ตำนานเสือสมิง

ตำนานเสือสมิง โดยเจ้าเสือสมิงนี้ถ้าได้มองเผินๆแล้วมันก็จะน่าตาเหมือนกับเสือโคร่งแต่ทว่ามันจะเป็นเสื้อที่ดุดกว่าและมันก็มีนิสัยที่ชอบล่าคนเพื่อความสนุกสนานมากกว่าจะล่าไปเป็นอาหารทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะว่ามันเป็นเสือที่มีพละกำลังมหาสาร

นอกจากนั้นมันยังเป็นเสื้อที่มีสติปัญญาฉลาดแล้วก็การใช้เวทมนต์ทำให้มันแตกต่างไปจากเสือทั่วไปและในสกิลที่มันมีนั้นอย่างใช้การแปลงร่างที่จะทำให้การล่าเหยื่อของมันดูซับซ้อนไปมากกว่าสัตว์ป่าธรรมดาว่ากันว่าในความฉลาดของมันนั้นได้ทำให้พรานป่าที่มากฝีมือหลายๆคนต้องจบชีวิตกันมาแล้ว

ซึ่งในวิธีส่วนใหญ่ที่ใช้ก็จะเป็นวิธีแบบธรรมดาไม่ต้องออกไปล่าเหยื่อให้เสียแรงเหมือนกับเสือทั่วไปมันจะใช้การปลอมตัวแล้วก็ออกหาล่าเหยื่อในตอนกลางคืนหลังจากที่ปลอมตัวเป็นญาติหรือว่าคนรู้จักของคนๆนั้นแล้วมันก็จะไปหลอกล่อให้ผู้เคราะห์ร้ายนั้นต้องแยกตัวออกจากกลุ่มผู้ที่เดินป่า

เมื่อคนเหล่านั้นเชื่อแล้วได้เดินไปหาเสือโดยเสือมันก็จะกัดได้ง่ายอย่างทีเดียวเลยและความน่ากลัวของมันอีกอย่างหนึ่งก็คือถ้าหากว่าเจ้าเสือตัวนี้ได้มีเลเวลสูงมากพออาวุธธรรมดาจะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลยจะต้องใช้กระสุนลงอาคมเท่านั้น

ดังนั้นหนึ่งในเรื่องเล่าของเสือสมิงเลยก็คือมีพรานป่าคนหนึ่งได้ออกไปหาล่าสัตว์อยู่ภายในป่าเขาก็ไม่ได้เป็นพรานป่าธรรมดาเป็นพรานป่าที่มีฝีมือสูงอีกด้วยเวลาที่พรานป่าได้ออกไปค้างแรมกันในป่าเขาก็จะไม่นอนกันตามพื้นพรานเขาก็จะไปหาทำที่ขนาดเล็กๆบนที่สูงเหนือจากพื้นดินเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายอันตรายตั้งแต่มดงูที่จะมาฉกหรือว่าสัตว์ที่จะมาลากเอาไปกินในมื้อดึก

นอกจากนี้พรานทั้งสองคนเขาก็ได้ทำแบบก็ไปสร้างเพลิงอะไรเอาไว้อยู่ข้างบนต้นไม้และแล้วเมื่อตะวันลับขอบฟ้าพรายเหล่านี้เขาก็จะไปพักผ่อนกันแต่แล้วนายพรายคนหนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงร้องแปลกๆดังออกมาจากด้านล่างและเสียงนั้นก็ไม่ใช่เสียของใครอื่นเป็นเสียงของเมียนายพรายผู้นั้นเองได้มาบอกว่าลูกชายของนายพรานนอนป่วยอยู่ที่บ้านเขาจึงอยากให้นายพรานผู้นั้นรีบกลับไปดูลูก

ซึ่งในตอนแรกเองนายพรายก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกเขาก็ไม่ได้ตามเมียไปพอพูดแบบนี้แล้วเมียก็งอลกลับไปเมื่อพรายป่าได้เห็นแบบนี้แล้วก็เกิดอาการกลัวเมียขึ้นมากลัวว่ากลับไปบ้านแล้วจะโตตีหัวเลยรีบกลับบ้านไปตามที่เมียบอกจากนั้นก้มีเพื่อนมาเตือนสติก็เลยได้สติโชคดีที่ไม่ตามไปไม่อย่างนั้นได้กลายเป็นศพแน่ๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   ufabet ฝาก-ถอน เอง

ตำนาน ตระกูลฮิมุโระ

สำหรับคนประเทศญี่ปุ่นย่อมเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับตระกูลฮิมุโระและอาจจะเคยเห็นหรือเคยไปชมคฤหาสน์ฮิมุโระกันมาแล้ว  ตำนาน ตระกูลฮิมุโระ  ซึ่งตระกูลนี้เป็นตระกูลเก่าแก่มีอายุเกินกว่า 100 ปีมาแล้วโดยปัจจุบันนี้ตระกูลนี้ไม่มีสมาชิกหรือผู้สืบทอดตระกูลแล้วนั่นเองสำหรับตำนานของตระกูลฮิมุโระนั้นว่ากันว่าตระกูลฮิมุโระมีคฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่บนภูเขา

อยู่ท่ามกลางธรรมชาติโดยภายในบริเวณใต้ดินของคฤหาสน์แห่งนี้

ตำนาน ตระกูลฮิมุโระ นั้นว่ากันว่าจะมีประตูที่เชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณอยู่และคนในตระกูลฮิมุโระ จะมีหน้าที่ที่จะคอยขัดขวางไม่ให้วิญญาณร้ายมายังโลกมนุษย์ได้โดยตระกูลนี้จะมีการทำพิธีทุกๆ 50 ปีซึ่งพิธีกรรมที่ว่านี้เป็นพิธีกรรมที่ชื่อว่าพิธีรัดคอ

             โดยความเชื่อของคนในตระกูลเชื่อว่าทุกๆ 50 ปีนั้นจะต้องมีการนำหญิงสาวที่ยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้ไปทำการสังเวยชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจร้ายข้ามมายังโลกมนุษย์ได้ซึ่งวิธีการทำพิธีกรรมนั้นก็คือพวกเขาจะต้องมีการคัดเลือกเด็กสาวเอาไว้ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กๆหลังจากนั้นเด็กสาวคนนั้นก็จะถูกนำไปเลี้ยงแยกกับคนอื่นๆไม่ให้พบปะหรือเจอกับผู้คนเพื่อป้องกันเด็กสาวมีความรักและป้องกันเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้เด็กสาวนั้นกลายเป็นเด็กสาวที่ไม่ใช่เด็กบริสุทธิ์นั่นเอง

สำหรับพิธีกรรมที่ว่านี้เมื่อถึงวันทำพิธีกรรมเด็กสาวจะถูกนำมายืนอยู่ตรงกลางแล้วมีเชือกมัดทั้งหมด 5 จุดด้วยกัน

เลยจะเอาเชือกมัดที่ขาทั้งสองข้างและที่แขนทั้งสองข้างแล้วก็มาที่คออีกฝั่งนึงของเชือกนั้นก็จะผูกติดไว้กับม้าเพื่อให้ม้านั้นดึงร่างของเด็กสาวจนฉีกขาดและเมื่อเชื่อเปียกชุ่มไปด้วยเรื่อยๆคนในตระกูลฮิมุโระ จะนำเชือกนั้นไปไว้ตรงบริเวณประตูทางเข้าซึ่งเป็นประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกปีศาจนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามว่ากันว่ามีเหตุการณ์ล่าสุดที่เด็กสาวที่พวกเขาเลี้ยงไว้นั้นเกิดแอบไปหลงรักกับเด็กหนุ่มทำให้เขาจับได้และทางผู้นำตระกูลฮิมุโระ  มองว่าพิธีกรรมนั้นคงไม่สามารถยับยั้งปีศาจได้เพราะว่าหญิงสาวไม่บริสุทธิ์แล้วดังนั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษเขาจึงได้มีการฆ่าทุกคนในตระกูลของเขาด้วยการใช้ดาบซามูไรฟันจนเสียชีวิตเพื่อเป็นการสังเวยความผิดของคนในตระกูล

                หลังจากนั้นก็นำหญิงสาวที่แอบไปมีความรักคนนั้นมาทำพิธีกรรมด้วยการเข้าพิธีรัดคอหลังจากที่ทำพิธีกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ฆ่าตัวตายตามคนในตระกูลไปซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คฤหาสน์ของตระกูลฮิมุโระ ก็กลายเป็นคฤหาสน์ร้างและถึงแม้ว่าจะมีตระกูลอื่นมาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้แต่ก็มักจะเจอเรื่องราวน่ากลัวจนไม่มีใครสามารถอยู่ได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.   ufabet ฝากเงิน ออโต้

ตํานาน เกาะหนูเกาะแมวและ หาดทรายแก้ว

ตํานาน เกาะหนูเกาะแมว และหาดทรายแก้วนั้นเป็นตำนานที่โด่งดังมากในจังหวัดสงขลาเนื่องจากว่าที่จังหวัดแห่งนี้นั้นมีเกาะที่อยู่กลางทะเลที่ชื่อว่าเกาะหนูเกาะแมวและยังมีชื่อชายหาดที่ชื่อว่าหาดทรายแก้วอยู่ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดสงขลาในปัจจุบันนี้เอง

           โดยตำนานมีการพูดถึงตั้งแต่สมัยประเทศจีนมาค้าขายในประเทศไทยในยุคแรกๆโดยระบุว่ามีพ่อค้าชาวจีนคนหนึ่งได้มีการขนสินค้ามาทางเรือสำเภาล่องมาตามทะเลเพื่อนำสินค้านั้นมาขายให้กับคนไทยโดยมาขายสินค้าที่จังหวัดสงขลาซึ่งในสมัยโบราณนั้นยังเป็นการเรียกเพียงแค่ชื่อว่าเมืองสงขลาเพียงเท่านั้นเองและเมื่อพ่อค้าชาวจีนขายสินค้าหมดเรียบร้อยแล้วแต่ยังเหลือเวลาก่อนที่จะกลับเมืองจีนเขาจึงได้มีการลงมาเดินเล่นที่ตลาดขายของในเมืองสงขลา

              ระหว่างที่กำลังเลือกเดินซื้อของอยู่นั้นปรากฏว่าเขาเห็นว่ามีพ่อค้าคนหนึ่งนำแมวและหมามาใส่กรงขายเอาไว้ซึ่งหน้าตาของแมวและหมาคู่นั้นดูแล้วน่าตาน่ารักมากเขาจึงซื้อหมาและแมวคู่นั้นกับไปเพื่อที่จะเอาไปให้คนที่เมืองจีนนั่นเองหลังจากนั้นเขาก็ได้มีการล่องเรือสำเภาออกท้องทะเลเพื่อที่จะกลับไปเมืองจีนระหว่างที่ร้องเรืออยู่นั้นปรากฏว่าทั้งหมาและแมวได้ยินลูกเรือพูดถึงแก้ววิเศษ

             ซึ่งเป็นลูกแก้วของพ่อค้าชาวจีนโดยความวิเศษของมันนั่นก็คือหากใครที่ถือแก้ววิเศษนี้แล้วจะไม่จมน้ำทำให้หมาและแมวซึ่งอยู่บนเรือสำเภามานานแล้วเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายไม่อยากที่จะเดินทางไปเมืองจีนต้องการที่จะไปขโมยลูกแก้ววิเศษดังกล่าวเพื่อที่จะได้ว่ายน้ำกลับไปยังเมืองสงขลาได้ดังนั้นพวกมันจึงพากันวางแผนที่จะขโมยลูกแก้ววิเศษนั้นเอง 

        ทางด้านแมวก็เสนอให้หนูเป็นผู้ไปขโมย  ดังนั้นหลังจากที่หนูขโมยลูกแก้ววิเศษมาให้ได้แล้วมันจึงนำลูกแก้ววิเศษนั้นมาให้หมากับแมว โดยแมวได้อนุญาตให้หนูตามขึ้นฝั่งไปด้วยซึ่งหนูเป็นตัวที่อมลูกแก้ววิเศษเอาไว้โดยมีหมาและแมวกับร่างกายของหนูเพื่อไม่ให้จมน้ำทะเลแต่ระหว่างที่อยู่กลางทะเลนั้นเองหนูก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าหากว่ามันขึ้นฝั่งได้แล้วแมวอาจจะฆ่ามันตายก็ได้ดังนั้นมันจึงคิดกันหนีขึ้นฝั่งเพียงลำพังโดยจะปล่อยให้แมวและหมาจมน้ำทะเลตาย

           ในขณะเดียวกันทางด้านแมวก็อยากจะเป็นผู้ครอบครองแก้ววิเศษแต่เพียงผู้เดียว และแล้วเรื่องราวก็เกิดขึ้นเมื่อแมวพยายามที่จะแย่งแก้ววิเศษจากปากหนูทำให้แก้ววิเศษนั้นร่วงออกจากปากของหนูตกลงในท้องทะเลส่งผลทำให้หนูกับแมวและหมาจมน้ำตายในที่สุดซึ่งซากศพของแมวและหนูกลายมาเป็นเกาะหนูเกาะแมวในปัจจุบันนั้นเอง 

           ในขณะที่หมานั้นมันสามารถว่ายน้ำได้มาถึงฝั่งแต่ว่ามันก็ตายเมื่อมันมาถึงฝั่งทันทีทำให้ตรงบริเวณอ่าวสงขลานั้นถูกเรียกว่าเขาตังกวนและลูกแก้วที่ตกลงไปในท้องทะเลนั้นก็ถูกขึ้นของท้องทะเลซัดจนแก้วแตกกระจัดกระจายกลายเป็นเม็ดทรายและถูกน้ำทะเลซัดขึ้นมาเลยบนชายหาดทำให้สถานที่ดังกล่าวนั้นถูกเรียกว่าหาดทรายแก้วนั้นเอง 

 

สนับสนุนโดย.   Ufabet เข้าสู่ระบบ

ตำนานคฤหาสน์ ซ่อนผี Winchester House

เป็นตำนานที่กล่าวถึงเรื่องราวของคฤหาสน์หลังหนึ่งที่มีการสร้างอยู่บนเนื้อที่มากกว่า สี่ร้อยไร่  ตำนานคฤหาสน์ หรือประมาณ 160  เอเคอร์ และคฤหาสน์แห่งนี้นั้นใข้เวลาก่อสร้างนานถึง 36 ปี ซึ่งคฤหาสน์แห่งนี้เป็นของคนในตระกูล วินเชสเตอร์  ซึ่งเป็นตระกูลที่เก่าแก่ และทรงอิทธิพล แถมยังเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมากมากอีกด้วย

        สำหรับเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้นั้น มีชื่อว่า ซาราห์ วินเชสเตอร์ โดยคฤหาสน์แห่งนี้สร้างอยู่ที่เมืองซานโฮเซ๋  รัฐแคลิฟอร์เนีย สำหรับคฤหาสน์นี้มีชื่อเรียกว่า Winchester House  และชาวบ้านต่างก็พากันตั้งฉายาว่าคฤหาสน์ซ่อนผี 

           ส่วนสาเหตุนั้นก็เพราะว่า  ซาราห์ วินเชสเตอร์  เธอมีปัญหาเรื่องของสุขภาพจิตจึงทำให้มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของวิญญาณและภูตผีปีศาจโดยก่อนหน้าที่เธอจะมาเชื่อเรื่องต่างๆเหล่านี้นั้นเธอได้สูญเสียลูกของเธอโดยไม่ทราบสาเหตุ  จนทำให้เธอนั้นมีปัญหาด้านสุขภาพจิตต้องรักษาตัวนานถึง 10 ปีกว่าจะอาการดีขึ้นแต่พออาการเริ่มจะดีขึ้นเธอก็ต้องมาสูญเสียสามีจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกเช่นเดิมทำให้อาการของเธอนั้นหนักมากขึ้นกว่าเดิมอีก

       หลังจากที่ ซาราห์ วินเชสเตอร์  ต้องสูญเสียทั้งลูกและสามีไป เธอจึงได้หันไปพึ่งไสยศาสตร์. ตำนานคฤหาสน์ และคนทรงเจ้า และมันทำให้เธอเชื่อว่าเธอติดต่อกับวิญญาณของสามีและลูกของเธอได้ ซึ่งวิญญาณทั้งสามีและลูกของเธอบอกว่า พวกเขาตายเพราะคำสาปแช่งของวิญญาณที่อาฆาต  ซึ่งวิญญาณเหล่านั้น ตายเพราะปืนที่ครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของธุรกิจ และเป็นผู้ขายปืนรายใหญ่ของประเทศสหรัฐนั่นเอง 

         ทั้งนี้เธอยังเชื่อว่าเธอจะเป็นรายต่อไปที่วิญญาณร้ายจะมาเอาชีวิต ด้วยความกลัว เธอจึงได้หาทางแก้คำสาปนี้ โดยการที่เธอไปหาซื้อที่แล้วสร้างเป็นคฤหาสน์ซึ่งคฤหาสน์ของเธอนั้น จะมีช่างมาก่อสร้างให้เธอตลอดเวลา 24 ชั่วโมงไม่มีพัก โดยจะมีช่างก่อสร้างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำงาน ทำให้คฤหาสน์หลังนี้มีห้องมากกว่า 160 ห้องและมีตั้งบันไดและประตูเยอะแยะมากมาย จนถึงขนาดที่ว่าหากใครมาที่คฤหาสน์แห่งนี้อาจจะหลงก็ได้ 

        ซึ่งในแต่ละคืนนั้น ซาราห์ วินเชสเตอร์  จะเปลี่ยนห้องนอนทุกคืนโดยที่ไม่บอกใครว่าจะนอนห้องไหน แต่แล้ววันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวทำให้คฤหาสน์พังเสียหายบางส่วน และบังเอิญว่าเป็นโซนที่ ซาราห์ วินเชสเตอร์  พักอยู่ทำให้เธอติดในซากปรักหักพังอยู่นานกว่าจะมีคนหาเธอเจอ 

        ด้วยความกลัวว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกทำให้เธอนั้นเปลี่ยนเป็นนอนห้องเดิมทุกคืน แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งในช่วงที่เธออายุประมาณ 83 ปีระหว่างที่ช่างกำลังตอ่เติมบ้านนั้น ปรากฏมีฟ้าผ่าลงมาใกล้กับที่ช่างทำงาน  ด้วยความกลัวว่าฟ้าจะผ่าทำให้ช่างหยุดทำงาน และในคืนนั้นเอง ซาราห์ วินเชสเตอร์  ก็เสียชีวิตในคืนนั้นโดยไม่ทราบสาเหตุ และยิ่งทำให้ตำนานของ  Winchester House คฤหาสน์ ซ่อนผี นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.   ufabet สมัคร

ตำนานของ นันทมานพผู้ถูกธรณีสูบ

สำหรับตำนานที่จะพูดถึงในวันนี้เป็นตำนานของ นันทมานพผู้ถูกธรณีสูบ ซึ่งชายคนนี้เป็นบุคคลซึ่งมีการเล่าขานว่าเขาเป็นคนที่ถูกธรณีสูบ เพราะก่อกรรมทำเข็ญที่ยากเกินจะให้อภัย

สำหรับตำนานของนันทมานพที่เป็นคนบาปจนธรณีสูบลงไปใต้ดิน

นั้นเกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลซึ่งในสมัยนั้นมีหญิงสาวที่งดงามมากคนหนึ่งเธอชื่อว่า นางอุบลวรรณา  เรียกได้ว่าหากใครได้เห็นหน้านางอุบลวรรณาต่างก็พากันตกหลุมรักนางเพราะนางเป็นหญิงสาวที่งดงามทั้งกายและใจ 

        แต่อย่างไรก็ตามนางอุบลวรรณาไม่เคยสนใจชายคนใดเลยและรู้สึกไม่ชอบใจด้วยซ้ำที่มักจะมีหนุ่มมาตามจีบจนในที่สุดนางอุบลวรรณาก็ตัดสินใจที่จะรับจากทางโลกแล้วปฏิบัติธรรมจึงได้ทำการออกบวชเป็นพระภิกษุณีโดยมีการโกนหัวถือศีลภาวนาซึ่งในสมัยปัจจุบันเราเรียกคนที่โกนหัวออกบวชนี้ว่าแม่ชีนั้นเอง 

        นางอุบลวรรณานั้นถึงแม้ว่าจะโกนหัวออกบวชเป็นแม่ชีแล้วแต่ความงดงามนั้นก็ยังคงมีอยู่ซึ่งแน่นอนว่าชายหลายคนที่เห็นว่านางอุบลวรรณามีการโกนหัวออกไปแล้วก็พากันเลิกคิดที่จะตามจีบนางอุบลวรรณาแต่ยังมีชายผู้ที่ชื่อนันทมานพยังคงตามเฝ้ามองนางอุบลวรรณาอยู่ตลอดเวลาเพราะเกิดรักปักใจถึงแม้ว่านางจะโกนหัวบวชชีไปแต่ก็ไม่ทำให้ความรักของนันทมานพนั้นลดน้อยลง

        นางอุบลวรรณานั้นถือศีลภาวนาจนในที่สุดก็สามารถบรรลุเป็นอรหันต์ได้ซึ่งเรื่องราวก็เกิดขึ้นหลังจากนั้นเมื่อนันทมานพที่ติดตามเฝ้ามองนางอุบลวรรณามานานแสนนานไม่สามารถทนได้อีกต่อไปในที่สุดเขาก็ได้เข้าไปทำการข่มขืนนางอุบลวรรณาในอาศรมที่พักของนางอุบลวรรณาเองถึงแม้ว่านางอุบลวรรณาจะขัดขืนอย่างไรแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงได้

         และเมื่อนันทมานพข่มขืนนางอุบลวรรณาเรียบร้อยแล้วก็ย่องหนีลงจากเรือนแต่ระหว่างที่ก้าวขาลงเหยียบพื้นนั้นเองก็เกิดธรณีหรือแผ่นดินแยกออกจากกันหลังจากนั้นก็สูบร่างของนายนันทมาณพลงไปเมื่อร่างของนาย นันทมานพผู้ถูกธรณีสูบ ลงไปภายใต้ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วแผ่นดินที่แยกออกจากกันนั้นก็ประกบเข้าหากันเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

         ส่วนทางด้านบนวรรณานั้นด้วยคิดว่าร่างกายของตนเองนั้นแปดเปื้อนไม่สามารถที่จะถือศีลได้แล้วจึงได้ไปให้พระพุทธเจ้าทำการปลงอาบัติให้แต่พระพุทธเจ้านั้นได้สอบถามเรื่องราวหลังจากทราบเรื่องราวแล้วจึงบอกนางอุบลวรรณาว่าสิ่งที่นางอุบลวรรณาพบเจอนั้นถือว่าผิดสินเนื่องจากว่านางอุบลวรรณานั้นไม่ได้ยินยอมพร้อมใจแต่เป็นเหตุสุดวิสัยจึงไม่จำเป็นต้องทำการปลงอาบัตินั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  gclubฟรี500

หลวงพ่อเขียน ผู้เป็นบุคคลในตำนานให้คนรู้จักการเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌกูฏ เพื่อนำมัสการรอยเท้าพระพุทธบาท

เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเขาคิชฌกูฏกันเป็นอย่างดี  การเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌกูฏ  โดยเขานี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะเดินทางมากราบไหว้ขอพรบนยอดเขาคิชฌกูฏกันเป็นอย่างดีเนื่องจากว่าที่บนยอดเขานั้นจะมีรอยเท้าของพระพุทธเจ้าเรียกว่ารอยพระพุทธบาทขนาดไหนปรากฏอยู่และที่เขาคิชฌกูฏแห่งนี้ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทตลอดทั้งปีแต่จะเปิดเฉพาะแค่ช่วงเวลาเท่านั้น

        ซึ่งโดยปกติแล้วการที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทนั้นจะจัดขึ้นช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมโดยทางผู้ดูแลเขาคิชฌกูฏจะมีการประกาศผ่านสื่อต่างๆก่อนที่จะมีการเปิดให้ประชาชนเข้าไปนมัสการซึ่งเรื่องที่มีการเปิดให้ประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทนั้นประชาชนจะสามารถเดินทางขึ้นไปได้ตลอด 24 ชั่วโมง

โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าคนแรกที่พบเจอรอยเท้าพระพุทธบาทบนเขาคิชฌกูฏและเป็นบุคคลในตำนานที่ทำให้ปัจจุบันผู้คนหันไปสนใจที่จะขึ้นไปบนยอดเขาคิชฌกูฏเพื่อไปกราบไหว้ขอพรรอยเท้าพระพุทธบาท นั้นเป็นใครวันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลเหล่านี้ให้ทราบกัน 

         การเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌกูฏ สำหรับบุคคลแรกที่เป็นบุคคลในตำนานที่ได้รับความเคารพนับถือจากชาวจังหวัดจันทบุรีนั้นก็คือหลวงพ่อเขียนนั่นเองซึ่งท่านนั้นเป็นพระครูนักพัฒนานำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วัดในจังหวัดจันทบุรีอย่างแท้จริงและท่านยังเป็นผู้นำเป็นผู้ที่ค้นพบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏเป็นคนแรกเนื่องจากว่าหลวงพ่อเขียนนั้นท่านชอบทำจิตภาวนาจึงมักจะพูดลงไปยังสถานที่ต่างๆและหนึ่งในสถานที่ที่หลวงพ่อเขียนเดินธุดงค์ไปนั่นก็คือบนยอดเขาคิชฌกูฏนั่นเอง

           ซึ่งแน่นอนว่าตลอดระยะเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นท่านมีการยึดถือปฏิบัติเดินทางไปจิตตั้งจิตภาวนาที่บนยอดเขาคิชฌกูฏอยู่บ่อยครั้งเนื่องจากบนนั้นจะมีรอยเท้าพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าอยู่ทำให้หลังจากที่ผู้คนรู้ว่าบนยอดเขาคิชฌกูฏนั้นมีรอยเท้าพระพุทธบาทก็ได้มีการตัดการเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏเป็นประจำขึ้นทุกปีเพื่อที่จะให้ประชาชนได้มีโอกาสไปกราบไหว้ขอพรรอยเท้าพระพุทธบาทนั้นเองซึ่งระยะเวลาที่จะมีการขึ้นไปนั้นจะเปิดโอกาสให้ประชาชนขึ้นไปบนยอดเขาคิชฌกูฏแค่ประมาณ 2 เดือนเพียงเท่านั้น

            สำหรับการค้นพบรอยเท้าพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏนั้นหลวงพ่อเขียนค้นพบช่วงเวลาประมาณปีพ.ศ 2397 และเป็นการเผยแพร่ให้กับประชาชนที่มาฟังคำสั่งสอนเทศนาของหลวงพ่อเขียนได้รู้ว่าบนยอดเขาคิชฌกูฏนั้นมีรอยเท้าพระพุทธบาทและท่านก็ส่งเสริมให้คนขึ้นไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาทนั้นเอง 

 

สนับสนุนโดย.    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

ตำนาน ไอ้ส้มฉุน แห่งวัดทรงเสวย

ไอ้ส้มฉุน แห่งวัดทรงเสวย  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในขณะนี้ไม่แพ้ ไอ้ไข่  แห่งวัดเจดีย์ กันเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นไอ้ส้มฉุนหรือว่าไอ้ไข่นั้นก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบ้านมักจะมากราบขอพรและขอหวยกับไอ้ไข่และไอ้ส้มฉุนกันเป็นประจำทุกเดือนด้วยเดือนนึงนั้นจะต้องเดินทางมาไม่ต่ำกว่า 2 รอบด้วยกันเนื่องจากว่าหวยจะออกเดือนละ 2 ครั้งจึงจำเป็นต้องมาขอเลขเด็ดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองรูปนี้นั่นเอง

           สำหรับ ไอ้ส้มฉุน แห่งวัดทรงเสวย นั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โด่งดังมากในจังหวัดชัยนาทโดยมีรูปปั้นอยู่ที่วัดทรงเสวย   สำหรับเรื่องราวหรือตำนานของไอ้ส้มฉุนนั้นได้มีผู้เฒ่าผู้แก่ได้มีการบอกต่อๆกันมาให้ลูกหลานของตนเองฟังว่า ไอ้ส้มฉุน นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแต่สมัยที่มีการก่อสร้างวัดทรงเสวยในช่วงแรกๆนั้นเอง 

    ซึ่งในสมัยก่อนนั้นเจ้าอาวาสที่ดูแลวัดทรงเสวยแห่งนี้ชื่อว่าหลวงปู่คล้อย โดยไอ้ส้มฉุนนั้นเป็นลูกศิษย์สายตรงของหลวงปู่คล้อยเป็นลูกศิษย์ที่หลวงปู่ค่อยให้ความรักและเอ็นดูโปรดปรานเป็นพิเศษนั่นเองซึ่งหลวงปู่ค่อยเรียกลูกศิษย์คนนี้ว่าเจ้าส้มฉุน  

       ส่วนสาเหตุที่หลวงปู่คอยรักและเอ็นดูเจ้าส้มฉุนเป็นพิเศษนั้นก็เพราะว่าเจ้าส้มฉุนนั้นเป็นเด็กกำพร้า  ดังนั้นหลวงปู่จึงได้ให้ความรักและเอ็นดูส้มฉุนเป็นพิเศษจนเมื่อเจ้าส้มฉุนนั้นอายุได้ 10 ปีก็ไปเล่นซนเลยแอบหลวงปู่ค่อยไปลงเล่นน้ำจนเป็นตะคริวและจมน้ำตายโดยที่ไม่มีใครเห็น

       เนื่องจากว่าในขณะนั้นเด็กอายุ 10 ขวบมักจะเล่นซนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว และหลังจากนั้นนับตั้งแต่ที่เจ้าส้มฉุน เสียชีวิตลง ใครก็ตามที่เข้ามาบวชที่วัดแห่งนี้จะต้องพบเจอกับวิญญาณของเจ้าส้มฉุน อยู่เป็นประจำ

      โดยในทุกๆคืนนั้นเจ้าจงสนจะออกมาวิ่งเล่นอยู่ภายในพื้นที่บริเวณวัดหรือบางครั้งก็อาจจะไปทำการขอขนมพระที่บวชใหม่หรือบางทีก็ไปกลั่นแกล้งบรรดาพระที่บวชใหม่ด้วยการเข้าไปขอนอนด้วยหรือไปดึงขาเล่น

      ซึ่งพระทุกรูปที่อยู่ในวัดทรงเสวยนั้นจะต้องเคยเจอกับเจ้าส้มฉุนกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำอย่างต่อเนื่องนั่นเอง ดังนั้นทางด้านเจ้าอาวาสและชาวบ้านจึงได้มีการรวมตัวกันตั้งศาลหลักเมืองมาและทำเป็นรูปปั้นซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าส้มฉุนเพื่อให้เจ้าส้มฉุนนั้นอาศัยอยู่ภายในรูปปั้นดังกล่าว และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนก็พากันมากราบไหว้และขอหวยขอพรกันไม่ขาดสายนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    gclub casinoทดลองเล่น

ตำนานแม่นากพระขโนง คือผีเฮี้ยนเป็นเรื่องจริงหรือไม่?

ตำนานแม่นากพระขโนง  ซึ่งในความสงสัยอย่างรุนแรงของพ่อมากนั้นเขาก็เลยได้ตั้งกลอุบายที่จะทำให้ตัวเองหนีออกจากบ้านไปได้นั่นก็คือเขาได้ทำการเจาะรูโอ่งที่มีน้ำเต็มโอ่งพร้อมกับอุดรูเอาไว้หลังจากนั้นก็รอให้เป็นเวลากลางคืนและได้อ้างต่อแม่นาคว่าปวดปัสสาวะขอลงไปฉี่หน่อย

โดยหลังจากนั้นก็ได้เปิดกลอุบายก็คือเอาจุกที่อุดรูโอ่งน้ำเอาไว้เพื่อให้น้ำไหลออกมาตกกระทบกับพื้นให้มีเสียงลักษณะคล้ายเหมือนกับสียงฉี่นั่นเองและในคืนนั้นเองพ่อมากก็ทำสำเร็จแต่เหมือนแม่นาคจะรู้ตัวแม่นาคก็ได้ทำการผูกเชือกเอาไว้ที่ข้อมือของพ่อมากและข้อมือของแม่นาคเอาไว้ด้วยกันในระยะห่างที่สามารถลงไปปัสสาวะและสามารถราดน้ำจากโอ่งได้

นอกจากนี้ก็ได้ทำให้พ่อมากนั้นเกิดตกใจอย่างเล็กน้อยว่าทำไมแม่นาคถึงระแวงได้ขนาดนี้แต่เขาก็ไม่ลดความพยายามเขาก็ลงไปปัสสาวะจริงๆและทำการเปิดรูที่เจาะโอ่งเอาไว้ให้มันมีเสียงเหมือนฉี่อยู่ตลอดเวลาพร้อมกับปลดเชือกที่อยู่ในมือไปผูกกับต้นไม้ที่อยู่ใกล้นั่นเอง

ตำนานแม่นากพระขโนง  เนื่องจากนี้พ่อมากก็ได้วิ่งออกไปหาความจริงและพ่อมากก็ได้รู้ความจริงแล้วว่าแม่นาคนั้นเธอได้เสียชีวิตไปตั้งนานแล้วและพ่อมากก็ไม่รู้จะไปพึ่งพาใครได้เขาเลยวิ่งไปหากุฏิพระอาจารย์ที่วัดมหาบุศย์โดยในตอนนั้นแม่นาคก็รู้ตัวแล้วว่าพ่อมากไปหนีออกจากเค้าไปแล้วแม่นาคโกรธมากพร้อมกับร้องเสียงดังออกมาลั่นหมู่บ้านและได้แปลงกายเป็นผีที่มีรูปร่างเน่าเปื่อยพร้อมกับออกตามหาพ่อมากอย่างทันที

ดังนั้นแม่นาคก็ได้ใช้ระยะเวลาไม่นานไปพร้อมเจอพ่อมากอยู่ที่กุฏิพร้อมกับพระอาจารย์ที่นั่งอยู่และได้ตีกรอบสายสิญจน์เป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนกับว่าป้องกันไม่ให้แม่นาคเข้ามาในสายสิญจน์เมื่อแม่นาคได้เห็นแบบนั้นก็โกรธเข้าไปใหย่พระอาจารย์ก็ได้พูดปลอบเป็นผีก็อยู่ส่วนผีอย่าได้มายุ่งกับมนุษย์เลย

ซึ่งก็ทำให้แม่นาคโกรธเป็นอย่างมากและแม่นาคก็เดินเข้ามาที่น่าสายสิญจน์และทำการดึงสายสิญจน์พร้อมกับฉีดสายสิญจน์ออกทั้งหมดเลยและตรงนั้นก็ได้สร้างความตกใจให้กับพ่อมากและพระอาจารย์มากว่าผีตนนี้หรือแม่นาคทำได้อย่างไง

เพราะฉะนั้นต่อให้แม่นาคฉีดสายสิญจน์ออกเป็นชิ้นๆแล้วเขาก็ยังสามารถเข้ามาในเขตอาคมได้แม่นาคก็เกิดความไม่พอใจและได้เดินหายเขาไปในป่าในที่สุดนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    gclub casinoทดลองเล่น

ตำนานรัชกาลที่5เสด็จเยือนเมืองพิษณุโลก

เคยได้ยินเรื่องการปลอมตัวของรัชกาลที่5ไหมและรู้หรือไม่ว่าพระองค์ได้ทรงปลอมตัวไปเพราะว่าอะไรเป็นเพียงแค่รัชกาลที่5ชอบเล่นแบบนี้หรือว่ามีเหตุผลอะไรมากกว่านั้นก็เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ชวนให้อมยิ้มเล็กๆทุกครั้งเวลาที่ได้นึกถึงมันรู้สึกเวลาเราดูหนังและมีนางเอกปลอมตัวเราจะต้องลุ้นไปกับหนังด้วยว่าเขาจะจับได้หรือเปล่าอารมณ์นั้นเลย

โดยการเสด็จประพาสแบบนี้ของรัชกาลที่5จะมีโค้ดเนมว่าการประพาสต้นซึ่งในคำนี้จะหมายถึงการไปประพาสโดยที่ไม่ได้บอกคนแถวนั้นก่อนซึ่งก็จะทำให้หลายๆเจ้าเมืองที่พระองค์ได้ไปเยือนไม่ได้มีอะไรมาเตรียมการมาไว้ก่อนเลย 

วันนี้เราก็จะขอพาย้อนยุคกลับไปทำตัวเป็นคนสมัยก่อนกันไปดูสิว่าเมื่อเราได้เป็นคนสมัยก่อนและได้พบเจอ ร.5เข้าเราจะรู้ตัวหรือไม่ว่าเป็นท่าน

โดยที่เราจะนำเอามาเล่าในตอนนี้นั้นก็จะเป็นเรื่องราวครั้ง ร.5 ได้เสด็จไปเยือนที่เมืองพิษณุโลกกับเจ้าเมืองพิษณุโลกที่ในสมัยนั้นเขาจะเรียกกันว่าเจ้าคุณโพต่างกับคนอื่นๆที่ไม่รู้ตัวว่าเวลาที่มีร.5ได้เสด็จมาเยือนเจ้าคุณโพเขาก็ได้มีหน่วยข่าวกรองที่รู้ดีมาก่อนว่าจะมีร.5ได้เสด็จมาเยือนแต่ก็ยังพลาด

หลังจากที่คุณโพได้ยินข่าวจากสายแนวว่าองค์เหนือหัวจะเสด็จมาท่านเจ้าคุณก็ไม่รีรอช้ามีแผนการที่จะคิดสร้างท่าเรือรอรับบริเวณที่เรือของ ร.5 จะมาลงเพื่อที่จะหวังว่าจะเป็นการต้อนรับแบบสมเกียรติแต่ด้วยความที่ว่าเวลามันกระชั้นชิดเจ้าคุณโพก็กลัวว่างานจะไม่เสร็จก็ได้ถอดเสื้อลงไปทำงานลุยกับพวกช่างตักเตรียมงานอะไรเองเลย

ในขณะที่กำลังสร้างอยู่นั้นก็ได้มีเรือแจวสี่ลำได้แจวเข้ามาและก็ได้จองเทียบท่าในนั้นก้จะมีผู้ชายอยู่สามคนได้เดินลงมาและเจ้าคุณโพก็รู้เลยว่านี่มันต้องไม่ใช่เรื่องที่ธรรมดาแน่ๆต้องเป็นเรือของทางการที่มุ่งหน้ามาก่อนเพื่อที่จะให้เตรียมการในการรับเสด็จอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ในบรรดาพวกผู้ชายทั้งหมดนั้นก็จะมีชายอยู่คนหนึ่งที่ไว้หนวดและได้ถือกล้องอยู่อารมณ์จากผู้ดีจากเมืองกรุงและในตอนนี้คนอ่านก็พอจะรู้แล้วว่าท่านเป็นใครแต่เจ้าคุณโพไม่รู้เขากลับคิดว่าคนๆนั้นอาจจะเป็นหัวหน้างานก่อสร้างแน่ๆเลยถือกล้องมาตรวจเช็คงานอะไรประมาณนี้

ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าสมัยนั้นยังไม่มีโซเชียลรูปภาพยังหาได้ยากเลยดังนั้นน้อยคนแล้วที่จะเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์เหนือหัว

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย     คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริงฝากขั้นต่ำ100

ตำนานประเพณีวิ่งควาย ที่จังหวัดชลบุรี

           ถ้าหากใครเคยได้ไปเที่ยวจังหวัดชลบุรีจะรู้ว่าที่จังหวัดแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นป่าและยังเป็นภูเขา  และทะเลก็มีนอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวแล้วยังมีประเพณีต่างๆมากมายที่น่าสนใจที่ชาวเมืองชลบุรีนั้นมีการจัดขึ้นซึ่งหนึ่งในประเพณีที่น่าสนใจนั้นก็คือประเพณีวิ่งควายนับได้ว่าเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของจังหวัดชลบุรีเลยก็ว่าได้เพราะประเพณีวิ่งควายนั้น

ในโลกนี้มีที่จังหวัดชลบุรีที่เดียวซึ่งในประเทศไทยจังหวัดอื่นๆก็ไม่ได้มีการจัดแข่งประเพณีวิ่งควายกันเลยดังนั้นนับได้ว่าประเพณีวิ่งควายเป็นประเพณีประจำจังหวัดของจังหวัดชลบุรีอย่างแท้จริงสำหรับประเพณีวิ่งควายนั้นจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยมักจะจัดขึ้นหลังจากที่ชาวบ้านนั้นได้มีการเกี่ยวข้าวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งจะเป็นช่วงที่ชาวบ้านนั้นได้พักผ่อนจึงได้หากิจกรรมต่างๆขึ้นมาจัดทำร่วมกันกับคนในชุมชนซึ่งสาเหตุที่มีการจัดตั้งประเพณีวิ่งควายขึ้นมา

ก็เพราะว่าจะได้ทำให้คนในชุมชนนั้นได้มีกิจกรรมทำร่วมกันเป็นการสร้างความรักความสามัคคีของคนในชุมชนอีกทั้งยังเป็นงานที่ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็ออกมาร่วมกิจกรรมการทำให้ได้พบปะพูดคุยกันซึ่งภายในงานนั้นก็จะมีการนำสินค้ามาขายโดยปกติแล้วที่จังหวัดชลบุรีจะมีการจัดงานประเพณีวิ่งควายนั้นโดยกำหนดเอาไว้ว่างานจะต้องเกิดขึ้นก่อนวันออกพรรษา 1 วันประเพณี

มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้วและที่ชาวบ้านเล่าขานกันถึงเหตุผลที่ต้องมีประเพณีวิ่งควายว่ามีตำนานที่เล่ากันมาจากรุ่นสู่รุ่นว่าในสมัยโบราณนั้นไม่ได้มีประเพณีวิ่งควายแต่อย่างใดแต่ที่ต้องมีประเพณีเกิดขึ้นก็เพราะว่าในสมัยก่อนได้มีเปรตตัวหนึ่งซึ่งออกอาละวาดให้กับคนในชุมชนคอยหลอกหลอนให้คนในชุมชนนั้น

หวาดกลัวทุกค่ำคืน ด้วยความกลัว ชาวบ้านจึงได้มีการร้องขอไม่ให้เปรตออกมาอาละวาดโดยมีการสอบถามถึงของเซ่นไหว้ที่เปรตต้องการหากต้องการให้เปรต หยุดอาละวาด ซึ่ง เปรต ตัวดังกล่าวนั้นชื่นชอบการวิ่งควายเป็นชีวิตจิตใจดังนั้นมันจึงได้บอกให้ชาวบ้านจัดการแข่งขันวิ่งควายขึ้นมา

เพื่อเป็นเครื่องเซ่นไหว้ให้มันเป็นประจำทุกปีและมันจะไม่ออกมาอาละวาดหลอกหลอนผู้คนซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านจึงได้มีการจัดพิธีวิ่งควายเพื่อเป็นการเซ่นไหว้ เปรตตัวดังกล่าวนั้นเอง และนับตั้งแต่มีการจัดงานวิ่งขาย เปรตตนนั้นก็ไม่เคยมากวนชาวบ้านอีกเลย จึงได้มีการจัดวิ่งควายเป็นประจำทุกปี จนกลายมาเป็นประเพณีจนถึงปัจจุบัน

 

สนับสนุนโดย.   ทางเข้าufabet168