ประเพณีการฉลองปีใหม่ที่แปลกประหลาด

ในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ ผู้คนแต่ละประเทศจะมีการเฉลิมฉลองกัน ซึ่งเราจะนำข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่มีการฉลองช่วงปีใหม่ที่แปลกประหลาด เรียกได้ว่าทำกันเป็นประเพณีประจำทุกปี มาให้ทราบกัน

ชิลี ฉลองปีใหม่ในสุสาน 

      เมืองทาค่า เมืองเล็กๆในประเทศชิลีซึ่งมีประเพณีฉลองปีใหม่ที่แปลกตาอาจจะดูหลอนอยู่สักหน่อยพวกเขาจะใช้เวลาฉลองปีใหม่ในสุสานกับคนในครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้วซึ่งในทุกๆคืนวันปีใหม่ช่วงเวลาประมาณ 23:00 น สุสานที่มีแต่เสียงเพลงคลาสสิคบรรเลงและถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟสลัวสลัวประตูทางเข้าสุสานจะถูกเปิดขึ้น

โดยนายกของเมืองเล็กๆแห่งนี้เพื่อให้ชาวเมืองได้เข้าไปร่วมฉลองกับคนในครอบครัวที่จากไปแล้วในเวลา 24:00 น นี้พวกเขาเชื่อกันว่าครอบครัวควรจะเริ่มต้นปีใหม่พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วยความรักถึงแม้จะตายไปแล้วก็ตาม 

 ประเพณีเขวี้ยงจาน ในประเทศเดนมาร์ก

        ประเพณีแปลกๆในวันปีใหม่ของประเทศเดนมาร์กก็คือการนำจานชามที่แตกได้ไปเขวี้ยงใส่ตามประตูบ้านของเพื่อนบ้านในวันสุดท้ายของปีและบ้านไหนที่มีเศษจาน และชามกองพะเนินอยู่หน้าบ้านมากที่สุดจะถือว่าบ้านนั้นจะโชคดีมากที่สุดแล้วหมายความว่าคนในบ้านนั้นมีเพื่อนและคนที่รักเยอะกว่าใครใครนั่นเอง นอกจากนั้นชาวเดนมาร์กยังมีประเพณีการกระโดดลงจากเก้าอี้ตอนเวลาเที่ยงคืนของวันขึ้นปีใหม่ด้วยเชื่อกันว่าเพื่อเป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปและพร้อมกระโดดรับสิ่งดีๆในวันปีใหม่ 

    Ecuador เผาหุ่นไล่กา  

        ชาวเอกวาดอร์แต่ละบ้านจะประดิษฐ์หุ่นไล่กาเป็นตัวแทนของคนใดคนหนึ่งในบ้านด้วยเสื้อผ้าเก่าๆและด้านในของตัวคุณก็จะถูกยัดด้วยหนังสือพิมพ์เก่าและขี้เลื่อยเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนตรงพวกเขาจะออกมารวมตัวกันนอกบ้านและทำการเผาอุ่นพร้อมกับเผารูปถ่ายของสิ่งที่เป็นตัวแทนไปพร้อมกันอีกด้วยซึ่งสื่อถึงความหมายว่าเป็นการกำจัดสิ่งโชคร้ายต่างๆที่ประสบพบเจอมาในปีที่ผ่านมาแล้วเริ่มต้นปีใหม่กับชีวิตใหม่แต่ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางทีจะเห็นคุณของนักการเมืองหรือคนดังที่ถูกเผาในค่ำคืนนี้ด้วยเช่นกัน 

   โรมาเนียแต่งตัวเป็นหมี

       โรมาเนียประเทศที่มีประชากรหมีน้ำตาลเยอะมากที่สุดในยุโรปในช่วงวันปีใหม่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมชาวบ้านในโรมาเนียจะแต่งกาย คลุมด้วยหนังหมีจริงๆแล้วออกไปเดินตามท้องถนนเต้นรำดื่มฉลองและเยี่ยมเพื่อนฝูงซึ่งเป็นประเพณีหนึ่งที่เก่าแก่ของโรมันเนีย แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าเก่าแก่แค่ไหนแต่พวกเขาถือว่าเป็นการขับไล่วิญญาณและสิ่งชั่วร้ายออกจากตัวให้หมดไป

 

สนับสนุนโดย.   Gclub ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

สุดยอดแห่งผลงานด้านศิลปะของไทย พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

สำหรับประเทศไทยเรามีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับเรื่องของสัตว์ประจำประเทศนั่นก็คือช้างซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะเดินทางมาเที่ยวและมีโอกาสไปเยี่ยมชมสวนช้าง  ดังนั้นเมื่อช้างคือสัตว์มงคลของไทยและเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประจำชาติของไทยนั้นประเทศไทยจึงได้มีการสร้างพืชพันธุ์ขึ้นมาเพื่อเป็นการอนุรักษ์ข้อมูลเกี่ยวกับช้างของไทยดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียกว่าพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณนั่นเอง

        สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทางบริษัทเอกชนร่วมมือกันสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาซึ่งเป็นวันแห่งนี้นั้นเป็นปัจจุบันที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก นักท่องเที่ยวจากโลกนั้น

ต่างก็พากันรู้จักพี่แห่งนี้และเมื่อมีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทยก็ต้องแวะไปเที่ยวแห่งนี้เช่นเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวจีนนั้นมักจะมีการทำทัวร์มาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเลยทีเดียว

       สำหรับภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นสิ่งแรกที่จะทำให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจมากก็คือหอคอยช้างเอราวัณซึ่งที่นี่บอกได้เลยว่าจะมีความงดงามเป็นอย่างมากตัวหอคอยนั้นจะอยู่ด้านบนสุดของตัวสิ่งก่อสร้างซึ่งภายในนั้นจะมีศิลปะและสถาปัตยกรรมมาประดับตกแต่งต่างๆมากมายตัวหอคอยนั้นด้านนอกนักท่องเที่ยวจะมองเห็นเป็นรูปเศียรช้างหรือว่าหัวช้างนั่นเอง

และทางด้านในนั้นจะมีเสาแกะสลักเป็นการแกะสลักศิลปะของไทยนอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูป ให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้เมื่อเดินทางมาพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อย่างไรก็ตามศิลปะและประติมากรรมต่างๆที่ถูกจัดแสดงไว้ที่บริเวณหอคอยช้างอาละวาดแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นศิลปะที่มีความงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ซึ่งที่นี่นั้นนับได้ว่าเป็นศิลปะที่ยิ่งใหญ่อันดับโลกเลยทีเดียว

     นอกจากเรื่องของรูปปั้นประติมากรรมต่างๆแล้วเครื่องประดับตกแต่งเพื่อเพิ่มความงดงามและสร้างสีสันให้กับตัวอาคารนั้นก็มีส่วนสำคัญในการทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กลายเป็นที่ดึงดูดและเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการทำกระจกสีมาติดเป็นลวดลายต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเป็นแผนที่โลกซึ่งบอกได้เลยว่าศิลปะแบบนี้นั้นแทบจะไม่มีให้เห็นจากที่อื่นนอกจากที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพียงเท่านั้น

       ด้านในพิพิธภัณฑ์นอกจากเราจะเห็นศิลปะประติมากรรมต่างๆที่มีความเกี่ยวพันเกี่ยวกับช้างเอราวัณแล้วยังมีภาพวาดสีน้ำ ซึ่งภาพวาดที่ถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแห่งนี้นั้นจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นนอกจากนี้ยังมีการจัดโซนภาพวาดนี้ให้มีความคล้ายคลึงกับประเทศญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นการร้ายญี่ปุ่นหรือโต๊ะเก้าอี้สไตล์ญี่ปุ่นเรียกได้ว่าโซนนี้เป็นโซนของศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลยทีเดียว 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    สล็อต ufabet เว็บตรง

ประวัติความเป็นมาของ The Haitian Revolution

     ในช่วงคริสราช 1791 – 1804 หลายคนอาจไม่คุ้นเคยกับการปฏิวัติในดินแดนอเมริกาเหนือครั้งนี้

แต่ว่าในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองโลกแล้วนี่คือการปฏิวัติครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 17 ฝรั่งเศสปกครองดินแดนเฮติหรือแซงโดแมงต่อจากสเปน โดย เฮติเป็นแหล่งผลิตปลูกอ้อยวัตถุดิบในการทำน้ำตาลขนาดใหญ่  ว่ากันว่าน้ำตาลกว่าร้อยละ 40 ในยุโรปขึ้นจากอ้อยในเฮติและติดยังเป็นแหล่งส่งออกกาแฟขนาดใหญ่ในยุโรปอีกด้วยเรียกได้ว่าเป็นอาณานิคมที่สร้างรายได้ให้กับเมืองแม่อย่างมหาศาล  

           อย่างไรก็ตามผลประโยชน์มหาศาลของฝรั่งเศสก็ต้องแลกมาด้วยความทุกข์ยากของทาสผิวดำในอาณานิคมที่ถูกกดขี่มาเป็นเวลานาน แต่ขณะนั้นที่เฮติหรือแชงโดแมงแบ่งประชาชนออกได้เป็น 4 กลุ่มคือ 1 นายทุนผิวขาวที่เป็นเจ้าของไร่ต่างๆ 2 คนผิวดำอิสระที่เกิดจากคนผิวขาวและชนพื้นเมือง 3 คนผิวขาวอิสระที่ไม่ได้เป็นนายทุนและ 4 กลุ่มทาสผิวดำจากแอฟริกาที่ถือเป็นชนกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศ 

       ใน คริสราช 1791 พวกเขาได้แรงบันดาลใจในการลุกขึ้นสู้จากคำประกาศสิทธิมนุษยชน การปฏิวัติที่ฝรั่งเศสเมืองแม่ว่าสมัชชาแห่งชาติจะมอบอิสระในการปกครองตนเองให้กับพวกเขาทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้นพระราชบัญชาแห่งชาติได้

มอบอิสระดังกล่าวให้แค่กับคนผิวขาวที่อยู่ในอาณานิคมเท่านั้นเหล่าทาสในแซงโดแมงรู้สึกเหมือนกับคนที่ถูกหักหลังความอดทนของพวกเขาสิ้นสุดลงและตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาปฏิบัติด้วยตนเองไม่สามารถพึ่งสมัชชาแห่งชาติได้  

         Toussaint L’ Ouverture  อดีตทาสผิวดำในอาณานิคมที่เคยถูกกดขี่ก็เลยขึ้นมาเป็นผู้นำในการปฏิวัติกองกำลังของกลุ่มฆ่าสังหารคนผิวขาวในอาณานิคมไปมากมาย  แม้ว่าฝรั่งเศสจะได้ความช่วยเหลือจากอังกฤษที่กลัว ว่าอาณานิคมของตนเองจะก่อการปฏิวัติขึ้นมาเช่นกันแต่กองทัพของพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ต่อ แซงโดแมงในปี 1789 ทำให้เหล่าทาสเข้ายึดครองดินแดนในแซงโดแมงได้ทั้งหมดและ ลูแวร์ตูร์ ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของหมู่เกาะ อิสปันโญลา

         อย่างไรก็ตาม ลูแวร์ตูร์ กลับต้องไปเสียชีวิตที่คุกในฝรั่งเศสจากการถูกกองกำลังของนโปเลียนโบนาปาร์ตที่ต้องการหรือระบบทาสขึ้นมาใหม่ในค.ศ 1802  Jean-Jacques Desslines  อีกคนสำคัญในการปฏิวัติจึงขึ้นเป็นกองทัพชาวผิวดำจนได้รับชัยชนะที่ยุทธการเวอร์เทียร์ในปี 1803

และได้มีการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ ของจักรวรรดิเฮติ ในปี 1804  ดังนั้นเฮติจึงเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการปฏิวัติโดยทาสซึ่งในมุมมองของนักประวัติศาสตร์นี่คือการปฏิวัติจากคนผิวดำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่ง 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.    ทางเข้าufabet168

การล่าอาณานิคมของสเปนทำให้เกิดปัญหาใหญ่

โดยสเปนได้มีวิธียึดอาณานิคมค่อนข้างที่จะแตกต่างจากที่อื่นในยุคใหม่ๆ  การล่าอาณานิคมของสเปน  เพราะว่าในยุคเก่าเวลาเรายึดแล้วเราจะทำยังไงเราจะเปลี่ยนอาณาจักรนั้นเราจะเปลี่ยนที่เรายึดครองให้มันมีวิถีชีวิตเหมือนกับเราเหมือนกับสิ่งที่โรมันทำ

ซึ่งสเปนต้องการทำแบบนั้นในขณะเดียวกันเวลาอังกฤษไปยึดอาณานิคมต่างๆอังกฤษไม่ได้ Force คนทุกคนต้องให้ใช้ชีวิตเหมือนอย่างคนอังกฤษ แต่จะเป็นต้องการให้คนทุกคนที่อยู่ในอาณัติของสเปนต้องใช้ชีวิตอย่างคนสเปน และนั่นแหละมันเลยทำให้เกิดปัญหานั่นเอง

การที่จะทำให้อาณาจักรคงอยู่ได้มันต้องทำยังไงในเมื่อเราต้องสู้กับพวกชนเผ่าแถมยังมีบทบัญญัติอะไรอีกมากมายชาวบ้านเองด้วยบทบัญญัติของกฎหมายไม่สามารถถือปืนได้ไม่สามารถครอบครองปืนได้ เพราะฉะนั้นเองในการที่จะป้องกันดินแดนสเปนจำเป็นจะต้องส่งทหารมาเพื่อคอยคุ้มกัน 

ซึ่งเรียกได้ว่าดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลมากๆเลยสเปนมีอาณานิคมทั่วโลกเต็มไปหมดการจะส่งทหารไปทุกที่เป็นเรื่องที่ยากมากๆแล้วก็ทำได้อย่างไร้ประสิทธิภาพสุดๆ สุดท้าย ด้วยการรบแบบกองโจรอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่จะแพ้การรบแบบนี้ตลอดเลยถูกแอบซุ่มโจมตีแล้วก็หนีไปถูกแอบรอบชิงรอบทำร้ายขี่ม้าหนีไป

พวกอินเดียแดงสามารถต่อสู้กับทหารสเปนได้อย่างห้าวหาญและเรียกได้ว่าสุดท้ายแล้วสเปนก็แพ้ไปและนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของวันการพกปืนเอาไว้คือสเปนเป็นตัวอย่างที่แย่แล้วจากนั้นเองเพราะอังกฤษมาถึงอเมริกาอังกฤษไม่ต้องการซ้ำรอยนี้ 

ดังนั้นอังกฤษเองได้พาคนมาตั้งรกรากในทวีปอเมริกาค่อนข้างที่จะเยอะเลยเพราะอะไรถึงมีคนอยากจะย้ายจากอังกฤษเหลือเกิน เพราะว่าอังกฤษมันเล็กยังไงล่ะในยุโรปมีคนแน่นหนาเต็มไปหมดเพราะว่ายุโรปเองก็ถือว่าเป็นศูนย์กลางอำนาจของโลก

ด้วยอำนาจของมนุษย์เราทุกคนเองก็อยากจะเป็นเจ้าของอยากที่จะเจริญก้าวหน้าผู้คนก็อยากจะมีที่ดินเอาไว้ครอบครองอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองอยากจะมีธุรกิจของตัวเอง แต่ถ้าอยู่ที่อังกฤษต่อไปเราคงเป็นได้แค่ลูกจ้างต้องเช่าอยู่ในห้องเล็กๆแบบนี้หรอไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของที่ดินอะไรแบบเนี้ย

จึงทำให้มีผู้คนมากมายต้องการมาที่โลกใหม่อย่างอเมริกาและพอมาถึงพวกเขาก็ได้ซื้อธาตุมีธุรกิจเป็นของตัวเองขายให้กับอังกฤษไปและอังกฤษก็ได้ประโยชน์ไปอย่างเต็มๆเลย

โดยมันคืออะไรอังกฤษได้ขยายอาณาเขตอาณาจักรของตัวเองอังกฤษเองได้ผลผลิตมากขึ้น จีคลับ เล่นออนไลน์  แถมอังกฤษเองมี policy มีนโยบายที่ฉลาดก็คือคนเวลาเราเป็นเจ้าของที่ดินเราก็คงจะหวงแห้งและรักษามันทำให้คนที่ไปตั้งรกราก 

ในอเมริกาไม่ใช่สู้แค่อังกฤษอย่างเดียวพวกเขาสู้เพื่อที่ดินของตัวเองด้วยอังกฤษอนุญาตให้พวกเขาได้พกปืนได้และอังกฤษเองก็ทำแบบนี้กับประเทศที่ตัวเองเป็นเจ้าอาณานิคมหมดเลยก็เรียกได้ว่าทำให้อังกฤษมีเวลาไม่ต้องส่งทหารมากมายไปคุ้มกันทุกที่อังกฤษก็จะได้เอาทหารไปบูบลี่ประเทศอื่นกันต่อได้

เรื่องราวของพระราหูตั้งแต่สมัยพราฮินดูถึงปัจจุบัน

เชื่อเลยว่าหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าราหูเป็นใครแล้ว เรื่องราวของพระราหู โดยราหูมันเป็นอะไรที่เราอยากจะหลีกเลี่ยงราหูชอบของดำว่าแต่อยากรู้กันไหมว่าจริงๆแล้วราหูนั้นเป็นใครตามความเชื่อแบบจริงๆเลย

ราหูเป็นใครเอาจริงๆถ้าสมมติว่าเราจะมาพูดถึงที่มาของสุริยุปราคาหรือว่าจันทรุปราคาเราได้เคยบอกเล่าไปแล้วแม้แต่ชาวไทยเองก็มีความเชื่อของเราเช่นกันซึ่งอันนี้อาจจะยังไม่เคยเล่าแต่เขาเชื่อกันว่าเป็นกบกินเดือนเป็นอะไรต่างๆแต่วันนี้เราไม่ได้จะมาพูดด้วยเรื่อของความเชื่อเรื่องของสุริยุปราคาหรือว่าจันทรุปราคา

ซึ่งเราจะมาพูดถึงสิ่งหนึ่งโดยตรงเลยนั่นก็คือ ราหู นั่นเอง เมื่อถึงพูดถึงคำว่าราหู ราหูเป็นใครมาจากไหนทำไมถึงชอบกินพระจันทร์แน่นอนว่าเราจะต้องไปที่ความเชื่อชาตินึงนั่นก็คือ อินเดีย นั่นเอง เพราะว่าราหูมีความเชื่อมาจากศาสนาพราหมณ์ฮินดูนั่นเอง

ดังนั้นแล้วเรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้มันอาจจะไม่เหมือนที่หลายๆคนเคยได้ยินได้ฟังกันมาแต่มันจะมีความคล้ายอยู่บ้างเพราะว่า ราหู เป็นความเชื่อที่เก่าแก่มากๆของชาวฮินดูต้องย้อนกลับไปในสมัยเวทหลายๆต่อๆหลายสมัยแต่ละสมัยคนก็ได้พูดถึงราหูกันมาตลอด

แต่ว่าจะไปพูดตรงนั้นนิดตรงนั้นหน่อยเพิ่มไปเพิ่มไปจนกระทั่งล่าสุดเรื่องราวของราหูที่เรามาได้ยินในทุกวันนี้จริงๆแล้วมันจะไปอยู่ในยุคของ คัมภีร์ ปุราณะ โดยจะมีอยู่หลายต่อหลายเล่มเลยเป็นรวมเกี่ยวกับเกร็ดความเชื่อต่างๆเกี่ยวกับโลกเกี่ยวกับจักวาลของฮินดูเขา

ซึ่งเรื่องของ ราหู ไม่ได้มีแค่เพียงเล่มเดียวจะมีอยู่แตกกระจายตามเล่มนั้นเล่มนี้เต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นยุค ปุราณะก็มี ศิวะปุราณะก็มีเรียกได้ว่าหลายต่อหลายปุราณะพูดถึงราหูเท่านี้ยังไม่พอในแต่ละปุราณะเราก็จะเห็นได้เลยว่าเรื่องของราหูอยู๋ในหลายนิกาย

เพราะฉะนั้นแต่ละนิกายแต่ละยุคสมัยขากจะพูดเรื่องของราหูไม่ตรงกันเราแค่เก็บเอาเรื่องราวหลายๆปุราณะมาตอบให้กับคนที่กำลังสงสัยอยู่ว่าแล้วราหูเป็นใคร ราหู ถือว่าเป็นหนึ่งในเทพนพเคราะห์ตามความเชื่อของพราฮินดูคือพราฮินดูเขาก็จะเชื่อว่าดาวเคราะห์แต่ละองค์ก็จะมีเทพประจำอย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆพระจันทร์ พระอาทิตย์ พระพฤหัสบดี พระศุกร์กันใช่ไหม

นอกจากนีราหูก็เป็นหนึ่งในเทพ นพเคราะห์ นั้นในสมัยโบราญเขามองไปได้ไม่ไกลถึงยุเรนัสเนปจูนแล้วก็พลูโตดังนั้นมันสุดแต่พฤหัสรวมถึงเขามองดวงจันทร์ว่าเป็นดาวเคราะห์ดวงนึงด้วยอย่างไรก็ตามเทพนพเคราะห์จะมีอยู่สององค์ที่ไม่มีดวงดาวเป็นของตัวเองนั่นคือพระราหูกับพระเกตุ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    ufabet บนมือถือ

คำว่า นาค นั้นหมายความว่าอย่างไร?

นาคมายความว่าอย่างไร ก่อนที่จะเข้าบวชชายเหล่านี้จะได้รับฐานะจากคนให้เป็น นาค เสียก่อนคนทั่วไปเรียกว่า บวชนาค มีนิทานพุทธที่เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางอยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนาคที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงแปลงเป็นมนุษย์มาขอบวชในภายหลังพระพุทธองค์ทรงทราบ นาค จึงต้องสึกจากการเป็นพระ

ซึ่ง นาค ทำได้เพียงแค่ขอต่อพระพุทธเจ้าว่า ต่อไปในภายภาคหน้าให้ผู้ที่กำลังเตรียมบวชให้มีชื่อเรียกว่า นาค ซึ่งเป็นที่มาของกำเนิดของประเพณีทำขวัญนาคและการบวชนาคจนกระทั่งปัจจุบันแท้จริงแล้วการบวชนาคไม่มีการกำเนิดไว้ในพุทธบัญญัติจึงไม่มีการบวชนาคนี้ในอินเดียและในลังกาโบราณ

แม้จะถือว่าเป็นต้นทางแห่งพระพุทธศาสนาก็ตามแต่ในทางกลับกันการบวชนาคได้กลายเป็นประเพณีพื้นเมืองที่ยึดถือกันเฉพาะในภูมิภาคอุษาขเณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บริเวณส่วนพื้นแผ่นดินได้แก่พม่ากัมพูชาลาวและไทยในพิธีการบวชพระจะถามคำถามหนึ่งแก่ผู้ขอบวชทุกครั้งว่า “ ท่านเป็นมนุษย์หรือไม่ “ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ที่จะมาบวชนี้ไม่ใช่นาคปลอมตัวมา

โดยสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงสังคมอินเดียในยุคโบราณที่ไม่ยอมรับกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมต่ำกว่าให้อยู่ในฐานะคนแต่ถึงแม้ปรัชญาของศาสนาพุทธจะอยู่ตรงข้ามกับศาสนาพราหมณ์ที่เป็นหัวใจของชนชั้นปกครองอารยันในยุคสังคมวัณแต่ศาสนาพุทธก็ไม่อาจขัดขวางความสำนึกขั้นพื้นฐานของสังคมมนุษย์ในในยุคคนั้นได้ทั้งหมดเช่นกัน

นอกจากนี้ในวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำโขงแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและในประเทศลาวรวมทั้งกัมพูชายังมีพิธีกรรมเก่าแก่ที่ได้กระทำสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนพิธีเถราภิเษก

หรือ ฮดสรง ได้เป็นประเพณีโบราณการรสน้ำในโอกาสการเลื่อนสมาสักแก่พระสังฆ์ยิ่งเป็นพระสังฆ์รูปสำคัญอาจจะได้รับการ ฮดสรง จากเจ้าเมืองหรือพระมหากษัตริย์

พิธีกรรมเช่นนี้ยังเป็นที่นิยมปฏิบัติสำหรับชาวบ้านทั่วไปในงานบุญตามประเพณีสำคัญๆในปัจจุบันรางน้ำที่ทำด้วยไม้เป็นรูปนาคด้านล่างจะมีห่อผ้าขาวได้บรรจุของที่มีค้าขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเอาไว้ในห่อผ้าขาวนอกจากนี้น้ำก็จะถูกเทให้ไหลผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ไหลลงมายังพระภิกษุให้ผ่านรางน้ำที่เป็นรูปนาค

เนื่องจากนี้ นาค จึงได้ทำหน้าที่คอยเชื่อมโยงเติมเต็มภาพแห่งในอุดมคติให้สมกับฐานะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้สูงส่งขึ้นของพระภิกษุสงฆ์รูปนั้นตลอดเวลาช่วงนับพันปีในดินแดนอุษาขเณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากงูมาสู่นาคจากผีผสานเข้ากับพราหมณ์และพุทธ นาค เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยไขให้เห็นถึงความสัมผัสมในการเชื่องโยงความคิดและความเชื่องดั้งเดิมของผู้คนในอุษาขเณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แจ่มชัดยิ่งขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.   สมัครเว็บ ufabet

ตำนานพระกินเณร

ตำนานพระกินเณร สำหรับเหตุการเณรชอบหายตัวไปหลังจากที่หลวงพ่อทองได้ธุดงค์มาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดเขากบแห่งนี้และก็ได้มีคนมาบวชเป็นพระมากขึ้นและบวชเณรมากขึ้น

จนมีอยู่วันนึงเณรเหล่านี้ก็ได้หายตัวไปตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอจนทำให้หลวงพ่อทองนั้นได้คิดว่าพวกเณรคงจะอยู่ไม่ได้คงจะหนีกลับบ้านไปแล้วก็ได้

ดังนั้นหลวงพ่อทองท่านก็ได้ออกเดินตามหาไปยังที่บ้านของพวกเณรเหล่านี้และมันก็ได้สร้างความตกใจให้กับทางวัดและตัวของหลวงพ่อทองมาตรงนี้เขาก็เลยได้เริ่มสืบว่ามันเกิดอะไรกันแน่แต่ในตอนแรกพอสืบไปสืบมาก็ยังไม่ได้ความอะไรมากมายก็ปล่อยไปตามเวลาและค่อยหากันต่อไป

เมื่อเวลามันได้ผ่านมาแล้วเรื่อยๆสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นก็คือเณรก็เริ่มที่จะหายไปทีละองค์ๆและสิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตการณ์ของเรื่องนี้นั่นก็คือเณรส่วนใหญ่ที่หายไปจะเณรในโบสถ์สุดท้ายที่อยู่ติดกับเจดีย์เก่าที่เขาว่ากันว่าสร้างตั้งแต่กรุงสุโขทัยและในบริเวณนั้นก็ได้มีพระอยู่รูปหนึ่งประจำอยู่โสบถ์แห่งนั้นประจำที่เจดีย์เก่านี้อยู่

ซึ่งหลวงพ่อก็ไม่รีรอก็ได้เข้าไปหาที่พระองค์นี้แล้วก็ได้คุยปรึกษากันไปมาปรากฎว่าสิ่งที่พระเจดีย์เก่าเขาได้คุยกับหลวงพ่อทองนั้นมันได้สร้างความตกใจให้แก่หลวงพ่อทองเป็นอย่างมากเพราะเขาบอกว่าในที่เจดีย์เก่าแห่งนี้ได้มีพระพุทธรูปปรางยืนอยู่องค์นึง

โดยในตอนแรกสิ่งที่เขาพบเจอนั้นพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปขนาดที่เท่าคนธรรมดาหรืออัตราหนึ่งต่อหนึ่งเลยแต่หลังจากที่มีเหตุการณ์เณรหายตัวไปทีละคนแล้วพระพุทธรูปองค์นี้ก็เริ่มที่จะมีร่างกายใหญ่ขึ้นๆเรื่อยๆและที่สำคัญไปกว่านั้นคือมีเศษจีวรของเณรได้ติดอยู่ที่ปากของงพระพุทธรูปองค์นี้ด้วย

นอกจากนี้สิ่งที่หนักไปกว่านั้นก็คือมีคลาบสีแดงๆติดอยู่ที่ปากของพระพุทธรูปองค์นี้ด้วยหลังจากที่พระองค์นี้ได้บอกกับหลวงพ่อทองจึงทำให้หลวงพ่อทองได้เกิดความตกใจเป็นอย่างมากเขาก็คิดว่ามันคงจะไม่ได้มีอะไรหรอกอาจจะเป้นความบังเอิญก็ได้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรในเรื่องของความเชื่อแล้วก็ตามหาเณรกันต่อไป

แต่หลังจากนั้นไม่นานเณรก็ไม่ได้หายไปอีกครั้งนึงและครั้งนี้มันแปลกไปกว่าในครั้งแรกเพราะครั้งนี้หลังจากที่ได้เข้าไปตรวจสอบที่เจดีย์เก่าแห่งนั้นอีกรอบนึงเพื่อที่จะได้หาคำตอบให้ได้ในเร็ววัน

 

ขอบคุณ. สล็อต777คาสิโนออนไลน์  ที่ให้การสนับสนุน

ประวัติดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย

     ประวัติดอยแม่สลอง เดิมดอยแม่สลองแห่งนี้เป็นภูเขาที่มีป่าไม้หนาแน่น

ไม่ได้มีคนอยู่อาศัยแต่แล้วในช่วงหลังสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏว่ามีทหารกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นทหารชาวจีนได้ถอยร่นมาขออาศัยขอลี้ภัยอยู่ในประเทศไทย  โดยกองกำลังทหารจีนดังกล่าวนั้นชื่อว่ากองพล 93 ซึ่งทหารกลุ่มนี้ เป็นทหารที่ออกรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  อยู่ภาคอะไรของนายพลเจียงไคเช็คสังกัดพรรคก๊กมินตั๋ง  

      สิ่งที่เป็นสาเหตุสำคัญที่กองกำลังทหารกองพล 93 นี้ไม่ยอมที่จะกลับประเทศของตนเองและก็เพราะว่าภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกนั้นปรากฏว่าประเทศจีนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น

ซึ่งในครั้งนั้นมีเหมาเจ๋อตุงเข้าไปทำการยึดอำนาจซึ่งเขานั้นเป็นกลุ่มพรรคคอมมิวนิสต์และมีการเข้าไปทำการแก้ไขอำนาจและแปลงข้อมูลต่างๆภายในประเทศซึ่งทำให้กองทหารของสังกัดพรรคก๊กมินตั๋งนั้นไม่สามารถที่จะเข้ากับประโยคอาศัยในประเทศจีนได้จึงได้พากันไปปักหลักอาศัยอยู่ในไต้หวัน

        อย่างไรก็ตามทางด้านเหมาเจ๋อตุงได้มีการส่งกองกำลังทหารเข้าไปกดดันกองพล 93 ทำให้ทหารของกองพล 93 นั้นจึงต้องพากันหลบหนีเข้ามายังเขตของประเทศพม่ากลายเป็นกองกำลังพลัดถิ่น

ซึ่งเมื่อทางกองกำลังของประเทศพม่าทราบเรื่องก็ไม่ยอมให้อยู่ในประเทศพยายามผลักดันให้กองกำลังพลัดถิ่นนี้กลับไปอยู่ที่เกาะไต้หวันเหมือนเดิมโดยมีการสู้รบและปะทะกันอยู่หลายครั้งจนในที่สุดทางด้านกองพล 93 ก็ไม่สามารถที่จะสู้กองกำลังของฝ่ายพม่าได้จึงได้มีการถอยมาปักหลักอยู่ตรงบริเวณชายแดนของไทย

       ซึ่งอยู่ตรงบริเวณเทือกดอยตุงซึ่งตรงบริเวณนี้เองพม่าเองก็ยังไม่พอใจได้มีการร้องเรียนไปที่สหประชาชาติต้องการที่จะให้กองพล 93 กับประเทศไต้หวันแต่ว่ากองพล 93 ทั้งหมดนั้นไม่ยินยอมที่จะกลับประเทศยินดีที่จะขอลี้ภัยในประเทศไทย

จึงมีการส่งเรื่องขอเป็นหนังสือขอลี้ภัยทางการเมืองซึ่งในขณะนั้นแบ่งสังกัดการดูแลออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มแรกเป็นของนายพลต้วนซีเหวินซึ่งมีทหารที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาประมาณ 30 คนในขณะอีกสังกัดหนึ่งดูแลภายใต้นายพลหลีเหวินฟาน

       อย่างไรก็ตามทางการของประเทศไทยนั้นได้มีการอนุมัติให้ทหารพัฒนาที่ขอลี้ภัยสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้โดยมีการจัดแบ่งพื้นที่ที่อยู่อาศัยให้โดยมีการส่งมอบทหารภายใต้การดูแลของพลหลี่เหวินฟานให้เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่โดยให้อาศัยอยู่ที่บริเวณถ้ำง้อบส่วนของทางด้านทหารภายใต้นายพลต้วนซีเหวิน ให้อยู่ที่บริเวณเขตชายแดนบนดอยแม่สลอง

          การลี้ภัยในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงประมาณปีพ.ศ 2504 แล้วนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประเทศไทยก็พบกับปัญหายาเสพติดเนื่องจากว่ากองกำลังนายพลต้วนซีเหวินนั้นมีการปลูกฝิ่นและกัญชาขายซึ่งภายหลังนั้นทางรัฐบาลไทยได้เข้าไปทำการดูแลและริเริ่มโครงการให้กับกลุ่มกองกำลังพัฒนาอื่นได้มีอาชีพอื่นซึ่งก็คือการปลูกสนสามใบและใบชา ขาย และเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านแม่สลองเป็นหมู่บ้านสันติคีรี และนับตั้งแต่นั้นมาหมู่บ้านนี้ก็กลายมาเป็นแหล่งทอ่งเที่ยวของไทยนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.   gclub สล็อตฟรี

ประวัติเจดียย์ ของวัดพระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย

ประวัติเจดียย์ ของวัดพระธาตุดอยตุง เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเดินทางไปเที่ยววัดพระธาตุดอยตุงในจังหวัดเชียงรายบ้างแล้วซึ่งวัดแห่งนี้นั้นเป็นวัดที่มีความงดงามเป็นอย่างมากที่สำคัญยังเป็นวัดที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทางด้านพระพุทธศาสนาเอาไว้มากมายอย่างเช่นองค์เจดีย์ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 องค์ซึ่งภายในนั้นมีการบรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้ายและอีกองค์นั้นบรรจุเป็นพระบรมสารีริกธาตุ

        นอกจากนี้ลักษณะของการออกแบบวัดพระธาตุดอยตรงนั้นก็ยังมีความงดงามอ่อนช้อยโดยใช้ศิลปะแบบล้านนามาผสมผสานมองไปทางไหนก็เห็นแต่สีทองเหลืองอร่ามตาทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในจังหวัด

และนอกจังหวัดรวมถึงต่างชาติมากเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าประวัติความเป็นมาของวัดพระธาตุดอยตุงนั้นมีความเป็นมาหรือประวัติอย่างไรซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงตำนานหรือประวัติของพระธาตุดอยตุงกัน     

    ตำนานบอกว่าผู้ที่สร้างพระธาตุดอยตุงแห่งนี้ขึ้นมานั้นเป็นกษัตริย์ที่ปกครองเมืองโยนกนาคพันธุ์โดยในสมัยนั้นกษัตริย์ที่มีอำนาจในการสั่งให้สร้างวัดแห่งนี้ก็คือพระเจ้าอชุตราช  นั่นเอง

หลังจากที่มีการสร้างวัดพระธาตุดอยตุงขึ้นมาแล้วปรากฏว่ามีอยู่วันหนึ่งพระมหากัสสปะได้เดินทางมาที่วัดแห่งนี้ด้วยได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ซึ่งเป็นส่วนของพระรากขวัญเบื้องซ้ายหรือที่เรารู้จักกันดีในนามของกระดูกไหปลาร้า

โดยเป็นกระดูกไหปลาร้าทางด้านซ้ายมามอบให้กับพระเจ้าอชุตราช 

         เมื่อพระองค์ได้รับพระบรมสารีริกธาตุพระองค์จึงได้มีการเกณฑ์คนงานให้ช่วยกันสร้างเจดีย์ขึ้นมาเพื่อที่จะเอาไว้จัดเก็บพระบรมสารีริกธาตุโดยเจดีย์ที่ถูกสร้างนั้นก็สร้างไว้ในวัดพระธาตุดอยตุงแห่งนี้นั่นเอง  

ซึ่งตรงบริเวณจุดที่สร้างวัดพระธาตุดอยตุงแห่งนี้แต่เดิมนั้นเป็นที่ดินของพวกลาวจก  แต่พระเจ้าอชุตราช  ได้มีการจ่ายเงินซื้อที่ดินตรงนี้หลังจากนั้นก็ให้มีการก่อสร้างวัดพระธาตุดอยตุงขึ้นมา

โดยพระองค์นั้นยังได้มีการจ่ายเงินว่าจ้างพวกมิลักขะอุให้คอยดูแลพระธาตุอีกด้วยซึ่งมีทั้งหมด 500 ครัวเรือนด้วยกัน  

       ต่อมาภายใต้การปกครองของพระเจ้ามังราย   ปรากฏว่ามีพระมหาวชิรพงศ์โพธิเถระได้เดินทางนำพระบรมสารีริกธาตุมาถวายให้กับพระเจ้ามังรายพระองค์จึงได้มีการสั่งเกณฑ์รายงานสร้างพระเจดีย์อีกองค์หนึ่งใกล้ๆกันหลังจากนั้นก็นำพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ด้านในทำให้ที่วัดพระธาตุดอยตุงแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่จัดเก็บเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ถึง 2 องค์ด้วยกัน 

 

สนับสนุนโดย.    gclub slot ทดลองเล่น

ตำนานพญานาคตามความเชื่อ

สำหรับความเชื่อเรื่องของพญานาคแล้วตามความเชื่อของศาสนาฮินดูศาสนาพุทธแล้วก็ศาสนาเชนพญานาคหรือนาคจะมีความหมายว่างูใหญ่ที่มีหงอนเป็นสีทองและในความเชื่อของศาสนาฮินดูนาคถือเป็นสิ่งมีชีวิตกึ่งเทวะที่มีพลังอำนาจวิเศษมากมายเลย

ซึ่งมีความสามารถดลบันดาลทำให้เกิดสิ่งต่างๆอย่างมากมายทั้งในด้านที่ดี ตำนานพญานาคตามความเชื่อ และในด้านที่ไม่ดีและด้วยความที่ว่านาคนั้นได้เป็นกึ่งเทวะนาคจึงอาจจะสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้หรือจะแปลงกายเป็นมนุษย์กึ่งนาคหรือจะเป้นนาคที่เป็นงูที่มีขนาดตัวใหญ่มากๆแล้วก็มีหงาน

โดยตามความเชื่อแล้วนาคส่วนใหญ่เราเชื่อกันว่าน่าจะอาศัยอยู่เมืองบาดาลที่ภายในเมืองบาดลจะเต็มไปด้วยอัญมณีอย่างเช่นทองคำเพชรพลอยและก็ทรัพย์สมบัติทางโลกอื่นๆอีกมากมายเลยทีเดียว

นอกจากนี้นาคยังมีความเกี่ยวพันธุ์กับแม้น้ำทะเลสาปทะเลหรือแม้แต่บ่อน้ำโดยพลังอำนาจของนาครวมถึงพิษของนาคด้วยทำให้บางพื้นที่ทำให้นาคอาจจะเป็นอันตรายกับมนุษย์ได้แต่ถึงอย่างไรก็ตามนาคก็มักจะปรากฏอยู่ในฐานะของความดีเสียมากกว่าและยังถือเป็นผู้บำเพ็ญศีลบารมีที่ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และเทวดาเอง

เพราะฉะนั้นแล้วในครั้งหนึ่งตามตำนานของศาสนาฮินดูเหล่าเทวดากับอสูรจะต้องกวนเกษียรสมุทรก็คือทะเลน้ำนมที่มีขนาดใหญ่โดยในครั้งนั้นได้มีพระญาวาสุกีซึ่งเป็นพญานาคได้เสียสละตัวเองมาเป็นเชื่อกรัดเขามันทระเพื่อที่จะให้เทวดาและอสูรดึงตัวเองในการหมุนเขาเพื่อที่จะกวนเกษียรสมุทรนั่นเอง

เนื่องจากนี้ในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ได้มีตำนานต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นตำนานเกี่ยวกับการเกิดของพระจันทร์พระอาทิตย์หรือแม้แต่ราหูรวมถึงของวิเศษตามตำนานอีกมากมายก็เกิดขึ้นภายในเหตุการณืนี้เช่นกันหรือแม้แต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับสัตว์ที่มีพิษต่างๆมากมายบนโลกของเรา

โดยบางความเชื่อนั่นก็ได้เชื่อกันว่าในการกวนเกษียรสมุทรใมนครั้งนั้นพระญาวาสุกีที่ตนจะต้องถูดตึงอย่างรุนแรงทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมหาศาลจนตัวเองต้องพ่นพิษออกมาอย่างมากมายและก็ได้มีสัตว์จำพวกงูแมงป่องตะขาบอะไรพวกนี้ได้เข้าไปกินพิษของพระญาวาสุกีจึงทำให้สัตว์เหล่านี้มีพิษตามตำนานบางเรื่อง

ดังนี้เราต้องขอบอกกับทุกคนก่อนว่าเรื่องราวตำนานความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคมันได้มีอยู่หลายแบบมากโดยมักจะแตกต่างกันออกไปในบางส่วนแล้วแต่พื้นที่นั้นๆและความเชื่อที่เกี่ยวกับพญานาคของไทยเราเราโดยจะมีตระกูลใหญ่ด้วยกันนั่นก็คือตระกูลวิรูปักษ์พญานาคที่มีสีทองการเกิดของพญานาคนั้นได้เกิดมาแบบโอปปาติกะเกิดแล้วโตทันที

 

สนับสนุนโดย.    ufabetฝ่ายบริการ