุบัน

หลังจากที่เข้าสู่ยุคสมัยของรัตนโกสินทร์ตอนต้นซึ่งไทยสามารถทำสงครามขับไล่พม่าออกจากประเทศได้ทำให้ประชาชนอยู่กันอย่างมีความสุขเรียกได้ว่าเป็นยุคที่บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็นดังนั้นหลังจากที่ไม่มีศึกสงครามใดๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานช่างต่างๆรวมถึงศิลปะและวัฒนธรรมจึงมีการพัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  www.ufabet.com เริ่มเดิมพัน