สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับศิลปะเกาหลีจากปี 1953 การปะทะกัน นวัตกรรม การโต้ตอบ

ศิลปะหลังสงครามจากคาบสมุทรที่ถูกแบ่งแยกซึ่งได้รับการเพาะเลี้ยงอย่างมหาศาลนี้ถูกนำมารวมกันในสิ่งพิมพ์ใหม่ที่แหวกแนวนี้ การข้ามเส้นแบ่งเขตทางทหารที่แบ่งเกาหลีเหนือและใต้ด้วยลวดหนาม เจ้าหน้าที่รักษาชายแดน และหน่วยลาดตระเวนทางทหาร

แทบจะไม่ได้ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่จรรโลงใจเลย โชคดีที่ตอนนี้มีวิธีที่ง่ายกว่าและน่าพึงพอใจมากขึ้นในการได้รับภาพรวมที่ยอดเยี่ยมของภูมิภาคที่ยอดเยี่ยมซึ่งถูกแบ่งออก: ศิลปะเกาหลีจากปี 1953: การปะทะกัน นวัตกรรม การโต้ตอบ

สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับศิลปะเกาหลี นักการเมือง Kim Dae-jung ประธานาธิบดีจากปี 1998 ชม Dolmen ของ Nam June Paik ปี 1995

ที่ Gwangju Biennale ครั้งที่ 1 ปี 1995 หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกที่สำรวจและวิเคราะห์พัฒนาการที่สำคัญ หลากหลาย และมักจะสวยงามในศิลปะเกาหลีตั้งแต่ปี 1953 จนถึงปัจจุบัน

และเป็นการอ่านที่คุ้มค่าอย่างมหาศาลสำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับศิลปะร่วมสมัยของเอเชียตะวันออกอยู่แล้ว ตลอดจนผู้ที่ยังคงเข้าถึง คำบรรยายเมื่อพูดถึงผลลัพธ์ทางวัฒนธรรมของส่วนที่อุดมสมบูรณ์และแตกต่างของโลกนี้ เริ่มต้นด้วยการสู้รบที่แบ่งคาบสมุทรในปี 2496 สิ่งพิมพ์ที่ไม่เหมือนใครนี้นำเสนอการเคลื่อนไหวทางศิลปะและกลุ่มที่เจริญรุ่งเรืองในส่วนนี้ของโลก

ในช่วงเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุค 50 แนวหน้าจนถึง ยุคโลกาภิวัตน์ของ Gwangju Biennale ในปี 1990 จนถึงปัจจุบัน ความขัดแย้งทางสังคม การเมือง และเพศสภาพที่เกิดขึ้นในส่วนอื่นๆ ของโลกนำเสนอไว้ที่นี่ เช่นเดียวกับอิทธิพลของการเคลื่อนไหวของโลกศิลปะจากต่างประเทศ เช่น มินิมัลลิสต์ ป๊อป และโปรเล็ตคูลต์ พัฒนาการทางเทคโนโลยีและพลังทางการเมืองทั่วโลกได้ระบุไว้ในหนังสือเล่มนี้เช่นกัน เนื่องจากสิ่งเหล่านี้หล่อหลอมศิลปะของคาบสมุทร

Lee Ufan, From Line, 1973, กาวและเม็ดสีแร่บนผ้าใบ มีผลงานอันน่าหลงใหลมากมายจากศิลปินหลากหลายกลุ่ม เช่น ลี อูฟาน

ผู้ซึ่งผสมผสานแนวทางการวาดภาพแบบดั้งเดิมเข้ากับแรงกระตุ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20; หรือ Lee Jung-seob ผู้ซึ่งให้เครดิตในการผสมผสานเทคนิคท้องถิ่นเข้ากับสไตล์สมัยใหม่ตอนต้น เช่น ลัทธิเขียนภาพแบบเหลี่ยมและลัทธิโฟวิสต์ ภาพวาดแนวสัจนิยมสังคมนิยมของเกาหลีเหนือเตือนเราว่าศิลปะที่ยิ่งใหญ่และการเมืองที่ดีไม่ได้ไปด้วยกันเสมอไป

ในขณะที่ขบวนการศิลปะ Minjung ซึ่งต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการทหารของเกาหลีใต้ในช่วงปี 1980-1988 แสดงให้เราเห็นว่าศิลปะการประท้วงในยุค 80 ที่พังค์ดูเป็นอย่างไรในส่วนนี้ของโลก ดาราดังเช่น Nam June Paik และ Do Ho Suh ก็เติมเต็มหน้าเหล่านี้ด้วยผลงานที่แสดงออกถึงความรู้สึกของคนเกาหลีอย่างชัดเจน และพูดถึงโลกาภิวัตน์ ประสบการณ์ของผู้อพยพ และเทคโนโลยีในวงกว้างมากขึ้น

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    เว็บพนันออนไลน์ ฟรีเครดิต

ศิลปินด่านเสวกชื่อดัง

ศิลปินด่านเสวกชื่อดัง คิม ชาง-ยอล หยดน้ำมีความหมายเหมือนกันกับชื่อของ Kim Tschang-Yeul แนวหน้าของขบวนการ Dansaekhwa Kim Tschang-Yeul เข้าร่วมขบวนการ Informel ของเกาหลีในทศวรรษที่ 1950 และนำศิลปะเกาหลีร่วมสมัยไปสู่เวทีนานาชาติจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2021 ในทศวรรษที่ 1960 Kim ตั้งรกรากในปารีสและเริ่มทดลองกับลวดลายธรรมชาติ

และแสดงความอ่อนไหวต่อ กวีแห่งสายน้ำ วิชาที่เขาจะสืบสานต่อไปอีกกว่าห้าสิบปี หยดน้ำเป็นสัญลักษณ์ของภูมิปัญญาลัทธิเต๋าของเขาเช่นเดียวกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามเกาหลี

ธีมของหยดน้ำที่เกิดซ้ำมักถูกจับคู่กับการเขียนพู่กันเกาหลีในผลงานของเขาหลังทศวรรษที่ 1980 ผลงานชิ้นสุดท้ายของเขารวมเอาลวดลายหยดน้ำเข้ากับการฝึกคัดลายมือแบบดั้งเดิม การเบลอเส้นของภาพและข้อความ และการเชื่อมโยงนามธรรมกับอุปลักษณ์ ตะวันออกและตะวันตกร่วมกับ Kim Tschang-Yeul แล้ว Suh Se-Ok เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งขบวนการ Art Informel ในช่วงกลางทศวรรษ 1950

และต้นทศวรรษ 1960 Suh Se-Ok เป็นศิลปินแนวหน้าของการวาดภาพด้วยหมึกแนวแอ็บสแตรกต์ ผู้ซึ่งเปิดรับสิ่งที่เป็นนามธรรมและผสมผสานความทันสมัยเข้ากับแนวปฏิบัติทางศิลปะแบบดั้งเดิม เช่น การประดิษฐ์ตัวอักษรของเอเชียตะวันออก เขาตั้งคำถามถึงกระแสศิลปะตะวันตกที่แพร่หลาย

และความหลงใหลในองค์ประกอบที่สลายตัวเป็นแนวนอนและแนวดิ่ง Suh Se-Ok เสียชีวิตในปี 2020 และเป็นสัญลักษณ์ของเกาหลีและศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในกลุ่มเดียวกันที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

ปาร์ค ซอ-โบ ในงานแรกของเขา Park Seo-Bo ใช้ดินสอแกะสลักบนพื้นผิวที่เปียกและทาสีเดียว ผลงานชิ้นต่อมาของเขาขยายภาษาภาพนั้นด้วยการแนะนำฮันจิ กระดาษเกาหลีแบบดั้งเดิมที่ทำจากเปลือกต้นมัลเบอร์รี่ ซึ่งศิลปินค่อยๆ ยึดติดกับผืนผ้าใบ การพัฒนานี้พร้อมกับการนำสีมาใช้กับพื้นผิวแบบดั้งเดิม ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติของเขาได้

อย่างกว้างขวาง ในขณะที่ยังคงค้นหาการพรรณนาถึงพื้นที่ว่างและความว่างเปล่าผ่านการลดขนาดลง เนื่องจากกระบวนการที่โดดเด่นนี้ที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานของเขา Park Seo-Bo จึงเริ่มเปิดประตูใหม่สำหรับศิลปะเกาหลีร่วมสมัยและสร้างการสังเคราะห์ระหว่างจิตวิญญาณของเกาหลีแบบดั้งเดิมกับนามธรรมของตะวันตก

ฮยอนแอคัง Hyun Ae Kang เป็นศิลปินชาวเกาหลีใต้ที่อยู่ในสหรัฐอเมริการุ่นที่สองของ Dansaekhwa รุ่นที่สอง การทำงานกับสื่อและวัสดุที่หลากหลาย ตั้งแต่โลหะและไม้ไปจนถึงหิน เซรามิก และสี เธอสำรวจความสัมพันธ์ของเธอเองกับพระเจ้าผ่านการสำรวจพื้นผิวที่มีรายละเอียดสูง และการผสมสี ทำให้เส้นแบ่งระหว่างการฝึกสร้างสรรค์ การทำสมาธิ และจิตวิญญาณ

เธอกล่าวว่า “สัมผัสและจังหวะทั้งหมดที่ฉันใช้คือจารึกของการสนทนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คำจารึกเหล่านี้อิงจากตัวอักษรและสัญลักษณ์ภาษาเกาหลี เมื่อฉันสร้างภาพนูนต่ำนูนสูงบนผืนผ้าใบ ฉันคิดว่าตัวเองเป็นอาลักษณ์ที่กำลังแกะสลักข้อความจากพลังแห่งสวรรค์ลงในวัสดุทางโลกอย่างหินและหินภูเขาไฟ และด้วยจารึกเหล่านี้ ฉันหวังว่าผู้ชมจะสามารถสะท้อนพวกเขาและรับข้อมูลเชิงลึกที่พวกเขาไม่สามารถทำได้มาก่อน”

ผลงานของฮยอนเอคังเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันสาธารณะและของสะสมส่วนตัว และผลงานของเธอได้รับการจัดแสดงในนิทรรศการเดี่ยวและกลุ่มทั่วสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ในปี 2020 BOCCARA ART Galleries ได้นำเสนอการแสดงเดี่ยวของศิลปินที่ ‘Museo dei Bozzetti’ ในเมืองปิเอตราซานตา ประเทศอิตาลี ซึ่งสามารถเข้าชมได้ที่ Artland

 

สนับสนุนโดย    ufabet เว็บหลัก

ไทยกับสงครามเวียดนาม ช่วยรบกับเวียดนามใต้

ไทยกับสงครามเวียดนาม โดยในปี 1964 สหรัฐอเมริกาก็เริ่มใช้วิธีการทิ้งระเบิดลงไปในเวียดนามเหนือทิ้งลงไปเยอะๆติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปีกะว่าทิ้งไปเยอะๆเวียดนามเหนือจะได้เลิกซักทีแบบเลิกสู้ซักทีแต่ก็ไม่เป็นผลสุดท้ายก็เลยต้องเลิกทิ้งระเบิดไป ตรงนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับเวียดนามโดยตรง

แต่ว่าเพื่อนบ้านอย่างลาว ซึ่งอเมริกาก็มองว่ามีปัญหาคอมมิวนิสต์เหมือนกันก็โดน นโยบายการทิ้งระเบิดในปี 1964 ไปเหมือนกันแล้วก็ต้องบอกว่าโดนหนักมากๆน่าสงสารมากๆเลยเพราะว่าอเมริกาทิ้งระเบิดใส่ลาวไปต่อเนื่องถึง9ปี รวมระเบิดที่อเมริกาทิ้งใส่ลาวตอนนั้นก็ประมาณ2ล้านตัน เรียกได้ว่าทิ้งลงไปเยอะถึงขนาดที่ว่าในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของมนุษย์ชาติลาวกลายเป็นประเทศที่โดนระเบิดมากที่สุดก็เพราะเหตุการณ์นี้

ส่วนเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยในฐานะพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาช่วงสงครามเย็นก็คือ ในปี1967 กองทัพไทยของเราก็ส่งกองทัพเข้าไปช่วยรบในสงครามเวียดนามเหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าเราเข้าข้างฝ่ายเวียดนามใต้และในปีเดียวกันก็เกิดเหตุการณ์สำคัญก็คือ

สิ่งที่เรียกว่า Tet Offensive ซึ่งคำว่า Tet ในที่นี้หมายถึงวันตรุษญวณก็คือคล้ายๆกับตรุษจีนนั่นแหละซึ่งจริงๆแล้วฉลองวันเดียวกันด้วยซึ่งวันนี้ปกติตามธรรมเนียมมันจะต้องเป็นวันที่หยุดรบประมาณว่าทุกคนหยุดไปฉลองปีใหม่แต่เวียดนามเหนือดันอาศัยจังหวะนี้โจมตีเวียดนามใต้แล้วกะว่านี่แหละคือสิ่งที่จะทำให้เราชนะ

เพราะฉะนั้นแล้วในการโจมตีในครั้งนี้เวียดนามเหนือไม่ได้โจมตีแค่จุดเดียว    ufabet   แต่เป็นกลยุทธ์ที่โจมตีหลายๆจุดพร้อมๆกันซึ่งหลังจากนั้นก็เลยเป็นการนัวกันต่อเนื่องยาวนานเลยอย่างไรก็ตามในการนัวกันครั้งนี้เวียดนามเหนือไม่ได้ชนะแต่เวียดนามใต้ก็เยินไปพอทำควรเหมือนกัน

จนกระทั่งในปี1969มีการเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้งนึงเป็น ริชาร์ด นิกสัน ซึ่งนิกสันก็รู้ดีว่าตอนนี้ชาวอเมริกาเบื่อสงครามเวียดนามเต็มที่แล้ว ดังนั้น นิกสัน ได้ออกนโยบายที่เรียกว่า Vietnamisationหรือว่าการทำให้เป็นเวียดนามแปลง่ายๆก็คือเราจะทำให้สงครามเวียดนามเป็นสงครามของเวียดนามจริงๆแล้ว

ชาวเวียดนามก็ไปรบกันเองเราไม่เกี่ยว โดยวิธีที่นิกสันใช้ก็คือไปเทรนพวกทหารเวียดนามใต้เพื่อให้สามารถรบได้ด้วยตัวเองฟังดูเหมือนนิ่งๆสุขุมเจรจาไม่น่ามีอะไรแล้วเพราะว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าไปยุ่งกับเวียดนามแล้ว แต่ในปีเดียวกันสหรัฐอเมริกากลับทิ้งระเบิดใส่กันพูชาเยอะมากๆ เพราะอย่าลืมว่าถึงกัมพูชาจะประกาศตัวว่าเขาเป้นกลางอย่าเข้ามายุ่ง แต่ Ho Chi Minh Trail มันผ่านกัมพูชาและที่สำคัญมีทหารเวียดนามเหนือจำนวนมากเลยที่ไปซ่อนตัวอยู่ในกัมพูชา

สงครามเวียดนาม ที่ต้องการเป็นอิสระภาพ

โดยหนึ่งในบุคคลสำคัญของเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็คือ ลุงโฮ หรือว่า โฮจิมินห์ นั่นเอง ซึ่งชื่อนี้แปลว่าผู้นำมาซึ่งแสงนี่ไม่ใช่ชื่อมาตั้งแต่เกิดของเขานี่เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นทีหลัง ซึ่งเขาได้เป็นคนหัวก้าวหน้าคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ไปอยู่ตามประเทศต่างๆเยอะมากไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์กลอนดอน ปารีส มอสโคว จีน หรือแบบเรียกได้ว่าไปอยู่มาหลายที่

ซึ่งทำให้เขาค่อนข้างค่อนข้างจะมีความรู้และหนึ่งในแนวคิดที่เขาเชื่อมากๆ ก็คือคอมมิสนิสต์นั่นเอง โดยลุงโฮนี่เองเป็นคนที่ก่อตั้งสิ่งที่เรียกว่า The League for the lndependence of Vietnam หรือว่าเวียดมินห์ ขึ้นในปี1941 โดยกลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มคนรักชาติที่พร้อมจะปลดปล่อยเวียดนามจากชาติต่างๆ

ตอนแรกกลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มเล็กๆแต่ว่าสุดท้ายมันก็ค่อนๆขยายขึ้นมีสมาชิกเข้ามาร่วมากขึ้นเรื่อยๆบังเอิญว่าในช่วงเดียวกันที่มีการตั้งกลุ่มเวียดมินห์มันมีเหตุการณ์สำคัญของโลกเกิดขึ้นนั่นก็คือสงครามโลกครั้งที่2 นั่นเองและในตอนนั้นเองเยอรมนีไปยึดฝรั่งเศส

ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของเวียดนามทำให้ฝรั่งเศสไม่มีเวลามาดูแลเวียดนามสุดท้ายก็เลยมีอีกชาตินึงมายึดเวียดนามแทนนั่นก็คือญี่ปุ่นที่เข้ามายึดเวียดนามในปี1945 ชาวเวียดนามพอโดนญี่ปุ่นยึดก็ตั้งหน้าตั้งตารอแล้วว่ายังไงสงครามครั้งนี้ญี่ปุ่นก็แพ้เดี๋ยววันไหนญี่ปุ่นแพ้

เราจะชิงประกาศอิสระภาพแล้วเราก็จะเป็นอิสระจากทุกชาติในที่สุดและแล้วในที่สุดผผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนปรากฎว่าญี่ปุ่นนั้นแพ้จริงๆทำให้ชาวเวียดนามนั้นฉลองกันเลยประมาณว่าในที่สุดฉันก็ได้เป็นตัวของฉันเองแล้ว

สงครามเวียดนาม  นอกจากนี้ทางโฮจิมินห์ได้ตัดสินใจประกาศอิสระภาพเลยอย่างไรก็ตามเรื่องราว    สล็อตยูฟ่าเว็บตรง    ของชาวเวียดนามไม่ได้จบแต่เพียงเท่านี้สงบสุขมีความสุขตลอดไปไม่อย่างนั้นสงครามจะไม่เกิด

เพราะว่าหลังจากจบสงครามโลกครั้งที่2 สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือสงครามเย็นนั่นเองที่เป็นการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันระหว่างแนวคิดระหว่างเสรีนิยมประชาธิปไตยกับแนวคิดแบบคอมมิวนิสต์เราขออนุญาติไม่ลงรายละเอียดตรงนี้และแน่นอนในเวียดนามก็เช่นกัน

มมหาอำนาจก็เล็งแล้วว่าใครจะมีอิทธิพลเหนือเวียดนาม เวียดนามจะต้องเป็นแนวคิดแบบฉันเท่านั้นคือทางฝั่งคอมมิวนิสต์อย่างจีนก็อย่างได้เวียดนามฝั่งเสรีนิยมแบบพวก อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ก็อยากได้เวียดนาม ส่วนเวียดนามก็บอกว่าฉันไม่อยากเป็นของแกทั้งคู่

ฉันอยากเป็นของตัวเองสุดท้ายก็เลยมีความพยายามจะเจรจาต่อรองอะไรกันแต่จารจาไม่สำเร็จก็เลยเกิดการรบกันขึ้นแต่สงครามครั้งนี้ยังไม่ใช่สงครามเวียดนามนี่คือสงครามที่เขาเรียกว่าThe First lndochina War 

สงครามระหว่าง ญี่ปุ่น กับ รัสเซีย

สงครามระหว่าง ญี่ปุ่น กับ รัสเซีย หลังจากที่ทะเลาะกันเรื่องเกาหลีมาสักระยะนึงจีนกับญี่ปุ่นก็ตกลงกันได้ประมาณว่าเรามาตกลงพอกันเถอะหยุดรบไม่อะไรกันแล้วแต่ว่าก็ต้องมีข้อตกลงกันต่างๆประมาณว่าเราจะถอนทหารพร้อมกันไม่มีอิทธิพลเหนือเกาหลีอะไรต่างๆ แต่แม้ว่าจะมีข้อตกลงนี้ขึ้นมาแล้วก็ตาม

ญี่ปุ่นก็รู้สึกไม่อะ จีนมันไม่ได้ทำแบบที่พูดหรอกจีนมันยังมีอิทธิพลเหนือเกาหลีอยู่ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกันดังนั้น ญี่ปุ่นก็เลยทิ้งทหารตัวเองไว้ในเกาหลีอยู่แล้วก็ยึดจุดยุทธศาสตร์บางส่วนของเกาหลีไว้เป็นของตัวเองด้วยเช่นเดียวกันหลายปีผ่านไปในช่วงปี1904-1905

ช่วงนั้นญี่ปุ่นได้พัฒนาอำนาจของตัวเองขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดแล้วก็ไปรบอีกสงครามนึง ก็คือ สงครามระหว่าง ญี่ปุ่น กับ รัสเซียนั่นเองที่สำคัญรอบนี้ญี่ปุ่นชนะ เมื่อชนะญี่ปุ่นก็ผงาดขึ้นมาเต็มที่ในฐานะจักรวรรดิญี่ปุ่นตอนนั้นก็แผ่ขยายอำนาจไปทั่วเอเชียเลยใช่ไหม

ซึ่งแน่นอนว่าเกาหลีก็เป็นหนึ่งในประเทศที่โดนญี่ปุ่นยึดไปเป็นอาณานิคมในปี1910นั่นเอง ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าชาวเกาหลีจะแฮปปี้ใช่ไหมที่โดนยึดเป็นอาณานิคมมันก็จะมีคนมาต่อต้านมาเป็นระยะๆอย่างเช่นมีนก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่นักต่อสู้ เพื่ออิสระภาพชาวเกาหลี

ไปที่Harbinตอนนั้นนายกรัฐบมนตรีของจักรพรรดิญี่ปุ่นคนรแกเดินทางไปเยือนที่นั่นพอดีคนเกาหลีคนนี้ไปถึงก็จัดการยิงนายกรัฐมนตรีคนนี้ตายไปเลยมันก็มีเหตุการณ์ที่เป็นข้อบาดหมางอย่างนี้มาโดยตลอดและแน่นอนระหว่างที่เกาหลีตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นก็ตามสไตล์ญี่ปุ่นก็จะต้องใช้ทรัพยากรต่างๆของเกาหลีให้คุ้มที่สุด

เช่น ญี่ปุ่นพยายามปรับปรุงประเทศเกาหลีให้ทันสมัยฟังดูเหมือนดีใช่ไหม    สล็อตยูฟ่าเว็บตรง   แต่เปล่าเลยคนที่ได้ประโยชน์จากการปรับปรุงประเทศคือ ชาวญี่ปุ่นล้วนๆเรียกได้ว่ามาใช้ทรัพยาว่าอย่างนั้นเถอะเกาหลีแถบจะไม่ได้อะไรเลยแล้วก็จะมีมาตรการชาตินิยมต่างๆออกมา

โดยอย่างเช่น ห้ามคนเกาหลีพูดภาษาเกาหลีให้ใช้ภาษาญี่ปุ่นอะไรประมาณนี้ก็เจ็บช้ำน้ำใจชาวเกาหลีไปจนกระทั่งในปี 1919 ก็มีขบวนการหนึ่งในเกาหลีชื่อว่ากระบวนการ1มีนาคมพยายามที่จะเรียกร้องอิสรภาพของเกาหลีแต่ว่าก็ไม่สำเร็จโดยญี่ปุ่นปราบปรามอะไรไป

จนกระทั่งกลุ่มคนกลุ่มนี้จะต้องออกไปตั้งรัฐบบาลพลัดถิ่นที่จีนแต่ว่ากลุ่มสุดท้ายกลุ่มคนนี้แตกกระจายไปด้วยอุดมการณ์ที่แตกต่างกันฝั่งนึงเข้ากับคอมมิวนิสต์อีกฝั่งนึงไม่เข้ากับคอมมิวนิสต์ประมาณนั้นสุดท้ายเรียกร้องอิสระภาพไม่สำเร็จเกาหลีก็เลยเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่นต่อไป

ซึ่งระหว่างนั้นชาวญี่ปุ่นก็ยังทรมานชาวเกาหลีต่างๆนานาเรียกได้ว่าทำให้เจ็บช้ำน้ำใจหนักมากเพราะว่ามีผู้ชายจากเกาหลีโดนเกณฑ์ไปเป็นแรงงานที่ญี่ปุ่นเยอะมากเรียกว่าเป็นแสนคนเลย

ความเป็นมาของการขุดคลองสุเอซ เพื่อการค้า

ความเป็นมาของการขุดคลองสุเอซ  ซึ่งในยุคสมัยศตวรรษที่19 เป็นยุคหลังสงครามนโปเลียนฝรั่งเศสกับอังกฤษรวมตัวกันแล้วบอกว่าจริงๆแล้วโอกาสทางการค้าขายระหว่างยุโรปกับเอเชียมีมากมายมหาศาลเลยแต่ปัญหาก็คือว่าการลำเรียงสินค้าในเวลานั้นต้องเรียนว่ายังไม่มีเครื่องบิน

การลำเรียงสินค้ามหาศาลไปขายกันและกันเอเชียยุโปร และ ยุโรปกับเอเชีย ถ้าหากว่าเรามีการเดินเรือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถ้าหากว่าไปแล้วเราไม่สามารถเข้ามหสมุทรอินเดียกันได้และมันติดอะไรก็เลยได้ไปทบทวนกันว่าคนยุโรปที่มีการร่องเรือและไปยังมหาสมุทรอินเดียได้เป็นชาวโปตุเกสสองคน

ซึ่งทั้งสองคนนี้ใช้วิธีการในการไปมหาสมุทรอินเดียได้ด้วยวิธีการที่ยาวมากกล่าวคือรล่องเรือโปตุเกสจากนั้นเลาะไปที่ทวีปแอฟริกาหลายคนบอกว่าทวีปแอฟริกามันอยู่ค่อยข้างที่จะใต้ก็คือจากยุโรปแล้วก็มีการล่องเรือหัวแรดลงไปจนกระทั่งถึงจุดใต้สุดหัวแรด

ซึ่งปัจจุบันก็คือประเทศแอฟริกาใต้นั่นแองจากนั้นก็กลับขึ้นไปสู่มหาสมุทรอินเดียแต่ใช้เส้นทางนี้ชาวอังกฤษและฝรั่งเศสบอกว่าใข้เวลานานเหลือเกินเพราะว่ามีความยาวของเส้นทางเพิ่มมากขึ้นสัก 8-9 กิโลเมตรยากขนาดนั้นเลยไปดูว่ามีพื้นที่ไหนมีลักษระเป็นคอคลอด

โดยคอคลอดนั้นมีความหมายว่าถ้าจะมีการขุดทองก็จะใช้เทคนิคหรือว่าความพยายามในการที่จะขุดทองนั้นสั้นที่สุดก็ไปพบว่าพื้นที่ที่ประเทศอียิปต์ พบว่าอียิปต์จะมีพื้นที่คอคลอดแคบๆอยู่ใกล้ๆกับคาบสมุทรไซนายถ้าได้ดูพื้นที่ของประเทศอียิปต์ซึ่งอยู่ทางตะวันอกเฉียงเหนือสุดเลยของแอฟริกาเป็นประเทศที่มีสันฐานเป็นสี่เหลี่ยมและก็จะมีติ่งคล้ายๆกับติ่งสามเหลี่ยม

เพราะฉะนั้นติ่งสามเหลี่ยมตรงนั้นเรียกว่าคาบสมุทรไซนายพบว่าพื้นที่ตรงนั้น  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย     จะมีพื้นที่แคบๆอยู่นิดนึงสองชาตินี้รวมกับวิศวกรซึ่งเป็นออสเตรเลีย อิตาเลียนมีการขุดคลองนี้ผ่านการเห็นชอบสุลต่านอาชาของอียิปต์เมื่อขุดคลองเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วกลายเป็นทางน้ำใหม่มีความหมายว่าเดินทางจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและผ่านคลองสุเอซ193กิโลเมตรนี้จากนั้นลงไปสู่ทะเลแดง

จากนั้นผ่านอ่าวเอเดนก้คือบริเวณพื้นที่ปลายสุดของคาบสมุทรอาระเบียและเข้าสู่มหาสมุทรอินเดียสามารถทำการค้าขายกับประเทศเอเชียได้นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นประเด็นเป็นแบบนี้หลายคนมองว่าเป็นเส้นทาง ทางการค้าแต่ตริงๆไม่ใช่แค่นั้นเพราะว่าในเส้นทางนี้ในสนธิสัญญา

ในเวลานั้นนอกเหนือไปจากอำนาจก็คืออังกฤษและฝรั่งเศสแล้วอีกหนึ่งมหาอำนาจที่อยู่บริเวณดังกล่าวและมีอิทธิพลอย่างสูงในบริเวณดังกล่าวคืออาณาจักรออตโตมันก็คือในตุรกีในปัจจุบันนี้นั่นเอง

การโจรกรรมรูปภาพโมนาลิซา ที่ถูกพูดถึงในปี1910

การโจรกรรมรูปภาพโมนาลิซา    เพราะในปี1905มันเป็นช่วงเวลาการเกิดของตัวละคร จอมโจรอาร์แซน ลูแปง ดังนั้นคนฝรั่งเศสเขาก็กำลังแบบว่าการโจรกรรมนู่นการโจรกรรมนี่ลูแปงขึ้นไปขโมย

ตรงนั้นลูแปงขึ้นไปขโมยตรงนี้กันอยู่คือฮิตมันอยู่ในกระแสว่าอย่างนั้นเถอะทีนี้อารมณ์มันก็คลล้ายๆกับชาวอังกฤษหมกมุ่นกับนิยายสืบสวนสอบสวน

เพราเชอร์ล็อก โฮล์ม นี่แหละฝรั่งเศสเขาก็เลยหมกมุ่นกับการโจรกรรมก็มีการคุยเรื่องโจรกรรมทั้งวันประมาณว่าแผนการโจรกรรมจะอย่างนั้นอย่างนี้อารมณ์คล้ายๆช่วงหนัง

Oceanเข้าคนยก็จะนึกถึงการโจรกรรมใหญ่ๆสะเทือนโลกกันและมันพูดกันถึงขนาดที่ว่าในปี1910มันเคยมีเจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสออกมาพูดประกาศกร้าวเลยประมาณว่า

 

การโจรกรรมโมนาลิซาถ้ามันเกิดขึ้นมันจะยิ่งใหญ่ทียบเท่ากับการขโมยมหาวิหารนอเทรอดามเลยทีเดียว ดังนั้นพอหนึ่งปีหลังจากนั้นพอิโมนาลิซาโดนขโมยจริงๆคนก็เลยแตกตื่นกันทั่วเมืองเลยประมาณว่านี่มันเป็นการโจจรกรรมที่ใหญ่มากเรื่องมันใหญ่มากทำยังไงดี

ถึงขนาดที่ว่าฝรั่งเศสมีการปิดชายแดนเลยคือปิดทางเข้าออกประเทศเลยเพื่อป้องกันไม่ให้สมบัติของชาติชิ้นนี้หลุดไปอยู่ที่ประเทศอื่นเท่านั้น

ยังไม่พอยังมีศิลปินชื่อดังจำนวนมากที่โดนกล่าวหาในช่วงเวลานั้นว่าเป็นคนขโมยโมนาลิซาไป รวมถึง ปาโบลบ ปิกัสโซด้วย 

ซึ่งในตอนนั้นกำลังแบบกำลังมาเลยกำลังเป็นศิลปินดาวรุ่งเลยก็โดนกล่าวหาเหมือนกันว่าเป็นคนขโมยโมนาลิซาไปหรือเปล่าถึงขนาดที่ปีกัสโซต้องไปขึ้นศาลชี้แจงเลยว่า ฉันเปล่าขโมย โมนาลิซา ฉันววาดรูปของฉันอยู่ดีๆอย่ามายุ่งจนกระทั่งผ่านไป2ปีก็มีนายหน้าขายงานศิลปะคนนึงแจ้งความเข้ามาบอกว่ามันมีคน

พยายามจะขายรูปโมนาลิซาให้ฉันแบบนั้นมันไม่ดีแจ้งความดีกว่าใครมันจะไปกล้าซื้อเขาตามจับกันทั่วบ้านทั่วเมือง ปรากฎว่าตำรวจก็เลยต้องไปสืบสวนสอบสวนแล้วคนที่พยายามจะขายรูปโมนาลิซาก้ดันเป็นคุณวินเชนโซที่ทำงานเป็นช่างกระจกให้กับลูฟวร์ก็คือเป็นคนติดตั้งกระจกนิรภัย

เพื่อป้องกันโมนาลิซาแต่เป็นคนเอาไปเองซะอย่างนั้น โดยวิธีการโจรกรรมนี่ก็คือคิดแล้วเมื่อกี้จอมโจรอาร์แซนลูแปงการโจรกรรมมันจะต้องโรยตัวลงมาตัดกระจกนิรภัยอะไรต่างๆแน่ๆเลยจริงๆแล้วไม่ใช่คือคุณวินเชนโซขโมยไปแบบง่ายๆเลยก็คือตัวเองเป็นพนักงานของลูฟวร์อยู่แล้วก็เข้ามาที่ลูฟวร์ทางประตูคนงานในวันที่ลูฟวร์นั้นปิด

 

สนับสนุนโดย  สล็อต ufabet แตกง่าย

ประวัติวัดพราหมณี วัดหลวงพ่อปากแดง จังหวัดนครนายก 

       สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับประวัติของวัดพราหมณีซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งและเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังอันดับต้นๆของจังหวัดนครนายก

ประวัติวัดพราหมณี เลยก็ว่าได้สำหรับวัดพราหมณีนั้นเป็นวัดที่ทุกคนแทบจะรู้จักกันเป็นอย่างดีเนื่องจากว่ามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวบ้านมักจะเรียกกันติดปากว่าวัดพราหมณีคือวัดของหลวงพ่อปากแดงอย่างไรก็ตามวัดแห่งนี้นั้นมีอายุมากกว่า 100 ปีมาแล้วซึ่งถือว่าเป็นวัดเก่าแก่โดยประวัติความเป็นมาของวัดพราหมณีนั้นว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เลยทีเดียว 

         สำหรับวัดพราหมณีนั้นเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแม้แต่คนที่ไม่ใช่คนในจังหวัดนครนายกก็ยังรู้จักวัดแห่งนี้เป็นอย่างดีและมักจะพากันเดินทางมากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดพราหมณีซึ่งที่วัดพราหมณีแห่งนี้นั้นมีพระประธานที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากโดยประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถซึ่งมีความเก่าแก่และเป็นที่นับถือของชาวบ้านอย่างกว้างขวางเลยทีเดียวโดยพระประธานที่เราพูดถึงนั้นก็คือหลวงพ่อปากแดงนั่นเอง 

        สำหรับหลวงพ่อปากแดงนั้นเป็นหลวงพ่อที่ชาวบ้านให้ความนับถือเป็นพระพุทธรูปที่ถูกสร้างด้วยศิลปะสมัยล้านช้าง

  นอกจากนี้ช่างที่หล่อหลวงพ่อปากแดงขึ้นมายังหล่อด้วยโลหะสำริด และลักษณะขององค์พระพุทธรูปนั้นเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ  อย่างไรก็ตามว่ากันว่าหลวงพ่อปากแดงนั้นค่อนข้างที่จะเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากชาวบ้านมักจะพากันมากราบไหว้ขอพรเคารพสักการะหลวงพ่อปากแดงกันเป็นประจำเพื่อขอให้หลวงพ่อปากแดงนั้นอำนวยพรให้ประสบความสำเร็จ

            ด้วยความที่มีการขอพรและประสบความสำเร็จนี่เองจึงทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อปากแดงนั้นมีการพูดถึงกันปากต่อปากว่าหากใครมาขอพรก็จะประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโชคลาภเงินทองซึ่งหลวงพ่อปากแดงนั้นแต่เดิมเป็นพระพุทธรูปที่อยู่ที่นครเวียงจันทน์ แต่ได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดพราหมณีแห่งนี้และตั้งแต่ที่ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดพราหมณีก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากและเจ้าอาวาสเองก็ได้มีการอัญเชิญหลวงพ่อปากแดงมาไว้ภายในอุโบสถเพื่อให้มาเป็นพระประธานประจำวัดพราหมณีนั้นเอง 

          อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าวัดพราหมณีนั้นเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากดังนั้นปัจจุบันนอกจากจะเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านมาทำบุญไหว้พระกันแล้วจึงมักเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวหลายคนมักจะเลือกมาเที่ยวรวมถึงถ่ายรูปเช็คอินและซื้อของฝากติดไม้ติดมือซึ่งมีของฝากประจำจังหวัดเยอะแยะมากมายที่ถูกนำมาวางขายบริเวณโดยรอบของวัดพราหมณีนั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.    สล็อต ufabet เว็บตรง

วัดภูเขาทองหรือวัดสระเกศ กรุงเทพฯ 

      วัดภูเขาทองหรือวัดสระเกศ  ถ้าหากว่าพูดถึงชื่อวัดสระเกศหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันมากนักแต่ถ้าบอกว่าเป็นวัดภูเขาทองนั้นเชื่อว่าหลายคนคงเคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมวัดภูเขาทองของจริง

เพราะว่าภูเขาทองนั้นตั้งอยู่กลางกรุงเทพฯเป็นวัดแห่งเดียวที่สร้างขึ้นอยู่บนภูเขาซึ่งมีลักษณะโดดเด่นงดงามไม่เหมือนวัดไหนนอกจากนี้ด้านบนสุดของวัดภูเขาทองแห่งนี้ได้มีการสร้างมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ซึ่งภายในมหาเจดีย์นี้ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าหรือองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเก็บไว้ภายในมหาเจดีย์แห่งนี้อีกด้วยซึ่งอยู่ด้านบนสุดที่เราสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล

       สำหรับองค์พระธาตุนั้นเราจะเห็นได้เลยว่ามีสีทองเหลืองอร่ามซึ่งด้านล่างเป็นสีขาวบริสุทธิ์เป็นที่งดงามเป็นอย่างมากไม่ว่าคนไทยหรือชาวต่างชาติหากเดินทางมาแถวบริเวณที่มีการก่อสร้างวัดภูเขาทองก็จะต้องมีการแวะเวียนไปกราบไหว้รวมถึงไปชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯซึ่งสามารถเดินขึ้นไปด้านบนสุดแล้วจะมองเห็นวิวได้แบบ 360 องศาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง

           ถ้าหากว่าเดินทางมาที่วัดภูเขาทองในช่วงเวลาตอนกลางคืนซึ่งเป็นช่วงเทศกาลที่วัดภูเขาทองจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีแบบ 7 วัน 7 คืนนั้น

เมื่อขึ้นไปด้านบนสุดนั้นก็จะเห็นวิวในช่วงเวลาตอนกลางคืนของกรุงเทพฯที่งดงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียวนอกจากนี้พระบรมสารีริกธาตุที่มีการอัญเชิญเอามาไว้ในเจดีย์ประดิษฐ์นั้นก็ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างนี้ซึ่งชาวบ้านนั้นมักจะมากราบไหว้ขอพรให้มีความสุขสมหวังตลอดทั้งปี 

           อย่างไรก็ตามวัดภูเขาทองนั้นถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของกรุงเทพมหานครเป็นวัดหนึ่งใน 9 วัดที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักท่องเที่ยวและจากคนไทยที่ชื่นชอบการกราบไหว้วัด 9 วัดติดกันซึ่งวัดภูเขาทองหรือวัดสระเกศนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียวเพราะอยู่ไม่ไกลจากวัดพระแก้ว

รวมถึงวัดบวรนิเวศและวัดเบญจมบพิตรถึงวัดอรุณและวัดพระเชตุพนอีกด้วยดังนั้นถ้าหากใครสนใจอยากจะไหว้พระ 9 วัดให้หมดภายใน 1 วันสามารถเดินทางมาที่กรุงเทพฯแล้วแวะมาแถวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยรวมถึงแถวบริเวณบางลําพูหรือแถวบริเวณเขตดุสิตรับรองได้เลยว่าภายใน 1 วันคุณจะไหว้พระครบ 9 วัดได้อย่างแน่นอน 

               สำหรับวัดภูเขาทองนั้นเป็นวัดที่ไม่ได้อนุญาตให้ผู้คนขึ้นไปด้านบนสุดทุกวันจะมีการเปิดให้ขึ้นไปเคารพสักการะพระบรมสารีริกธาตุเฉพาะช่วงที่มีการจัดเทศกาลหรืองานบุญเท่านั้นดังนั้นถ้าหากว่าใครสนใจก็อาจจะต้องมีการตรวจสอบเว็บไซต์ของวัดเกี่ยวกับเรื่องของการจัดงานว่าจะมีการอนุญาตให้ประชาชนขึ้นไปกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุได้เมื่อไหร่หรือมีการจัดงานวัดภูเขาทองเมื่อไหร่เพื่อที่จะได้ขึ้นไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดได้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    แทงบอลออนไลน์ ภาษาไทย

วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร 

      วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร  ในเขตกรุงเทพฯนั้นแถวบริเวณบางลำภูซึ่งเป็นบริเวณตลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯเป็นตลาดผ้าที่ได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยว

และจากคนไทยด้วยกันเองอย่างไรก็ตามบริเวณดังกล่าวนั้นมีวัดแห่งหนึ่งซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่และเป็นวัดพระอารามหลวงแห่งพระบรมราชวงศ์จักรีดังกล่าวนั้นจะอยู่ระหว่างถนนเฟื่องนครกับถนนตะนาวซึ่งวัดแห่งนี้นั้นถือว่าเป็นวัดชั้นเอกชนิดราชวรวิหารด้วยว่าที่เรากำลังพูดถึงเงินอยู่ในตอนนี้ก็คือวัดบวรนิเวศราชวรวิหารนั่นเอง

       สำหรับวัดแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงดังเกี่ยวกับเรื่องของพื้นที่ของตัววัดซึ่งมีพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่มากนอกจากนี้สถาปัตยกรรมของโบสถ์วิหารต่างๆรวมถึงจิตรกรรมฝาผนัง ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กันเกี่ยวกับเรื่องของความงดงามวิจิตรบรรจงเนื่องจากว่าผู้ที่มีการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสนสถานภายในวัดบวรนิเวศราชวรวิหารแห่งนี้นั้นมีการเอาแนวความคิดของชาติตะวันตกและชาติไทยรวมถึงชาติจีนมาผสมผสานกันจนเกิดเป็นศิลปะที่มีความงดงามลงตัวซึ่งบอกได้เลยว่าถ้าใครมาเห็นของจริงนั้นจะรู้เลยว่าที่นี่นั้นสวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

          อย่างไรก็ตามวัดแห่งนี้นั้นมีเรื่องเล่าและประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานมากมายเริ่มตั้งแต่ที่นี่เคยเป็นที่ทรงผนวชของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์

รวมถึงราชวงศ์สานุวงศ์หลายพระองค์เช่นเดียวกันและที่สำคัญพระมหากษัตริย์ก็เคยมาประทับที่วัดแห่งนี้เพื่อทำการบวชเรียนอีกด้วยอย่างไรก็ตามวัดแห่งนี้นั้นมีทั้งศิลปะกรรมโบราณวัตถุรวมถึงมีสถานที่มีความเก่าแก่งดงามมีศิลปะวัตถุหลายสิ่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เอาไว้ซึ่งที่นี่จึงได้มีการบำรุงทะนุถนอมสภาพของวัดให้มีความสมบูรณ์และอยู่ในสภาพดีอย่างสม่ำเสมอและ

           นอกจากนี้วัดแห่งนี้นั้นยังเป็นสถานที่ที่ให้บรรดานักศึกษาทั้งหลายเข้ามาศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับเรื่องของศิลปวัตถุและโบราณวัตถุได้อีกด้วยเรียกได้ว่าที่นี่นั่นเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากไม่ใช่เพียงแค่เป็นวัดที่เอาไว้ทำบุญหรือมาชมความงดงามของศาสนสถานเพียงอย่างเดียวแต่ยังเป็นศูนย์รวมของความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและเกี่ยวกับโบราณวัตถุศิลปวัตถุนั่นเอง 

          สำหรับใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสเดินทางมาเที่ยวที่วัดแห่งนี้บอกได้เลยว่าคุณพลาดเป็นอย่างมากเลยทีเดียวลองหาเวลาว่างแวะมากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแห่งนี้รวมถึงมาชมความสวยงามอย่างเช่นพระอุโบสถซึ่งมีประวัติความเป็นมาวัดอุโบสถแห่งนี้นั้นสร้างขึ้นมาตามพระราชนิยมของรัชกาลที่ 3 โดยจะเห็นได้ว่าอุโบสถนั้นมีปีกยื่นออกมานอกจากนี้ยังมีเสาเหลี่ยมมีพาราย้อมซุ้มประตูหน้าต่างเรียกได้ว่างดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย    Ufabet เข้าสู่ระบบ