ชนเผ่าอินเดีย ในศตวรรษที่ 15 

ชนเผ่าอินเดีย ในศตวรรษที่ 15  ชาวอินเดียถือเป็นชนพื้นเมืองได้เป็นเจ้าของผืนแผ่นดินอเมริกาก่อนที่คนผิวขาวจากยุโรปจะส่งไปยึดครองจับจองและขับไล่คนพื้นเมืองที่เป็นเจ้าของมาก่อนไปอยู่ในอาณานิคมที่คนผิวขาวเป็นคนสร้างขึ้นและสร้างกฎบังคับให้คนพื้นเมืองเหล่านั้นต้องทำตาม

โดยตามทฤษฎีชาติพันธุ์นั้นมีความเชื่อกันว่าชาวพื้นเมืองอเมริกาหรือพวกอินเดียแดงอพยพไปจากทวีปเอเชียตั้งแต่ยุคน้ำแข็งที่ทำให้แผ่นดินทวีปเอเชียกับอเมริกานั้นเชื่อมต่อกันด้วยแผ่นน้ำแข็งชนพื้นเมืองเหล่านั้นจึงอพยพข้ามมาทางรัฐอลาสก้าแล้วเริ่มลงหลักปักฐาน

ตั้งแต่อลาสก้าลงมาจนถึงอเมริกาใต้ ซึ่งชาวเอสกิโมก็คือชนเผ่าพื้นเมืองที่อพยพมาด้วยในช่วงเวลานั้นเช่นกันหรือแม้แต่ชนเผ่ามายาในอเมริกากลางจนถึงชนเผ่าอินคาในอเมริกาใต้ก็เป็นชนเผ่าชนพื้นเมืองที่สืบสายมาจากกลุ่มคนที่อพยพมาจากเอเชียประมาณกันว่าชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านี้สืบสายพันธุ์จนกลายเป็นจำนวนนับพันนับหมื่นชนเผ่า

โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือเองก็มีจำนวนนับเป็นพันๆชนเผ่าตั้งแต่คนขาวจากยุโรปเริ่มอพยพเข้าไปปักหลักอยู่แผ่นดินอเมริกาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่15 นั้นก็มีการทำสงครามฆ่าสังหารคนพื้นเมืองเหล่านี้มากมายจนหลายเผ่าพันธุ์ถึงกับสูญพันธุ์ไปเลยทีเดียว

โดนเฉพาะในอเมริกาเหนือช่วงสร้างประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีการทำสงครามระหว่างคนผิวขาวกับชนเผ่าอินเดียในอเมริกาเหนืออย่างดุเดือดตลอดจนทั่วทุกพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ไปจนกระทั่งสิ้นสุดเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ทำให้เกิดความสูญเสีย

ระหว่างทั้งสองฝ่ายลงอย่างมากมายในที่สุดชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียก็ต้องเป็นฝ่ายยอมวางอาวุธก่อนและต้องยอมอยู่ใต้กฎหมายของคนผิวขาวที่กำหนดให้ชาวอินเดียเหล่านั้นอยู่ในเขตสงวนที่จัดเอาไว้เฉพาะนี่คือเรื่องที่น่าเศร้าของผู้ที่ครอบครองก่อน แต่ต้องพ่ายแพ้และตกอยู่ในชะตากรรมที่ผู้อื่นกำหนดให้และเรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของหัวหน้าเผ่าชาวอินเดียแดงผู้หนึ่งที่มีประวัติการต่อสู้เป็นตำนานในช่วงปลายสงครามอเมริกันอินเดียถึงแม้บั้นปลายจะต้องวางอาวุธและยอมเข้าไปอยู่ในเขตสงวนที่คนขาวกำหนดให้

แต่กว่าที่จะมาถึงบทจบของสงครามอินเดียในครั้งนั้นบุรุษผู้นี้ถือเป้นวีรบุรุษของชาวอินเดียแดงไม่เฉพาะชนเผ่าของตนเองเท่านั้นแต่ของชาวอินเดียทั่วไปที่ต่อสู้กับคนขาวอย่างกล้าหารหรือแม้แต่คนขาวเองก็ยังหวาดกลัวคนผู้นี้บุคคลผู้นี้ก็คือ เจอโรนิโม 

จุดเริ่มต้นของสงครามอินเดียนั้นนับตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช1622 โดยนักประวัติศาสตร์ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่าตั้งแต่เหตุการสังหารหมู่ที่เมืองเจมส์ทาวน์อาณานิคมแห่งแรกของอังกฤษที่ชาวอังกฤษในเมืองเจมส์ทาวน์ถูกสังหารลงไปเกือบครึ่งเมืองทั้งผู้หญิงและเด็กก็ถูกสังหารไม่เว้น

 

สนับสนุนโดย    ufabet

ต้องการทำงานด้วยมือ

แม้จะรู้ว่าเขาต้องการทำงานด้วยมือ เขาก็ยังไม่ถือว่าเซรามิกเป็นตัวเลือก เขาทดลองงานไม้และเริ่มคิดเกี่ยวกับการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ในที่สุด ขณะพูดคุยกับปู่ของเขา เขารู้สึกทึ่งกับกระบวนการผลิตเซรามิก เช่น การหล่อแบบลื่น ‘ฉันจำได้ว่าบอกเขาว่าฉันไม่ชอบสิ่งที่แวววาวและขอให้เขาอธิบายให้ฉันฟังว่าเขาจะทำสิ่งที่เคลือบด้านได้อย่างไร การสนทนาประเภทนี้เริ่มเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ความคิดที่ว่าฉันกำลังจะทำเซรามิกส์ก็ยังแอบเข้ามาหาฉัน” เขากล่าว

จุดเปลี่ยน ในช่วงเวลาที่ลุคพบว่าตัวเองอยู่ที่ทางแยกที่สร้างสรรค์นี้ แพ็ตย่าของเขาถึงแก่กรรม ลุคกับพ่อของเขาไม่พอใจกับความคิดที่ว่าเจฟฟรีย์อยู่คนเดียว

เลยตัดสินใจไปที่บ้านเอคคินส์เวลล์ทุกสุดสัปดาห์และจุดไฟเผาเครื่องปั้นดินเผาอีกครั้ง ลุคได้รับหนังสือเซรามิกสำหรับคริสต์มาสในปีนั้น เขากับพ่อใช้เวลาเดินในวันคริสต์มาสเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการทำเครื่องปั้นดินเผา หลายชั่วโมงหลังจากกลับถึงบ้านพวกเขาได้รับข่าวการจากไปของเจฟฟรีย์อย่างน่าเสียดาย “พ่อกับฉันได้สร้างแรงผลักดันนี้ขึ้นมาแล้วและมีคู่เดทในไดอารี่

เพื่อไปชมเครื่องปั้นดินเผา ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะยึดติดกับมันทั้งๆ ที่ทุกอย่าง” ลุคกล่าว ‘หลังจากทำหม้อกับพ่อสองสามวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันก็ติดใจ มันกลายเป็นหนทางแห่งความเศร้าโศกสำหรับเราทั้งคู่ ได้ใช้เวลาร่วมกันในพื้นที่ของคุณปู่’

มีคำถามว่าจะทำอย่างไรกับบ้านหลังนี้ในระยะยาว และลุคยินดีกับโอกาสที่จะหนีออกจากเมืองเพื่อโอบรับความหลงใหลที่เขาค้นพบใหม่เต็มเวลา เขาย้ายเข้ามาและอุทิศตนเพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งที่ทำได้ โดยได้รับคำแนะนำจากสตูดิโอของเจฟฟรีย์ ‘มีบางอย่างที่มหัศจรรย์เกี่ยวกับบ้านของคุณปู่ของฉันและเครื่องปั้นดินเผาที่ติดอยู่กับมัน เขาได้เปลี่ยนห้องด้านหน้าห้องหนึ่งให้เป็นโชว์รูมและมีหม้ออยู่ทุกหนทุกแห่ง” เขากล่าว ‘ตอนที่ฉันเรียนทำชาม ฉันเดินไปรอบๆ เพื่อดูตัวอย่างต่างๆ มีอยู่สองสามอย่างง่ายๆ ที่คุณปู่ของฉันทำในปี 1970

ความสามารถในการถือและสัมผัสได้ถึงน้ำหนักของพวกมันนั้นพิเศษมาก ฉันจำได้ว่าคิดว่าเขาทำมา 20 ปีแล้วตั้งแต่สร้าง นอกจากนี้ยังมีชาม Lucie Rie เล็ก ๆ ที่ฉันจะถือและพยายามเริ่มเข้าใจว่าเธอทำมาอย่างไร’

สตูดิโอเป็นขุมสมบัติของอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องเคลือบ และประวัติศาสตร์ เมื่ออยู่คนเดียวที่นั่น ลุคใช้เวลาหลายเดือนในการทำความเข้าใจเรื่องนี้ เขาจำได้ว่าพบถังเคลือบที่มีข้อความว่า ‘1984’ สิ่งแรกที่เขาทำคือทดสอบสารเคลือบที่ทิ้งไว้ข้างหลังเหล่านี้ โดยเห็นว่ายังใช้งานได้อยู่ มีเหตุการณ์ที่น่าสับสนหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น การเคลือบ ‘สีเทา’ ที่เผาเป็นสีมัสตาร์ด Dijon ที่สมบูรณ์แบบ แต่ในที่สุดลุคพบว่าตัวเองกำลังรับมือกับเคมีของเซรามิกส์ ชั้นวางของออกไซด์เก่าๆ เป็นสนามเด็กเล่นสำหรับการทดลอง และเขาพบว่าการผสมสีเข้ากับตัวดินเหนียวนั้นได้ผลดีที่สุดสำหรับเขา

ในขณะที่สิ่งที่ลุคอธิบายว่าเป็น “เวทีนักวิทยาศาสตร์ชาววิคตอเรียที่คลั่งไคล้” ของเขาเต็มไปด้วยทักษะการขว้างปาของเขายังคงตามทัน เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการผลิตภาพวาดอย่างพิถีพิถันของรูปแบบที่เขาต้องการสร้างบนพวงมาลัย “การวาดภาพเป็นวิธีสำรวจสิ่งที่ฉันพยายามบรรลุ” เขาอธิบาย ‘ฉันยังวาดตารางขนาดเพื่อตรวจสอบและรวมอัตราส่วนของการวัดชิ้นส่วนจินตภาพที่แตกต่างกัน จากนั้นฉันจะเลือกและเลือกจากรายการนี้และพยายามโยนมันทิ้ง สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จได้รวมเอาแนวคิดทางเรขาคณิตอย่างง่ายเข้ากับการแทรกแซงอื่นๆ ที่ไม่ใช่เชิงตรรกะของมนุษย์ นั่นเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ฉันตระหนักว่าแต่ละชิ้นต้องการบางสิ่งที่น่าแปลกใจเกี่ยวกับมัน มันไม่ควรรวมกันอย่างสมบูรณ์ ‘

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ufabet

ศิลปะที่นำวัสดุแปลกๆมาสร้างเป็นผลงานกลายเป็นศิลปะที่มีชื่อเสียง

ศิลปะที่นำวัสดุแปลกๆ  หากพูดถึงผลงานด้านศิลปะเรามักจะนึกถึงภาพวาดหรือประติมากรรมรวมถึงรูปปั้นต่างต่าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า คำว่าศิลปะนั้นไม่ได้มีอะไรตายตัว  ศิลปินสามารถนำวัสดุอะไรมาสร้างสรรค์ผลงานเป็นผลงานด้านศิลปะขึ้นมาก็ได้

ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า เคยมีศิลปะที่นำวัสดุแปลกแปลกมาสร้างผลงานด้านศิลปะแล้วได้รับการตอบรับที่ดี กลายเป็นที่นิยม และกลายเป็นผลงานด้านศิลปะที่มีชื่อเสียงนั้น พวกเขาเหล่านั้นนำวัสดุอะไรมาสร้างผลงานศิลปะกันบ้าง

ศิลปะจากขนนก

       เชื่อว่าหลายคนคงอาจจะไม่เคยเห็นผลงานด้านศิลปะที่ทำมาจากขนนกกันอย่างแน่นอน แต่มันมีอยู่จริง สำหรับ ขนนกเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาให้มีความสวยงามในตัวของมันเอง   ศิลปะที่สร้างเขื่อนขึ้นมาจากขนนกนั้นได้มีศิลปินท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิลปินที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา  โดยศิลปินท่านนี้เขาเป็นคนที่ชื่นชอบและหลงใหลในศิลปะขนนกมาตั้งแต่อายุ 12 ปี

เขาแนะนำขนนกจากโรงเพาะและสวนสัตว์ต่างๆมาสร้างสรรค์ผลงานจนเกิดเป็นผลงานศิลปะจากคุณนกสวยงามโดยการตัดด้วยเครื่องมือเพียงแค่กรรไกรทีมและแว่นขยายซึ่งกว่าจะได้ผลงานที่สวยงามแต่ละชิ้นอย่างที่เห็นนี้เขาต้องใช้ความมานะอดทนและใช้ฝีมือเป็นอย่างมาก

  

       ศิลปะรูหนู     

   ผลงานศิลปะขนาดจิ๋ว รูหนูที่สวยงามเสมือนจริงเหล่านี้เกิดจากกลุ่มศิลปินที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนนามว่า Android mouse  ซึ่งก็คงไม่แตกต่างจาก ความหมายที่ว่า ไม่ระบุตัวตนเพราะจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ได้เลยว่าพวกเขานั้นคือใครมีหน้าตาเป็นอย่างไร

         เนื่องจากผลงานต่างๆเหล่านี้อยู่ๆก็จะถูกนำมาโชว์ในช่วงเช้าทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาตอนเย็นยังไม่มีผลงานด้านศิลปะรูหนูนี้มาแสดงเลยนั่นหมายถึงว่าศิลปินที่มีการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะรูนี้พวกเขามีการทำงานกัน ในเวลาค่ำคืนช่วงที่ถนนไร้ผู้คน ส่วนหนึ่งนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องการปกปิดตัวตนของตนเองไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าใครที่เป็นคนรังสรรค์ผลงานศิลปะรูนี้ขึ้นมา 

ศิลปะขนาดเล็กที่สร้างตามช่องเล็กๆตามริมถนนที่จะเหมือนเป็นที่อยู่ของเหล่าหนูหรือ ผลงานศิลปะที่เราเห็นอยู่นี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาใน Concept ร้านค้าขนาดเล็ก  ufabet   สำหรับเหล่าหนูที่มีส่วนประกอบภายนอก และภายในที่สวยงามเสมือนจริงคือเราจะเห็นได้ว่าศิลปินไม่ทิ้งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของร้านค้าเหล่านี้

ปัจจุบันศิลปะร้านเล็กๆของหนูเหล่านี้มีทั้งหมด 25 แห่งตามริมถนนในประเทศสวีเดนฝรั่ง  ประเทศเศสและบนเกาะแมนเป็นผลงานศิลปะที่แปลกน่ารักสวยงามจนกลายเป็นจุดเช็คอินไปเป็นที่เรียบร้อย

ศิลปะชีวิตเเละวัฒนธรรม ในปัจจุบัน

ศิลปะคือสิ่งที่บ่งบอกถึงสุนทรียภาพต่างๆมีคำกล่าวเคยกล่าวไว้ว่าสถานที่ที่มีความเจริญหรือมีความสบายในการใช้ชีวิตผู้คนจะมองหาการศึกษาถึงเรื่องราวต่างๆไม่ว่าจะเป็นร้านหนังสือ รวมถึงจะมีในส่วนของสถานที่จัดแสดงเกี่ยวกับงานศิลปะ ในยุคปัจจุบันที่วัฒนธรรมการใช้ชีวิตของผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลางานศิลปะต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะเกี่ยวกับดิจิตอลต่างๆ

หรือแม้แต่จะเป็นงานศิลปะเกี่ยวกับการทำปฏิมากรรมภาพวาดภาพเขียนหรือแม้แต่จะเป็นโครงสร้างการทำงานศิลปะในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าโครงสร้างการใช้ชีวิตของผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา มีการส่งต่อถึงแนวทางในการใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยสร้างนวัตกรรมหรือแม้จะเป็นการใช้โครงสร้างในการพัฒนารูปแบบของเทคโนโลยีต่างๆที่ดีมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามอายุปัจจุบันต้องยอมรับว่า การใช้ชีวิตของผู้คนและงานศิลปะต่างๆมีความเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน ผู้คนในยุคปัจจุบันมีความต้องการในการสร้างผลงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงหรือแม้แต่จะเป็นจิตรกรที่ไม่มีชื่อเสียงในยุคปัจจุบันก็มีการสร้างสรรค์ผลงาน

เพราะว่ามีสถานที่ให้จัดแสดงรูปแบบงานของตัวเองไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโซเชียลมีเดียหรือแม้จะเป็นโครงสร้างในการแสดงงานสินค้าต่างๆในยุคปัจจุบันก็มีการหารายได้ที่เพิ่มขึ้นของประชากรหรือว่า graphic Designer จึงทำให้ในยุคปัจจุบันการทำงานต่างๆมีการเปิดบัญชีเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทำงานศิลปะหรือแม้แต่การใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆ

การเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาโครงสร้างในการใช้ชีวิตต่างๆเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายมากยิ่งขึ้นหรือไม่เช่นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในการพัฒนาการทำงาน มีการส่งต่อถึงเรื่องราวต่างๆส่งผลให้ในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของระบบเทคโนโลยีต่างๆ

มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้น งานศิลปะและวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันค่อนข้างซับซ้อนซึ่งการและการยกตัวอย่างเช่นจิตรกรมีการเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวที่มีความต้องการในสะท้อนเกี่ยวกับศาสนาหรือวัฒนธรรมต่างๆก็จะถูกถ่ายทอดออกมาในภาพวาดหรือภาพเขียนรวมถึงยังมีในส่วนของงานประติมากรรมต่างๆ

การเปลี่ยนแปลงการทำงานในยุคปัจจุบันจึงทำให้งานศิลปะต่างๆมีการพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นหรือสามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนาการเข้าป่าหรือเข้าเขาในยุคปัจจุบันก็สามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ มากขึ้นเพียงแค่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็สามารถอัพโหลดงานตัวเองไปใน Social Media ได้โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีความง่ายมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆจึงทำให้นายกปัจจุบันศิลปะและวัฒนธรรมในการใช้ชีวิตร่วมกันอยู่เสมอผู้คนสามารถเข้าถึงสิ่งต่างๆมากขึ้น 

 

 

สนับสนุนโดย.   ufabet

แม่ใจยักษ์เอาลูกไปทิ้ง อ้างไม่มีปัญญาเลี้ยง

เป็นข่าวที่น่าสลดใจช่วงวันเด็กอีกข่าว คือ  เมื่อเช้าวันที่ 12 มกราคม ตำรวจภูธรเมืองลพบุรี ได้รับแจ้งว่า มีเด็กน้อยผู้หญิงอายุประมาณ 2 ขวบได้ถูกผู้เป็นแม่นำมาทิ้งไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์บ้านเด็กจังหวัดลพบุรี จากการสอบสวนนักสังคมสงเคราะห์ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อเช้าขณะที่ตนกำลังนั่งทำงานอยู่ ได้ยินเสียงกดออดดังขึ้น

จึงลุกไปชะโงกหน้าดูที่ประตู พบว่ามีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 2 ขวบ ยืนอยู่ ในมือมีถุงหิ้วที่ใส่เสื้อผ้ากับตุ๊กตาและจดหมายหนึ่งฉบับ  ตนจึงรีบวิ่งออกไปที่หน้าประตู เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังรีบบิดมอเตอร์ไซด์หนีไป เนื้อความในจดหมายบอกประมาณว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่มีปัญญาเลี้ยงดูลูก และสามีใหม่ของเธอก็ไม่อยากรับเลี้ยง

ถ้าลูกอยู่กับเธอคลาดว่าจะไม่ได้เรียนหนังสือ  เธอจึงนำลูกสาวมายกให้สถานสงเคราะห์เป็นผู้ส่งเสียเลี้ยงดู  และตนได้สังเกตเห็นร่องรอยเขียวช้ำตามตัวเด็ก จึงได้มาแจ้งความให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนจะนำตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

เมื่อข่าวดังออกไปทางผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องทำให้ทราบว่าเด็กหญิงสองขวบคนนี้ชื่อว่า น้องออมสิน แม่ของเด็กเป็นคนสุพรรณบุรี ได้ตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซด์จากบ้านที่สุพรรณบุรี พาลูกนั่งซ้อนท้ายเอามาทิ้งไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์บ้านเด็กลพบุรี เนื่องจากอ้างว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก เพราะตอนนี้ตัวเองก็มาอาศัยอยู่กับสามีใหม่และต้องมาเลี้ยงลูกติดของสามีด้วย  ถ้าน้องออมสินอยู่ด้วยคิดว่าคงไม่มีปัญญาส่งเรียนหนังสือ อีกอย่างตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้ายกลัวว่าสักวันอาจตีลูกถึงตายได้   

ด้านพ่อแท้ๆของน้องออมสินก็ติดต่อเข้ามาว่าได้เห็นข่าวน้องก็ตกใจไม่คิดว่าแม่เค้าจะเอาเค้ามาทิ้งได้ ผู้สื่อข่าวเลยถามกลับไปว่า แล้วคุณพ่อจะเอายังไงจะเอาน้องกลับไปเลี้ยงไหม ตัวพ่อเองก็รีบปฏิเสธเลยว่าคงเอาไปเลี้ยงไม่ได้หรอกครับเพราะผมเองก็ฐานะทางบ้านไม่ดีอีกอย่างตอนนี้ก็มีครอบครัวใหม่และมีลูกใหม่ต้องเลี้ยงดูแล้ว

ได้ฟังทั้งพ่อและแม่น้องพูดแล้วสรุปไม่มีใครต้องการเอาน้องไปเลี้ยงเลยสักคน น่าสงสารเนอะ ตอนที่มีอะไรกันไม่รู้จักป้องกันปล่อยให้ท้องจนเด็กเกิดมาก็ไม่มีปัญญาเลี้ยงกลายเป็นภาระของสังคมอีก เท่าที่ดูข่าวด้วยความเป็นเด็กน้องยังวิ่งเล่นร่าเริงดีคงไม่รู้ว่าโดนพ่อแม่เอามาทิ้ง แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วเพราะตอนนี้น้องออมสินได้เข้าไปอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์บ้านเด็กเรียบร้อยแล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   ufabet