การเผยแพร่ผลงานศิลปะต่างๆ

ผลงานการเผยแพร่ต่างๆของจิตรกรในยุคปัจจุบันมีการปกครองที่เพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Social Media การเชื่อมโยงข้อมูลหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาการทำงานต่างๆก็มีการพัฒนาหรือการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาทุกคนให้ความสนใจในการสร้างสรรค์ผลงานในยุคปัจจุบันการสร้างรายได้หรืออาชีพจิตรกรรวมถึงกราฟิกดีไซเนอร์มีการเปิดกว้างที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบริษัทหรือแม้จะเป็นฟรีแลนซ์หรือแม้จะเป็นการทำงานในยุคปัจจุบันก็มีการสร้างสรรค์ผลงานอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะในส่วนของการศึกษาหรือสถาบันเกี่ยวกับการศึกษางานศิลปะในยุคปัจจุบันมีการเปิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนมีการสร้างสรรค์การเรียนรู้หรือแม้แต่จะเป็นโครงสร้างการทำงานอยู่ตลอดเวลาผู้คนให้ความสนใจ

ในการพัฒนารูปแบบในการใช้ชีวิตในปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้คนแต่ละยุคสมัยมีการพัฒนาโครงสร้างอยู่ตลอดเวลาในยุคปัจจุบันเราต้องยอมรับว่าสถานที่ในการเสพงานศิลปะมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวการทำงานต่างๆโครงสร้างการพัฒนาการทำงานหรือแม้แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบก็มีการพัฒนาในการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาการเผยแพร่ผลงานในยุคปัจจุบัน

ต้องยอมรับว่ามีช่องทางมากมายไม่ว่าจะเป็น Facebook Instagram IG หรือแม้แต่ Museum ต่างๆที่เป็นการจัดเก็บข้อมูลเนื้อหาต่างๆ รวมไปถึงจะมีในส่วนของแกลอรี่ต่างๆที่เป็นของเอกชนมากมายในยุคปัจจุบันที่เปิดมาให้ผู้คนได้รับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมหรืองานศิลปะต่างๆที่ต้องการถ่ายทอด

รวมถึงในยุคปัจจุบันก็มีการเผยแพร่นวัตกรรมต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาโครงสร้างการเข้าถึงข้อมูลของผู้คนก็มีการพัฒนาหรือการปรับปรุงที่เพิ่มมากขึ้น ผู้คนให้ความสนใจในการเข้ามาสร้างสรรค์ผลงานหรือไม่เธอจะเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานหรือการใช้ชีวิตอย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าผู้คนให้ความสนใ

ในการสร้างสรรค์ผลงานหรือไม่ชัดเจนการเปลี่ยนแปลงการรับรู้เรื่องราวต่างๆแต่ยุคสมัยก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไปเพราะการเผยแพร่ผลงานต่างๆการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆจะช่วยผู้คนมีการรับรู้ถึงโครงสร้างหรือการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบทางความคิดไม่ว่าจะเป็นสังคมแนวคิดของผู้คนหรือแม้จะเป็นจิตรกรเองก็ตาม

ยุคนี้จึงเป็นยุคแห่งการเผยแพร่ผลงานต่างๆการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตหรือแม้แต่จะเป็นการสร้างสุนทรียภาพในยุคปัจจุบันมีการพัฒนา ผู้คนให้ความสนใจในการเข้ามาสร้างสรรค์เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการทำงานต่างๆหรือไม่เช่นการปรับปรุงรูปแบบงานอยู่ตลอดเวลาผู้คนสามารถเข้าถึงงานศิลปะในยุคปัจจุบันที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น

นี้จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันมีการเผยแพร่งานต่างๆหรือผลงานต่างๆของจิตรกรหรือแม้จะเป็นแนวคิดต่างๆมีการปรับปรุงและมีการพัฒนาอยู่เสมอเพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงแต่ละยุคสมัยหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาโครงสร้างการทำงานก็มีการพัฒนาหรือการปรับปรุงที่เพิ่มมากขึ้น 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

ในการสร้างสรรค์ศิลปะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

สิ่งสำคัญในการสร้างสรรค์ศิลปะก็คือความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการที่ล้ำลฺศเพื่อให้ผลงานของเรานั้นเป็นที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่ได้รับความสนใจ สำหรับการสร้างสรรค์ให้เกิดผลงานนั้นก็มีองค์ประกอบในการสร้างสรรค์ผลงานอยู่ไม่กี่อย่าง ก็จะสามารถทำให้เกิดความสวยงามได้แล้ว

แต่แน่นอนว่าผลงานที่สวยงามในศิลปะนั้นความคิดสร้างสรรค์ถือว่าเป็นองค์ประกอบหลักที่จำเป็นด้วยเช่นกัน ดงันั้นในการสร้างสรรค์ผลงานนั้นหากจะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็จะทำให้ผลงานนั้นไม่สวยงามหรืออาจจะเป็นผลงานที่ไม่ทำให้เกิดความสมบูรร์แบบในศิลปะได้

การจัดองค์ประกอบศิลปะจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะถ้าหากไม่มีการจัดองคืประกอบในศิลปะนั้นผลงานชิ้นนั้นก็จะไม่เป็นไปในสิ่งที่ควรจะเป็น การจัดองค์ประกอบก็แบ่งออกเป็นการจัดองค์ประกอบศิลปะให้มีความสมดุ ความสมดุลนั้นถือว่าเป็นจุดหลักที่สำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เพราะถ้าผลงานนั้นไม่มีความสมดุลก็จะทำให้ศิลปะนั้นเป็นศิลปะที่ไม่สมบูรณ์

และเมื่อมองแล้วก็จะให้ความรู้สึกที่น่าเบื่อ ทำมห้การจัดสมดุลของการสร้างงานศิลปะนั้นเป็นสิ่งแรกที่จะถูกนึกถึง การสร้างสมดุลให้สิลปะนั้นก็คือการสร้างสรรค์ศิลปะที่มีความพอดีกันในทั้งสองด้านหากด้านใดด้านหนึ้งมีขนาดหรือน้ำหนักที่มากกว่าก็ถือว่านั่นไม่ใช่ศิลปะที่มีความสมดุลนั่นเอง

การจัดวางและใช้รูปทรงต่างๆในการสร้างสรรค์ รูปทรงไม่ว่าจะเป็นรูปตรงเรขาคณิตหรือรูปทรงตามธรรมชาติก็ล้วนแต่เป็นรูปทรงที่จำเป็นในการสร้างสรรค์ผลงานทั้งสิ้น ซึ่งรูปทรงเหล่านี้เป็นรูปทรงที่สามารถนำมาต่อกันหรือนำมาเรียงกันให้เกิดเป็นรูปภาพหรือสิ่งต่างๆที่ต้องการส่วนรูปทรงตามธรรมชาตินั้นก็จะหมายถึงรูปทรงที่เราได้เห็นมาจากสิ่งต่างๆรอบตัวเรานั่นเอง เช่นรูปต้นไม้ เป็นต้น ส่วนรูปทรงเรขาคณิตก็ได้แก่ รูปทรงวงกลม รูปทรงสี่เหลี่ยมและรูปทรงสามเหลี่ยมเป็นต้น

การใช้เส้นต่างๆในการสร้างสรรค์ เส้นถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยสื่อสารศิลปะได้อย่างดีว่าการใช้เส้นต่างๆเหล่านี้นั้นผู้สร้างสรรค์หรือศิลปินต้องการสื่อสารหรือต้องการบอกความรู้สึกอย่างไร เส้นนั้นก็มีหลายประเภทว่าจะเป็นเส้นตรงให้คงามรู้สึกมั่นคงและแข็งแรง เส้นโค้งให้ความรู้สึกที่อ่อนไหว เส้นเฉียงให้ความรู้สึกกังวลและสับสนเป็นต้น

การลงสีหรือการใช้สีในการสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่จะบ่งบอกได้อย่างชัดเจนที่สุดว่าผู้สร้างสรรค์หรือศิลปินนั้นต้องการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรออกมาให้ผู้ชมได้รับรู้ เพราะสีนั้นจะเป็นสีที่แสดงความรู้สึกได้ดีที่สุด เช่นสีแดงบ่งบอกถึงความร้อนแรง สีฟ้าให้ความรู้สึกสบายใจ สีดำให้ความรู้สึกหวาดกลัว เป็นต้น

  ซึ่งหากในการสร้างสรรค์ศิลปะผู้สร้างสรรค์และศิลปินนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ใมนผลงานได้อย่างครบถ้วนผลงานชิ้นนั้นจะเป็นผลงานที่ดีและสามารถ่ายทอดความรู้สึกที่ผู้สร้างสรรค์และศิลปินต้องการจะสื่อได้อย่างแน่นอน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   เว็บคาสิโนเปิดใหม่

โกแก็ง จิตรกรเอกของโลก

โกแก็ง จิตรกรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจิตรกรเอกของโลก โดยเขานั้นได้มีการสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจและสวยงามไว้อย่างมากมาย ในครั้งหนึ่งโกแก็งได้เคยกล่าวว่าเขานั้นได้สร้างสรรค์ผลงานและชิ้นงานศิลปะเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อการอโหสิกรรม การขจัดอิทธิพลความศิวิลัยที่เกิดขึ้นในตัวเขา ส่วนศิลปะเพียงหนึ่งเดียวที่เขาอยากจะทำนั้นก็คือศิลปะง่ายๆ

เขาต้องการและอยากที่จะจมดิ่งอยู่กับธรรมชาติที่ยังไม่ได้ถูกรบกวนจากสภาพแวดล้อมผู้คนต่างๆและได้สัมผัสอยู่อยู่กับความดิบเถื่อนและการมีชีวิตอยู่ของสิ่งต่างๆเหล่านั้น ไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วงเรื่องอื่นได้ เพียงแต่ต้องการที่จะสื่อสารออกมาเหมือนกับเด็กน้อยอย่างที่ใจของเขานึกถึง สิ่งที่สามารถช่วยเขาได้เป็นอย่างดีนั้นก็คือแนวทางศิลปะแบบดั้งเดิม แบบที่ใช้สำหรับตัวเขาและเป้นศิลปะที่มีความถูกต้องสำหรับเขา

ผลงานที่โด่งดังและเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมของโกแก็งนั้นก็คือ ผลงานที่มีลัการะเป็นภาพวาดเน้นสีฉูดฉาด โดยภาพวาดนั้นเป็นการสื่อสารและแสดงความรู้สึกนึกคิดออกมาเป็นแบบดั้งเดิม ในภาพวาดนั้นประกอบไปด้วยหญิงสาวสองคนกำลังนั่นอยู่ด้วยกันและร่างกายเปลือยเปล่า หญิงคนหนึ่งในภาพวาดกำลังเป่าขลุ่ย โดยภาพวาดนี้นั้นมีจุดสำคัญหลักๆ

ก็คือผู้หญิงสองคนในภาพที่ร่างกายเปลือยเปล่าและสุนัขที่อยู่เบื้อหน้าของหญิงทั้งสองเป็นสุนัขที่มีลักษณะสีส้มกำลังก้มดมที่พื้นและพฉากหลังมองไปไกลๆเห็นหญิงสามคนกำลังเต้นรำอยู่เบื้อหน้ารูปปั้นที่มีขนาดใหญ่คล้ายกับว่ากัลเต้นเพื่อบวงสรวงเทพเจ้าอะไรสักอย่างอยู่นั่นเอง ซึ่งภาพนี้นั้นเป็นภาพวาดที่เป็นเหมือนการบอกเล่าเรื่องราว

และเหตุการณ์โดยมีการสร้างสรรค์ที่น่าสนใจด้วยการใช้สีที่สดใสทำให้เมื่อมองภานี้แล้วนั้นเข้าใจถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ วิถีชีวิตของคนในยุคยุคหนึ่งได้เป็นอย่างดี และผลงานของเขานั้นโดยส่วนใหญ่นั้นก็จะมีลักษระที่เป็นผลงานเช่นเดียวกันที่จะมีการสื่อสารหรือการถ่ายทอดเรื่องราวออกมาคล้ายกับว่ากำลังจำลองเหตุกรณ์ เล่าเหตุกรณ์หรือการบันทึกเหตุการนั่นเอง

ผลงานของโกแก็งที่ได้รับความนิยมโดยส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการที่เขาได้มีการศึกษาลักษณะต่างๆของตัวบุคคล สัตว์สิ่งของเป็นอย่างดีก่อนที่จะนำสิ่งที่เขานั้นศึกษาไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา รวมถึงอารมณ์ที่ต้องการจะถ่ายทอดนั้นสร้างสรรค์ออกมาเป็นรูปภาพที่สวยงามและนอกจากนี้แล้วในเรื่องของการลงรายละเอียดสีนั้นเขาก็ได้มีการศึกษาสีที่จะลงมาเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน

เขาใช้เวลานานมากในการศึกษาเรื่องเหล่านี้เพื่อที่เขานั้นจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้มีความสวยงาม สมจริงและเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปจากศิลปินคนอื่นๆนั่นเอง เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จึงทำให้ผลงานของเขานั้นมีความแตกต่างและเป็นผลงานที่ผู้พบเห็นก็ต่างจะต้องสนใจและจดจำผลงานของเขาตลอดไปเลยก็ว่าได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   gclub สูตรบาคาร่า

แม่ใจยักษ์เอาลูกไปทิ้ง อ้างไม่มีปัญญาเลี้ยง

เป็นข่าวที่น่าสลดใจช่วงวันเด็กอีกข่าว คือ  เมื่อเช้าวันที่ 12 มกราคม ตำรวจภูธรเมืองลพบุรี ได้รับแจ้งว่า มีเด็กน้อยผู้หญิงอายุประมาณ 2 ขวบได้ถูกผู้เป็นแม่นำมาทิ้งไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์บ้านเด็กจังหวัดลพบุรี จากการสอบสวนนักสังคมสงเคราะห์ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อเช้าขณะที่ตนกำลังนั่งทำงานอยู่ ได้ยินเสียงกดออดดังขึ้น

จึงลุกไปชะโงกหน้าดูที่ประตู พบว่ามีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 2 ขวบ ยืนอยู่ ในมือมีถุงหิ้วที่ใส่เสื้อผ้ากับตุ๊กตาและจดหมายหนึ่งฉบับ  ตนจึงรีบวิ่งออกไปที่หน้าประตู เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังรีบบิดมอเตอร์ไซด์หนีไป เนื้อความในจดหมายบอกประมาณว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่มีปัญญาเลี้ยงดูลูก และสามีใหม่ของเธอก็ไม่อยากรับเลี้ยง

ถ้าลูกอยู่กับเธอคลาดว่าจะไม่ได้เรียนหนังสือ  เธอจึงนำลูกสาวมายกให้สถานสงเคราะห์เป็นผู้ส่งเสียเลี้ยงดู  และตนได้สังเกตเห็นร่องรอยเขียวช้ำตามตัวเด็ก จึงได้มาแจ้งความให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนจะนำตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

เมื่อข่าวดังออกไปทางผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องทำให้ทราบว่าเด็กหญิงสองขวบคนนี้ชื่อว่า น้องออมสิน แม่ของเด็กเป็นคนสุพรรณบุรี ได้ตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซด์จากบ้านที่สุพรรณบุรี พาลูกนั่งซ้อนท้ายเอามาทิ้งไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์บ้านเด็กลพบุรี เนื่องจากอ้างว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก เพราะตอนนี้ตัวเองก็มาอาศัยอยู่กับสามีใหม่และต้องมาเลี้ยงลูกติดของสามีด้วย  ถ้าน้องออมสินอยู่ด้วยคิดว่าคงไม่มีปัญญาส่งเรียนหนังสือ อีกอย่างตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้ายกลัวว่าสักวันอาจตีลูกถึงตายได้   

ด้านพ่อแท้ๆของน้องออมสินก็ติดต่อเข้ามาว่าได้เห็นข่าวน้องก็ตกใจไม่คิดว่าแม่เค้าจะเอาเค้ามาทิ้งได้ ผู้สื่อข่าวเลยถามกลับไปว่า แล้วคุณพ่อจะเอายังไงจะเอาน้องกลับไปเลี้ยงไหม ตัวพ่อเองก็รีบปฏิเสธเลยว่าคงเอาไปเลี้ยงไม่ได้หรอกครับเพราะผมเองก็ฐานะทางบ้านไม่ดีอีกอย่างตอนนี้ก็มีครอบครัวใหม่และมีลูกใหม่ต้องเลี้ยงดูแล้ว

ได้ฟังทั้งพ่อและแม่น้องพูดแล้วสรุปไม่มีใครต้องการเอาน้องไปเลี้ยงเลยสักคน น่าสงสารเนอะ ตอนที่มีอะไรกันไม่รู้จักป้องกันปล่อยให้ท้องจนเด็กเกิดมาก็ไม่มีปัญญาเลี้ยงกลายเป็นภาระของสังคมอีก เท่าที่ดูข่าวด้วยความเป็นเด็กน้องยังวิ่งเล่นร่าเริงดีคงไม่รู้ว่าโดนพ่อแม่เอามาทิ้ง แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วเพราะตอนนี้น้องออมสินได้เข้าไปอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์บ้านเด็กเรียบร้อยแล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   ufabet

ความลับจาก The Vitruvian Man

ลีโอนาร์โด ดาวินชี่นั้นเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงก้องโลกและมีผลงานหลายชิ้นของเขาได้รับความนิยมและยังคงเป็นสิ่งที่มีการพูดถึงอยู่ในทุกยุคทุกสมัย เนื่องจากผลงานของเขาที่มีความสวยงาม โดดเด่นและมีความเป็นเอกลักาณ์ยากที่จะหาใครเปรียบ และไม่เพียงแค่ความสวยงามของผลงานเท่านั้นที่ทำให้คนทั้งโลกนั้นสนใจ

แต่ความลึกลับในการสร้างสรรค์ผลงานของเขานั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนทั้งโลกนั้นสนใจในการสร้างสรรค์ของเขาไม่น้อยเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่แล้วผลงานที่ดาวินชี่นั้นมีการสร้างสรรค์มักจะมีสิ่งที่มีความหมายแฝงหรือสิ่งที่เหมือนเป็นความลับที่เขานั้นไม่สามารถพูดออกมาได้

ทำให้เขานั้นมีการถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นออกมาทางภาพวาดของเขานั้นเอง เพราะภาพวาดของดาวินชี่นั้น ล้วนเป็นภาพวาดที่ดูแล้วมีความลึกลับซ่อนอยู่เสมอ และเป็นภาพวาดที่ใรบางครั้งทำให้เกิดความสงสัยว่า จริงๆแล้วนั้นดสวินชี่สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อจะสื่อสารอะไรกับผู้พบเก็นกันแน่

ซึ่งผลงานของดาวินชี่นั้นมีผลงานมากมาย เพราะจากภาพวาดโมนาลิซ่าที่ถือว่าเป็นภาพสุดยอกของโลกเพราะไม่ว่าจะในยุคด ภาพวาดนี้ก็ยังคงเป็นสิ่งที่พูดถึงอยู่เสมอ ไม่เพียงด้วยความสวยงามแต่มีความลึกลับซ่อนอยู่นั่นเอง และอย่างที่บอกไปในข้างต้นว่าภาพวาดของดาวินชี่นั้นล้วนเป็นภาพที่ไม่ธรรมดาเลย

เพราะล้วนเป็นภาพที่หเมือนจะมีอะไรแฝงอยู่ในภาพนั่นเอง และภาพที่ถือว่าเป็นภาพที่โด่งดังไปทั่วโลกเช่นกันก็คือ ภาพ The Vitruvian Man นั่นเอง โดยภาพวาดนี้นั้นเป็นภาพวาดร่างกายของมนุษย์และเป็นมนุษย์ที่มีลักษณะเป็นผู้ชายและมีการเปลือยร่างและแยกแขนแยกขา ภาพวาดนี้นั้นถูดชกยกย่องให้เป็นภาพวาดที่มีความถูกต้องที่สุดในเรื่องของสรีระร่างกายมนุษย์ด้วยนั่นเอง

และภายในภาพวาดนี้นั้น ร่างกายมนุษย์ในภาพถูกล้อมไปด้วยกรอบสี่เหลี่ยมและงกลม แต่สรีระนั้นไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งยื่นเลยออกมาจากสี่เหลี่ยมหรือวงกลมเลยนั่นเอง และโดยรอบวงกลมและกรอบสี่เหลี่ยมนั้นยังเต็มไปด้วยตัวอักษรโดยการบันทึกของเขานั้นเป็นการบันทึกที่มีลักษณะที่แปลกมาก เพราะเขาได้บันทึกตัวอักษรในลักษณะกลับด้าน โดยในข้อความนั้นระบุไว่ว่า การวาดภาพนี้ขึ้นมานั้นเป็นเพียงการทดลองและจำลองสรีระร่างกายของมนุษย์เท่านั้น 

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีคนลองวาดภาพเพื่อศึกษาสรีระร่างกายมนุษย์หลายคนแต่ก็ไม่สามารถวาดได้สำเร็จเพราะการวาดสรีระนั้นเป็นการวาดคนยัดลงไปในสี่เหลี่ยมจตุรัสที่อยู่ในรัศมีของวงกลมนั่นเอง โดยของดาวินชี่นั้นเป็นภาพวาดที่มี่วนประกอบที่ถูกต้องของสรีระมนุษย์แต่ของคนอื่นนั้นพบว่าเมื่อวาดเช่นนี้แล้ว

สรีระและส่วนประกอบของร่างกายมีความผิดแปลกออกไปจากความเป็นจริงนั่นเอง จึงทำให้ภาพนี้นั้น เป็นอีกหนึ่งภาพที่ได้รับความนิยมและเป็นภาพวาดที่ทำให้หลายคนนั้นได้รู้จักกับศิลปินแห่งยุคอย่างลีโอนาร์โด ดาวินชีคนนี้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย   www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

ตำนานค่ายลูกเสือที่จังหวัดระยอง

       สำหรับเรื่องราวตำนานค่ายลูกเสือที่จังหวัดระยองนั้นเป็นตำนานเกี่ยวกับวิญญาณของเด็กชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตตอนที่เขามาเข้าค่ายลูกเสือแห่งนี้ซึ่งเรื่องราวน่ากลัวนี้ถูกเล่าขานต่อๆกันมาและถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในเรื่องวันหมาหอนที่ค่ายลูกเสือโดยเรื่องราวนี้มีการเล่าลือกันว่าที่ค่ายลูกเสือแห่งนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยองโดยมีการก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2517

  โดยเป็นการเปิดให้ลูกเสือมาเข้าค่ายที่นี่เป็นครั้งแรกซึ่งมีการเล่าว่าในการเข้าค่ายครั้งนั้นมีเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งหายออกไปจากค่ายลูกเสือและเมื่อมีการตามหาก็ไม่พบเด็กชายคนดังกล่าวซึ่งในบริเวณค่ายลูกเสือนั้นมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาร่างเพราะคิดว่าเด็กชายคนดังกล่าวนั้นอาจจะเสียชีวิตจากการจมน้ำจึงได้มีการสูบน้ำออกจากหนองน้ำแห่งนั้น

แต่ก็ไม่พบร่างของเด็กชายคนดังกล่าวเลยจนในที่สุดค่ายลูกเสือดังกล่าวก็ถูกปิดตัวลงและที่บริเวณหน้าค่ายลูกเสือได้มีการสร้างอนุสรณ์เป็นรูปปั้นเด็กชายที่แต่งกายคล้ายชุดลูกเสือยืนถือไม้พองอยู่และมีการระบุกำกับไว้ด้วยว่าตั้งขึ้นเมื่อปี 2517 สำหรับเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดขึ้นเมื่อมีโรงเรียนแห่งหนึ่งพาเด็กนักเรียนมาเข้าค่ายที่ลูกเสือแห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง

โดยความน่ากลัวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลากลางคืนเมื่อเด็กนักเรียนเริ่มจัดกิจกรรมก่อกองไฟได้มีเด็กนักเรียนหายไปจำนวน 2 คนซึ่งทุกคนก็พยายามออกตามหาจนรุ่งเช้าจึงมาพบเด็กชายทั้งสองคนนั้นอยู่กันคนละที่โดยคนนึงนั้นอยู่ฐานซึ่งขุดไว้เป็นอุโมงโดยเด็กชายมีลักษณะอยู่ในอาการหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลาจนเด็กชายอีกคนหนึ่งนั้นไปอยู่ที่โบสถ์

โดยเด็กชายทั้งสองคนเล่ากันตรงกันว่าพวกเขานั้นเห็นเด็กชายคนหนึ่งซึ่งแต่งกายคล้ายด้วยชุดลูกเสือโดยอ้างตนว่าเป็นรุ่นพี่มาชักชวนให้ไปเล่นผูกคอตายแต่โชคดีที่มีตากับยายคู่หนึ่งมาบอกให้พวกเขานั้นไปซ่อนตัวไว้ในโบสถ์ส่วนอีกคนหนึ่งถูกนำมาซ่อมตัวไว้ที่ฐานอุโมงค์ทำให้พวกเขานั้นไม่ถูกรุ่นพี่คนดังกล่าวพาไปแต่คนที่นำไปซ่อนตัวไว้ที่โบถส์นั้นได้เล่าว่าระหว่างที่เขานั่งรออยู่ในโบสถ์จนกว่าจะถึงเช้าตามที่ตากับยายสั่งนั้น

เขาได้มองออกมาที่นอกโบสถ์ยังเห็นว่ารุ่นพี่ที่แต่งชุดลูกเสือยังคงเดินวนเวียนอยู่รอบๆโบสถ์จนถึงเช้าเลยทีเดียว ส่วนเด็กนักเรียนคนอื่นก็แล้วกันว่าในช่วงเวลาที่อยู่ในการพักค่ายลูกเสือนั้นเวลากลางคืนที่ทุกคนต่างก็นอนหลับพักผ่อนอยู่ในเต็นท์ของตนเองปรากฏว่ามีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งพวกเขาเองไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนได้คลานเข้ามานอนในเต็นท์ของพวกเขาด้วย

โดยร่างกายของเด็กชายคนนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำซึ่งเรื่องราวนี้ได้มีการเล่าขานต่อๆกันมาสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนเป็นจำนวนมากจนไม่มีใครกล้าที่จะมาเข้าค่ายลูกเสือแห่งนี้กันอีกเลยจนในที่สุดสถานที่เข้าค่ายลูกเสือแห่งนี้ก็ต้องปิดตัวลง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   จีคลับ ผ่านมือถือ

ตํานานวันวาเลนไทน์

         สำหรับเรื่องเล่าตำนานของวันวาเลนไทน์นั้นเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่สมัยคริสตศักราช 300 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่โลกยังคงมีการทำศึกสงครามกันอยู่เรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องของวันวาเลนไทน์นั้นเกิดขึ้นที่กรุงโรมซึ่งในสมัยนั้นเป็นสมัยของพระเจ้าคลอดิอุสที่สอง ซึ่งในช่วงนั้นพระองค์กฐินกับถุงมือในการทำศึกสงครามเป็นอย่างมากมักจะเกณฑ์ไพล่พลที่เป็นผู้ชายเพื่อไปทำศึกสงคราม 

และแน่นอนว่าผู้ชายเหล่านั้นบางคนก็เป็นคนโสดและบางคนก็มีครอบครัวซึ่งคนที่มีครอบครัวอยู่แล้วก็มักจะไม่อยากจากครอบครัวของตนเองไปเพราะอยากอยู่กับคนรักทำให้ พระเจ้าคลอดิอุสที่สอง ทรงไม่พอพระทัยเป็นอย่างมากถึงขนาดต้องมีการประกาศออกมาว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปห้ามมีการจัดการแต่งงานเกิดขึ้น

จนกว่าจะมีการทำศึกสงครามแล้วเสร็จซึ่งการประกาศเช่นนี้สร้างความเสียใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหนุ่มสาวที่เป็นคู่รักกันและหวังจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างไรก็ตามในช่วงเวลานั้นได้มีบาทหลวงคนหนึ่งซึ่งเขามีชื่อว่าวาเลนไทน์บาทหลวงคนนี้เมื่อได้ฟังคำประกาศของพระราชาแล้วก็เกิดรู้สึกว่าคำประกาศนี้ไม่มีความเป็นธรรมให้กับประชาชนและเขาสงสารหนุ่มสาวที่รักกันจึงได้แอบจัดงานแต่งงานให้กับหนุ่มสาวอยู่หลายคู่จนในที่สุดก็ถูก พระเจ้าคลอดิอุสที่สอง  จับได้ว่านักบวชวาเลนไทน์นั้นเป็นคนที่แอบจัดงานแต่งงานให้กับหนุ่มสาวพระองค์จึงได้สั่งให้ทหารจับคุมนักบวชวาเลนไทน์มาขังไว้ในคุก

ซึ่งในสมัยนั้นนักบวชถือได้ว่ามีความรู้ที่จะสามารถรักษาคนป่วยได้ด้วยซึ่งทางด้านผู้คุมขังที่ดูแลนักบวชวาเลนไทน์อยู่นั้นมีลูกสาวอยู่ 1 คนเธอป่วยเป็นโรคตาบอดเขาจึงได้ขอร้องให้นักบวชวาเลนไทน์นั้นช่วยรักษาอาการให้กับลูกสาวของเขาซึ่งนักบวชวาเลนไทน์สามารถรักษาอาการของหญิงสาวคนดังกล่าวจนหายขาดจากอาการตาบอดและระหว่างที่มีการรักษาอาการตาบอดกันนั้น

ก็เกิดความรักขึ้นระหว่างนักบวชวาเลนไทน์กับหญิงสาวแต่อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้วนักบวช Valentine ก็จะต้องถูกประหารชีวิตก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตนั้นเขาได้มีการส่งจดหมายไปบอกรักหญิงสาวคนดังกล่าวซึ่งในจดหมายนั้นเขาได้มีการลงชื่อไว้ตอนท้ายว่า from your Valentine

โดยข้อความในจดหมายนั้นมีการเขียนเอาไว้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ซึ่งตรงกับวันที่นักบวชวาเลนไทน์นั้นถูกฆ่าตายทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนต่างก็สรรเสริญนักบวชวาเลนไทน์จึงได้มีการจัดเทศกาลวันวาเลนไทน์ขึ้นโดยจะยึดเอาวันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันเสียชีวิตของนักบวชวาเลนไทน์รวมถึงวันที่นักบวชวาเลนไทน์ได้สารภาพรักกับหญิงสาวมาเป็นวันที่บอกรักให้กับผู้รับของตนเองในปัจจุบันนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง

Okiku ตุ๊กตาของประเทศญี่ปุ่น

     เรื่องราวที่จะเล่าดังต่อไปนี้เป็นเรื่องราวความเชื่อตำนานของประเทศญี่ปุ่นที่มีการเล่าขานกันสืบมาซึ่งเรื่องราวนี้ยังคงมีการพูดถึงกันอยู่โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่หมู่บ้านคุริซาว่า  ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัด ฮอกไกโดหลายคนอาจจะไม่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องของตำนานนี้แต่ว่าถ้าหากคุณไม่เชื่อคุณสามารถเดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งนี้และไปชมตุ๊กตาตัวนี้ได้เพราะปัจจุบันนั้นตุ๊กตาตัวนี้ยังคงมีอยู่

      สำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องตุ๊กตา Okiku นั้นว่ากันว่าตุ๊กตาตัวนี้เป็นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Okiku ซึ่งเด็กสาวรักตุ๊กตาตัวนี้ของเธอมากเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม Okikuมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเธอก็เสียชีวิตลงเนื่องจากว่าเธอนั้นได้ล้มป่วยโดยตอนที่เธอเสียชีวิตนั้นเธอมีอายุแค่เพียง 3 ขวบเท่านั้นหลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอได้ทำพิธีฝังศพให้กับเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเขาได้นำตุ๊กตาตัวนี้ไปวางไว้ที่หลุมฝังศพของเธอด้วย

เนื่องจากว่าพ่อกับแม่ของเธอนั้นรู้ดีว่าเธอรักตุ๊กตาตัวนี้ของเธอมากแค่ไหนนั่นเอง โดยพวกเขาหวังว่าตุ๊กตาตัวดังกล่าวจะคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้กับวิญญาณของลูกสาวของพวกเขาแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นและเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ใจจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อตุ๊กตาตัวดังกล่าวที่ถูกวางไว้ตรงบริเวณหลุมศพของเด็กหญิงOkiku นั้น

จะมีผมยาวขึ้นเรื่อยๆด้วยการยาวของเส้นผมนั้นเป็นการยาวแบบธรรมชาติเหมือนเส้นผมของคนเราไม่ได้ยาวเร็วผิดปกติแต่อย่างไรซึ่งหลายคนก็สงสัยกันว่าสาเหตุใดตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิตจิตใจจึงมีเส้นผมที่สามารถยาวออกเรื่อยๆได้เหมือนกับเส้นผมของคนปัจจุบันตุ๊กตาตัวนี้ยังคงมีอยู่โดยถูกวางทิ้งไว้อยู่ที่วัดมันเนน  ซึ่งวัดแห่งนี้จะอยู่ที่จังหวัดฮอกไกโดโดยอยู่ที่อำเภอจิและแน่นอนว่าถ้าหากคุณอยากจะไปทำพิสูจน์ว่าตุ๊กตาตัวนี้มีผมยาวจริงหรือไม่คุณสามารถไปท้าพิสูจน์ได้ที่หมู่บ้านคุริซาว่า 

    สำหรับเรื่องเล่าตำนานความเชื่อนี้ยังเป็นสิ่งลึกลับที่ใครก็ยังไม่สามารถหาคำตอบให้ได้ ยังไงก็แล้วแต่ตำนานเกี่ยวกับเรื่องของตุ๊กตาผมยาวนี้ปัจจุบันไม่ค่อยมีการพูดถึงกันมากนักและยังไม่มีใครบอกได้ว่าปัจจุบันตุ๊กตาตัวดังกล่าวยังคงผมยาวอยู่หรือไม่ซึ่งถ้าหากใครอยากจะไปพิสูจน์ด้วยตนเองก็สามารถเดินทางไปได้ เผื่อจะได้รู้คำตอบว่าผมที่ยาวขึ้นมานั้น เกิดขึ้นมาจากอะไรนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  UFABET เว็บหลัก

เด็กหญิงวัย 9 ขวบถูกเตะสลบคาที่

เด็กหญิงวัย 9 ขวบถูกเตะสลบคาที่สาเหตุเพราะไปปาก้อนหินใส่หัวเด็กอีกคนหัวแตก

                        ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีเหตุการณ์ที่น่าตกใจเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ชายอายุประมาณ 29 ปีซึ่งเป็นวัยที่กำลังมีร่างกายที่แข็งแรงได้มีการเตะไปที่ใบหน้าของเด็กหญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 9 ปี ซึ่งเด็กหญิงคนดังกล่าวถูกแต่ไปที่ใบหน้า 1 ครั้งถึงจะสลบทันทีแล้วเมื่อพาส่งโรงพยาบาลก็พบว่าเด็กหญิงมีอาการหน้าบวม  ฟันร้าว  กรามโยก  ซึ่งอาการของเด็กนั้นสลบตั้งแต่ตอนที่ถูกเตะครั้งแรกหลังจากที่มีการเรียกรถพยาบาลมารับตัวไปส่งโรงพยาบาลเด็กก็ยังไม่ฟื้นไปฟื้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีการนำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์ลง Facebook

ตอนนี้การถ่ายรูปของเด็กอายุ 9 ขวบขณะที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนั้นเด็กยังอยู่ในอาการสงบอยู่โดยหลายคนก็พากันสงสัยว่าเหตุใดชายอายุ 29 ปีคนดังกล่าวถึงได้ทำรุนแรงกับเด็กหญิงอายุเพียงแค่ 9 ขวบอย่างนี้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เดือนเมษายน ปี พ.ศ.2563  ซึ่งทางนักข่าวได้ลงติดตามผลโดยเดินทางไปที่บ้านของเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ

ซึ่งในขณะนี้เด็กหญิง 9 ขวบได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้วแต่เด็กยังมีอาการหวาดผวาอยู่เจอนักข่าวได้คุยกับพ่อของเด็กแล้วคุณพ่อของทางเด็กได้ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 เดือนเมษายน ซึ่งตอนนั้นลูกสาวของตนเองกำลังเล่นอยู่กับเพื่อนๆประมาณ 10 คนเลยพากันเล่นอยู่แถวสนามฟุตบอลของหมู่บ้านที่อยู่ข้างๆโรงเรียน ซึ่งลูกสาวได้เล่าให้ฟังว่าตอนแรกก็เล่นกันอยู่ดีๆแล้วก็เกิดมีเรื่องโต้เถียงกันจึงทำให้เด็กทั้ง 10 คนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลังจากที่ทะเลาะกันก็ได้มีการนำก้อนหินมาขว้างปาใส่กัน

ทีนี้เด็กหญิงอายุ 9 ขวบก็หยิบก้อนหินขว้างไปที่ฝั่งตรงข้ามเหมือนกันแต่ก็เห็นไปโดนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอายุแค่เพียง 7 ขวบเท่านั้นเลยก้อนหินไปโดนที่ศรีษะทำให้เลือดไหลเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์จึงได้พากันวิ่งไปฟ้องพ่อของเด็กอายุ 7 ขวบเป็นข้อของเด็กคนดังกล่าวกำลังเตะฟุตบอลอยู่ใกล้ๆกันนั้นเองเมื่อชายอายุ 29 ปีเดินทางมาถึงเห็นลูกสาวตนเอง

หัวแตกก็ถามถึงคนที่ทำร้ายลูกเพราะเด็กๆพากันชี้ตัวเด็กหญิงอายุ 9 ขวบชายคนที่อายุ 29 ปีก็เตะเข้าไปที่ใบหน้าของเด็กทันที 1 ครั้งทำให้เด็กสลบ และคนที่เตะบอลอยู่กับชายวัย 29 ปีพาตัวเด็กส่งโรงพยาบาลและก็มีคนไปแจ้งครอบครัวของเด็กอายุ 9 ขวบทำให้คนเป็นแม่รีบๆมาดูส่วนคนเป็นพ่อนั้นก็ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจให้เอาเรื่องชายอายุ 29 ปีให้ถึงที่สุดพี่ทำร้ายเด็กจนถึงกับสลบเจอคนเป็นแม่เองก็ได้บอกผู้สื่อข่าวว่ารู้สึกเสียใจมาก

ที่ไม่เห็นสภาพรูปแบบนั้นตอนแรกคิดว่าลูกอาจจะไม่รอดแล้วแต่ยังโชคดีที่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วลูกฟื้นขึ้นมา ซึ่งครอบครัวของเด็กอายุ 9 ขวบรู้สึกโกรธคนทีทำมากเพราะครอบครัวทั้งสองฝั่งก็รู้จักกัน แต่ไม่น่าจะทำกับเด็กหนักขนาดนี้ 

 

 

สนับสนุนโดย   จีคลับ มือถือ

ตำนานผีช้ำรัก คาร์ล พรุอิทท์

           มีตำนานเรื่องเล่าของผู้ชายคนหนึ่ง  เขาชื่อว่า  คาร์ล พรุอิทท์ เรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิตของคาร์ล พรุอิทท์ ได้มีการพูดถึงความรักของเขาและภรรยาโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปีคริสต์ศักราช 1938 โดยมีอยู่วันหนึ่ง คาร์ล พรุอิทท์ ที่เดินทางออกไปทำธุระนอกบ้านได้เดินทางกลับมาถึงบ้านโดยที่ภรรยาของเขาไม่รู้ตัวมาก่อนเมื่อเขามาถึงที่บ้านก็พบว่าภรรยาของเขากำลังนอกใจและอยู่กับชายชู้คนหนึ่งด้วยความโมโห คาร์ล พรุอิทท์

จึงได้เดินไปหยิบโซ่ขนาดใหญ่มาแล้วรัดคอภรรยาของเขาส่วนชายชุดนั้นก็ได้วิ่งหนีหายไป และเมื่อ อารมณ์โมโหได้ผ่อนคลายลงเขาก็พบว่าเขาได้ฆ่าภรรยาของเขาเสียชีวิตไปเสียแล้วและด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเองได้ก่อขึ้นเขาจึงได้ฆ่าตัวตายตามภรรยาของเขาไป

หลังจากที่เขาฆ่าตัวตายชาวบ้านก็พากันนำร่างของเขาและภรรยาไปฝังแต่บังเอิญว่าชาวบ้านได้ฝังคาร์ล พรุอิทท์ และ ภรรยาของเขาคนละสุสานซึ่งชาวบ้านต่างก็บอกกันว่าหากอยากรู้ว่าหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ เป็นหลุมไหนให้สังเกตที่หลุมฝังศพให้ดีเพราะจะมีโซ่ผูกติดเอาไว้ด้วย ตำนานเล่าถึงที่มาของโซ่เส้นดังกล่าวว่าหลังจากที่คาร์ล พรุอิทท์ เสียชีวิตและถูกฝังเอาไว้แล้วมีคนต้องตายจากวิญญาณของคาร์ล พรุอิทท์

โดยพวกเขาเชื่อว่าวิญญาณของคาร์ล พรุอิทท์ เป็นวิญญาณร้ายโดยมีเรื่องเล่าว่ามีเด็กชายคนหนึ่งได้ขี่จักรยานผ่านมาบริเวณสุสานและเด็กชายคนดังกล่าวได้เอาก้อนหินปาไปที่หลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ หลังจากนั้นรถจักรยานที่เด็กชายขี่อยู่ก็เกิดควบคุมไม่ได้สุดท้ายรถก็ล้มและที่น่าแปลกก็คือโซ่ที่คล้องตรงล้อจักรยานหลุดออกมาและมันไปพันคอเด็กชายจนถึงแก่ความตาย 2 สัปดาห์ต่อมาแม่ของเด็กชายได้นำขวานมาที่หลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์

และเธอได้พังสุสานของคาร์ล พรุอิทท์ จน ฟังเสียหายหลังจากนั้นเธอก็กลับมาบ้านและมาตากผ้าแต่อยู่ดีๆเชื่อเราตากผ้าของเธอก็หลุดและมาพันที่คอของเธอจนเธอนั้นเสียชีวิต ซึ่งเชือกราวตากผ้าที่พันคอหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นมีลักษณะเป็นโซ่ คล้ายกับโซ่ของหลุมฝังศพของ คาร์ล พรุอิทท์ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ พวกเขากลับไม่พบว่าหลุมฝังศพนั้นเกิดความเสียหายจากการถูกทำลายเลยเพราะหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ ยังคงอยู่ปกติเหมือนเดิม หลังจากนั้นชาวบ้านก็ช่วยกันทำพิธีล้างป่าช้าขุดเอาศพไปทำพิธีทางศาสนาหมด

ยกเว้นหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ ที่ชาวบ้านไม่ได้ไปยุ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาที่ดินคืนนั้นก็ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าและมีเพียงหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ ที่อยู่ที่นั้นอยู่กลุ่มเดียวจนในปี 1950 ก็ได้มีการพัฒนาที่ดินตรงบริเวณนั้นโดยมีการขุดถมที่ดินใหม่และสุสานของคาร์ล พรุอิทท์ก็ถูกขุดออกไปทำร้ายด้วยเช่นเดียวกันแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเกิดขึ้นซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าน่าจะเป็นไปได้ว่าวิญญาณของคาร์ล พรุอิทท์ ได้ไปเกิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  gclub casino online มือถือ