แม่ใจยักษ์เอาลูกไปทิ้ง อ้างไม่มีปัญญาเลี้ยง

เป็นข่าวที่น่าสลดใจช่วงวันเด็กอีกข่าว คือ  เมื่อเช้าวันที่ 12 มกราคม ตำรวจภูธรเมืองลพบุรี ได้รับแจ้งว่า มีเด็กน้อยผู้หญิงอายุประมาณ 2 ขวบได้ถูกผู้เป็นแม่นำมาทิ้งไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์บ้านเด็กจังหวัดลพบุรี จากการสอบสวนนักสังคมสงเคราะห์ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อเช้าขณะที่ตนกำลังนั่งทำงานอยู่ ได้ยินเสียงกดออดดังขึ้น

จึงลุกไปชะโงกหน้าดูที่ประตู พบว่ามีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 2 ขวบ ยืนอยู่ ในมือมีถุงหิ้วที่ใส่เสื้อผ้ากับตุ๊กตาและจดหมายหนึ่งฉบับ  ตนจึงรีบวิ่งออกไปที่หน้าประตู เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังรีบบิดมอเตอร์ไซด์หนีไป เนื้อความในจดหมายบอกประมาณว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวไม่มีปัญญาเลี้ยงดูลูก และสามีใหม่ของเธอก็ไม่อยากรับเลี้ยง

ถ้าลูกอยู่กับเธอคลาดว่าจะไม่ได้เรียนหนังสือ  เธอจึงนำลูกสาวมายกให้สถานสงเคราะห์เป็นผู้ส่งเสียเลี้ยงดู  และตนได้สังเกตเห็นร่องรอยเขียวช้ำตามตัวเด็ก จึงได้มาแจ้งความให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนจะนำตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

เมื่อข่าวดังออกไปทางผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องทำให้ทราบว่าเด็กหญิงสองขวบคนนี้ชื่อว่า น้องออมสิน แม่ของเด็กเป็นคนสุพรรณบุรี ได้ตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซด์จากบ้านที่สุพรรณบุรี พาลูกนั่งซ้อนท้ายเอามาทิ้งไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์บ้านเด็กลพบุรี เนื่องจากอ้างว่าไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก เพราะตอนนี้ตัวเองก็มาอาศัยอยู่กับสามีใหม่และต้องมาเลี้ยงลูกติดของสามีด้วย  ถ้าน้องออมสินอยู่ด้วยคิดว่าคงไม่มีปัญญาส่งเรียนหนังสือ อีกอย่างตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้ายกลัวว่าสักวันอาจตีลูกถึงตายได้   

ด้านพ่อแท้ๆของน้องออมสินก็ติดต่อเข้ามาว่าได้เห็นข่าวน้องก็ตกใจไม่คิดว่าแม่เค้าจะเอาเค้ามาทิ้งได้ ผู้สื่อข่าวเลยถามกลับไปว่า แล้วคุณพ่อจะเอายังไงจะเอาน้องกลับไปเลี้ยงไหม ตัวพ่อเองก็รีบปฏิเสธเลยว่าคงเอาไปเลี้ยงไม่ได้หรอกครับเพราะผมเองก็ฐานะทางบ้านไม่ดีอีกอย่างตอนนี้ก็มีครอบครัวใหม่และมีลูกใหม่ต้องเลี้ยงดูแล้ว

ได้ฟังทั้งพ่อและแม่น้องพูดแล้วสรุปไม่มีใครต้องการเอาน้องไปเลี้ยงเลยสักคน น่าสงสารเนอะ ตอนที่มีอะไรกันไม่รู้จักป้องกันปล่อยให้ท้องจนเด็กเกิดมาก็ไม่มีปัญญาเลี้ยงกลายเป็นภาระของสังคมอีก เท่าที่ดูข่าวด้วยความเป็นเด็กน้องยังวิ่งเล่นร่าเริงดีคงไม่รู้ว่าโดนพ่อแม่เอามาทิ้ง แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วเพราะตอนนี้น้องออมสินได้เข้าไปอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์บ้านเด็กเรียบร้อยแล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   ufabet

Okiku ตุ๊กตาของประเทศญี่ปุ่น

     เรื่องราวที่จะเล่าดังต่อไปนี้เป็นเรื่องราวความเชื่อตำนานของประเทศญี่ปุ่นที่มีการเล่าขานกันสืบมาซึ่งเรื่องราวนี้ยังคงมีการพูดถึงกันอยู่โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่หมู่บ้านคุริซาว่า  ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัด ฮอกไกโดหลายคนอาจจะไม่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องของตำนานนี้แต่ว่าถ้าหากคุณไม่เชื่อคุณสามารถเดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งนี้และไปชมตุ๊กตาตัวนี้ได้เพราะปัจจุบันนั้นตุ๊กตาตัวนี้ยังคงมีอยู่

      สำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องตุ๊กตา Okiku นั้นว่ากันว่าตุ๊กตาตัวนี้เป็นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Okiku ซึ่งเด็กสาวรักตุ๊กตาตัวนี้ของเธอมากเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม Okikuมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเธอก็เสียชีวิตลงเนื่องจากว่าเธอนั้นได้ล้มป่วยโดยตอนที่เธอเสียชีวิตนั้นเธอมีอายุแค่เพียง 3 ขวบเท่านั้นหลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอได้ทำพิธีฝังศพให้กับเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเขาได้นำตุ๊กตาตัวนี้ไปวางไว้ที่หลุมฝังศพของเธอด้วย

เนื่องจากว่าพ่อกับแม่ของเธอนั้นรู้ดีว่าเธอรักตุ๊กตาตัวนี้ของเธอมากแค่ไหนนั่นเอง โดยพวกเขาหวังว่าตุ๊กตาตัวดังกล่าวจะคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้กับวิญญาณของลูกสาวของพวกเขาแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นและเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ใจจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อตุ๊กตาตัวดังกล่าวที่ถูกวางไว้ตรงบริเวณหลุมศพของเด็กหญิงOkiku นั้น

จะมีผมยาวขึ้นเรื่อยๆด้วยการยาวของเส้นผมนั้นเป็นการยาวแบบธรรมชาติเหมือนเส้นผมของคนเราไม่ได้ยาวเร็วผิดปกติแต่อย่างไรซึ่งหลายคนก็สงสัยกันว่าสาเหตุใดตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิตจิตใจจึงมีเส้นผมที่สามารถยาวออกเรื่อยๆได้เหมือนกับเส้นผมของคนปัจจุบันตุ๊กตาตัวนี้ยังคงมีอยู่โดยถูกวางทิ้งไว้อยู่ที่วัดมันเนน  ซึ่งวัดแห่งนี้จะอยู่ที่จังหวัดฮอกไกโดโดยอยู่ที่อำเภอจิและแน่นอนว่าถ้าหากคุณอยากจะไปทำพิสูจน์ว่าตุ๊กตาตัวนี้มีผมยาวจริงหรือไม่คุณสามารถไปท้าพิสูจน์ได้ที่หมู่บ้านคุริซาว่า 

    สำหรับเรื่องเล่าตำนานความเชื่อนี้ยังเป็นสิ่งลึกลับที่ใครก็ยังไม่สามารถหาคำตอบให้ได้ ยังไงก็แล้วแต่ตำนานเกี่ยวกับเรื่องของตุ๊กตาผมยาวนี้ปัจจุบันไม่ค่อยมีการพูดถึงกันมากนักและยังไม่มีใครบอกได้ว่าปัจจุบันตุ๊กตาตัวดังกล่าวยังคงผมยาวอยู่หรือไม่ซึ่งถ้าหากใครอยากจะไปพิสูจน์ด้วยตนเองก็สามารถเดินทางไปได้ เผื่อจะได้รู้คำตอบว่าผมที่ยาวขึ้นมานั้น เกิดขึ้นมาจากอะไรนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  UFABET เว็บหลัก

เด็กหญิงวัย 9 ขวบถูกเตะสลบคาที่

เด็กหญิงวัย 9 ขวบถูกเตะสลบคาที่สาเหตุเพราะไปปาก้อนหินใส่หัวเด็กอีกคนหัวแตก

                        ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีเหตุการณ์ที่น่าตกใจเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ชายอายุประมาณ 29 ปีซึ่งเป็นวัยที่กำลังมีร่างกายที่แข็งแรงได้มีการเตะไปที่ใบหน้าของเด็กหญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 9 ปี ซึ่งเด็กหญิงคนดังกล่าวถูกแต่ไปที่ใบหน้า 1 ครั้งถึงจะสลบทันทีแล้วเมื่อพาส่งโรงพยาบาลก็พบว่าเด็กหญิงมีอาการหน้าบวม  ฟันร้าว  กรามโยก  ซึ่งอาการของเด็กนั้นสลบตั้งแต่ตอนที่ถูกเตะครั้งแรกหลังจากที่มีการเรียกรถพยาบาลมารับตัวไปส่งโรงพยาบาลเด็กก็ยังไม่ฟื้นไปฟื้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีการนำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์ลง Facebook

ตอนนี้การถ่ายรูปของเด็กอายุ 9 ขวบขณะที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนั้นเด็กยังอยู่ในอาการสงบอยู่โดยหลายคนก็พากันสงสัยว่าเหตุใดชายอายุ 29 ปีคนดังกล่าวถึงได้ทำรุนแรงกับเด็กหญิงอายุเพียงแค่ 9 ขวบอย่างนี้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เดือนเมษายน ปี พ.ศ.2563  ซึ่งทางนักข่าวได้ลงติดตามผลโดยเดินทางไปที่บ้านของเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ

ซึ่งในขณะนี้เด็กหญิง 9 ขวบได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้วแต่เด็กยังมีอาการหวาดผวาอยู่เจอนักข่าวได้คุยกับพ่อของเด็กแล้วคุณพ่อของทางเด็กได้ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 เดือนเมษายน ซึ่งตอนนั้นลูกสาวของตนเองกำลังเล่นอยู่กับเพื่อนๆประมาณ 10 คนเลยพากันเล่นอยู่แถวสนามฟุตบอลของหมู่บ้านที่อยู่ข้างๆโรงเรียน ซึ่งลูกสาวได้เล่าให้ฟังว่าตอนแรกก็เล่นกันอยู่ดีๆแล้วก็เกิดมีเรื่องโต้เถียงกันจึงทำให้เด็กทั้ง 10 คนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลังจากที่ทะเลาะกันก็ได้มีการนำก้อนหินมาขว้างปาใส่กัน

ทีนี้เด็กหญิงอายุ 9 ขวบก็หยิบก้อนหินขว้างไปที่ฝั่งตรงข้ามเหมือนกันแต่ก็เห็นไปโดนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอายุแค่เพียง 7 ขวบเท่านั้นเลยก้อนหินไปโดนที่ศรีษะทำให้เลือดไหลเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์จึงได้พากันวิ่งไปฟ้องพ่อของเด็กอายุ 7 ขวบเป็นข้อของเด็กคนดังกล่าวกำลังเตะฟุตบอลอยู่ใกล้ๆกันนั้นเองเมื่อชายอายุ 29 ปีเดินทางมาถึงเห็นลูกสาวตนเอง

หัวแตกก็ถามถึงคนที่ทำร้ายลูกเพราะเด็กๆพากันชี้ตัวเด็กหญิงอายุ 9 ขวบชายคนที่อายุ 29 ปีก็เตะเข้าไปที่ใบหน้าของเด็กทันที 1 ครั้งทำให้เด็กสลบ และคนที่เตะบอลอยู่กับชายวัย 29 ปีพาตัวเด็กส่งโรงพยาบาลและก็มีคนไปแจ้งครอบครัวของเด็กอายุ 9 ขวบทำให้คนเป็นแม่รีบๆมาดูส่วนคนเป็นพ่อนั้นก็ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจให้เอาเรื่องชายอายุ 29 ปีให้ถึงที่สุดพี่ทำร้ายเด็กจนถึงกับสลบเจอคนเป็นแม่เองก็ได้บอกผู้สื่อข่าวว่ารู้สึกเสียใจมาก

ที่ไม่เห็นสภาพรูปแบบนั้นตอนแรกคิดว่าลูกอาจจะไม่รอดแล้วแต่ยังโชคดีที่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วลูกฟื้นขึ้นมา ซึ่งครอบครัวของเด็กอายุ 9 ขวบรู้สึกโกรธคนทีทำมากเพราะครอบครัวทั้งสองฝั่งก็รู้จักกัน แต่ไม่น่าจะทำกับเด็กหนักขนาดนี้ 

 

 

สนับสนุนโดย   จีคลับ มือถือ