ประวัติ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร  กรุงเทพฯ 

วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร จากประวัติความเป็นมาของ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร นั้นว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยของบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โดยมีวัตถุประสงค์อย่างที่จะให้มีวัดเกิดขึ้นเยอะๆเหมือนกับสมัยของกรุงศรีอยุธยาดังนั้นหลายจากที่มีการขุดคลองผดุงกรุงเกษมเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วพระองค์จึงได้มีการส่งโปรดเกล้าให้มีการสร้างวัดบริเวณชายคลอง

  ซึ่งในตอนแรกนั้นมีการเริ่มสร้างวัดโสมนัสราชวรวิหาร  หลังจากนั้นจึงได้มีการโปรดเกล้าให้สร้าง วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ขึ้นมาเพื่อให้เปลี่ยนวัดที่เคียงคู่กัน 

จากหลักฐานความเป็นมาของการก่อสร้างวัดนั้นไม่ได้มีการระบุว่าวัดแห่งนี้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้น

เมื่อใดแต่มีการระบุเกี่ยวกับการก่อสร้างวัดหลังจากที่มีการแล้วเสร็จว่ามีการสร้างเสร็จสิ้นช่วงประมาณปีพ.ศ 2411    ซึ่งหลังจากที่มีการสร้างวัดแห่งนี้เสร็จสิ้นแล้วรัชกาลที่ 4 ก็ได้มีการโปรดเกล้าแต่งตั้งชื่อวัดว่าวัดนามบัญญัติ  ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่ซึ่งเป็นชื่อพระราชทานโดยมีการเปลี่ยนชื่อภายหลังจากที่รัชกาลที่ 4 สวรรคตโดยชื่อใหม่นั้นก็คือ  วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร  นั่นเอง 

สำหรับผู้ที่เข้ามาดูแลในการก่อสร้าง วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร แห่งนี้ก็คือสมเด็จพระเจ้ายาบรมมหาศรีสวัสดิ์สุริยวงศ์

  โดยรับหน้าที่เป็นแม่กลองในการเข้าควบคุมเกี่ยวกับเรื่องของการก่อสร้างส่วนในช่างที่เป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับการก่อสร้างโดยตรงนั้นก็คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมขุนราชสีห์หากวิกรม  

สำหรับ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีการก่อสร้างในช่วงยุคกรุงรัตนโกสินทร์  สิ่งที่เป็นหลักฐานทางประวัติอย่างดีที่บ่งบอกว่าวัดแห่งนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4

ก็คือ ลายพระมหามงกุฏ ซึ่งเป็นตราประจำของรัชกาลที่ 4 นั่นเอง โดยตราประทับนี้มีการสร้างเอาไว้ด้านบนของซุ้มประตูและที่หน้าบันของทั้งพระอุโบสถและพระวิหาร  นอกจากนี้ถ้าหากใครได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมความงดงามภายในอุโบสถจะพบว่าผนังด้านในของพระอุโบสถนั้นมีการวาดภาพจิตรกรรมที่มีความแตกต่างจากวัดอื่นๆ 

โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการวาดภาพเกี่ยวกับการบำเพ็ญกรรมฐานของพระสาวกในบาลีและอรรถกถา  และยังมีอื่นๆอีกมากมาย 

สำหรับการก่อสร้างวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร นั้นมีลักษณะของการก่อสร้างคล้ายเคียงกับวัดโสมนัสวิหารเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นวัดที่สร้างคู่กัน ซึ่งความคล้ายคลึงกันนี้ก็คือ จะมีการสร้างเสมาเอาไว้ 2 ชั้น โดยชั้นแรกนั้น มีชื่อว่า มหาสีมา ส่วนชั้นที่สองนั้นเรียกว่า ขัณฑสีมา  ทำให้พระสงฆ์ที่อยู่ที่วัดแห่งนี้สามารถทำการประชุมสังฆกรรมได้ทั้งในพระอุโบสถและพระวิหารเลยทีเดียว 

 

ผู้ให้การสนับสนุนโดย  ufabet

ประวัติวัดอรุณเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร   

วัดอรุณเป็นวัดทรงจรวดที่ตั้งตระหง่านจากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รู้จักกันในชื่อวิหารแห่งรุ่งอรุณ โดยตั้งชื่อตามเทพเจ้าแห่งรุ่งอรุณของอินเดียชื่ออรุณ ที่นี่เองหลังจากการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงสะดุดกับศาลท้องถิ่นเล็กๆ และทรงตีความการค้นพบนี้ว่าเป็นสัญญาณอันเป็นมงคลว่าที่นี่ควรเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งใหม่ของสยาม  

ปัจจุบันวัดแห่งนี้เป็นหนึ่งในโครงสร้างที่โดดเด่นที่สุดของกรุงเทพฯ ไม่ต้องพูดถึงวัดพุทธไม่กี่แห่งที่คุณได้รับการสนับสนุนให้ปีนขึ้นไป    

จนกระทั่งเมืองหลวงและพระแก้วมรกตถูกย้ายมาที่กรุงเทพ วัดอรุณจึงมีลักษณะที่โดดเด่นที่สุด นั่นก็คือ þrahng (หอคอยสไตล์เขมร) ที่มีความสูง 82 เมตร การก่อสร้างหอคอยนี้เริ่มต้นในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยพระรามที่ 2 และต่อมาแล้วเสร็จโดยพระรามที่ 3 (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร. 2367–51)

บันไดสูงชันนำไปสู่ด้านบนซึ่งมองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา สิ่งที่มองไม่เห็นจากระยะไกลคือกระเบื้องโมเสกลายดอกไม้อันวิจิตรงดงาม

ซึ่งทำจากเครื่องกระเบื้องจีนที่แตกหักหลายเฉดสี ซึ่งเป็นของประดับประจำวัดในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อเรือของจีนแล่นมาที่ท่าเรือกรุงเทพฯ ได้ทิ้งเครื่องกระเบื้องเก่าจำนวนมากเป็นบัลลาสต์

ว่ากันว่าพระประธานในวัดว่ากันว่าออกแบบโดยพระราม 2 เอง ภาพจิตรกรรมฝาผนังมีอายุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 

สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งคือภาพที่เจ้าชายสิทธัตถะเผชิญตัวอย่างการเกิด แก่ เจ็บ และตายนอกกำแพงพระราชวัง ซึ่ง  ufabet   เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เขาละทิ้งชีวิตทางโลก พระอัฐิของรัชกาลที่ 2 ฝังไว้ที่ฐานพระประธาน   วัดในบริเวณวัดอรุณตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 16 เป็นอย่างน้อย นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าวัดมะกอกเดิมที่ทราบกันดีว่าก่อตั้งขึ้นริมฝั่งคลองลัด แต่จนกระทั่งปี พ.ศ. 2310 เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จข้ามวัด จึงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง

สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จข้ามสถานที่นี้ตอนพระอาทิตย์ขึ้นขณะหลบหนีผู้รุกรานจากพม่า ทรงตั้งสถานที่แห่งนี้เป็นวัดในวังและเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้ง จากนั้นวัดแห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตซึ่งเป็นแพลเลเดียมที่น่ากลัวของประเทศไทย เมื่อถูกนำข้ามมาจากเวียงจันทน์ เมืองหลวงของประเทศลาวในปัจจุบัน ปัจจุบันอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำในวัดพระแก้ว

เมื่อกรุงเทพกลายเป็นเมืองหลวงใหม่ของประเทศไทย วัดก็เปลี่ยนชื่ออีกครั้งโดยพระรามที่ 2 คราวนี้เป็นวัดอรุณ รัชกาลที่ 2 ยังได้เริ่มขยาย þrahng ส่วนกลาง ซึ่งต่อมาสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2385 ในสมัยรัชกาลที่ 3 นอกจากงานบูรณะ þrahng บางส่วนซึ่งแล้วเสร็จในปี 2017 แล้ว ยังมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อยที่วัดอรุณ

รสชาติความเร่งรีบที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ของเกาหลีใต้

ผู้คนเปลี่ยนจากการปลูกข้าวมาสู่การดาวน์โหลดทอร์เรนต์ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษได้อย่างไร ในตอนเย็นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ร้านอาหาร Ttobagi Driver’s ในเขต Gwanak ของกรุงโซล ฉันแอบเริ่มจับเวลาเมื่อสั่งอาหาร บริกรสาวเดินจากไปอย่างสบายๆ กลับมาพร้อมกิมจิและเครื่องเคียงอื่นๆ

เพียงสองนาที 20 วินาทีต่อมา หนึ่งนาทีครึ่งหลังจากนั้น ชามดินเผาของ พยอดากวี แฮจังกุก (ซุปกระดูกสันหลังหมู ‘อาการเมาค้าง’)

ก็ถูกวางลงบนโต๊ะ และนึ่งอย่างเดือดดาล เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่บริการดังกล่าวมีอยู่ในประเทศที่ไม่มีการให้ทิป สิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ Ttobagi ซึ่งเป็นจุดที่ไม่โอ้อวดที่คนขับแท็กซี่แวะเวียนมานั้นไม่ได้เร็วกว่าสถานที่ถัดไป ความรวดเร็วประจำกิจวัตรดำเนินไปในสังคมเกาหลีใต้

และแพร่หลายโดยเฉพาะในเมืองหลวง มีแม้กระทั่งคำที่ใช้เรียกสิ่งนี้: วัฒนธรรมปปัลลี ปัลลี แปลว่า เร็ว หรือ รีบ ปัลลี ออกเสียงด้วยพยัญชนะตัวแรกที่เน้นเสียงราวกับว่าหักเสียงร้องเหมือนหนังยาง

แนวโน้มของ ppalli-ppalli สามารถเห็นได้จากความเร็วอินเทอร์เน็ตชั้นนำของโลกของเกาหลีใต้ ชั้นเรียนภาษาที่เข้มข้นซึ่งมีแนวโน้มว่าจะได้ผลในทันที และกิจกรรมการออกเดทที่รวดเร็วยอดนิยม และเช่นเดียวกับการใส่ใจเรื่องเวลาก็คือห้องจัดงานแต่งงานที่หรูหราซึ่งจัดพิธีต่อเนื่องยาวนานชั่วโมงตลอดสุดสัปดาห์ Ppalli-ppalli ยังเป็นคำขวัญของนักขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารหลายพันคนที่ฝ่าฝืนกฎจราจร

และดูเหมือนว่าจะส่งคำสั่งซื้อหลังเร่งรีบด้วย ในการแข่งขัน McDonald’s ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกในด้านอาหารจานด่วน ได้เริ่มประกอบกลุ่มสกู๊ตเตอร์จัดส่งของตนเองในเกาหลีใต้ในปี 2550 แต่ไม่นานมานี้ เกาหลีชะลอตัวลงมากเนื่องจากสภาพความเป็นชนบท ในปี 1960

ประชากรมากถึง 72% อาศัยอยู่ในชนบท แล้วผู้คนเปลี่ยนจากการปลูกข้าวมาเป็นการดาวน์โหลดทอร์เรนต์ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษได้อย่างไร แกรี เร็คเตอร์ พลเมืองเกาหลีที่แปลงสัญชาติ ซึ่งมาถึงโซลในฐานะอาสาสมัครหน่วยสันติภาพในปี 1967 เล่าว่า “ฉันจำได้ว่าเคยแปลกใจ

เพราะก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันมีความคิดแบบเหมารวมว่าพวกเขาจะหมดสติ นั่งสมาธิ และ ใช้ชีวิตอย่างช้าๆ แต่ฉันพบว่าผู้คนมักจะเร่งรีบมากกว่าที่คนอเมริกันทำ ผู้สูงอายุเดินช้ากว่า แต่คนที่อายุเท่าฉันและฉันอายุ 24 ปี ยุ่งมากกับการพยายามปรับปรุงวิถีชีวิตของพวกเขา” อธิการบดีมาในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง ในช่วงต้นทศวรรษที่ 60

เกาหลีใต้ได้เริ่มแผนเศรษฐกิจระยะ 5 ปีหลายชุดที่เสนอโดยประธานาธิบดีปาร์ค จุง-ฮี ในขณะนั้น แคมเปญในรูปแบบทหารเหล่านี้นำมาซึ่งปาฏิหาริย์บนแม่น้ำฮัน (การเปลี่ยนแปลงจากประเทศที่ถูกทำลายด้วยสงครามไปสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ) และก่อตั้งบริษัท Korea Inc ซึ่งนำเสนอโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung, Hyundai และ LG ด้วย

 

สนับสนุนโดย    UFABET เว็บตรง

ประวัติศาสตร์แห่งเมืองกรุงเก่าศรีอยุธยา    

 

        การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยา     กรุงศรีอยุธยาปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ซึ่งมีกษัตริย์สูงสุดปกครองแผ่นดิน ทรงมอบหมายให้เจ้านายและเจ้าเมืองบริหารเมืองเรือ (เมืองลูกหลวง หลานหลวง) และเมืองชายแดน ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้เขา การพึ่งพาอาศัยกัน

โดยราชวงศ์เก่าและขึ้นอยู่กับกรุงศรีอยุธยา   พระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครองและลดอำนาจจังหวัดลง 

พระองค์ทรงแบ่งฝ่ายบริหารออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายกิจการทหารที่รับผิดชอบโดยสมุหกะลาหอม และฝ่ายพลเรือนที่รับผิดชอบโดยสมุหนายก (นายกรัฐมนตรี) กิจการพลเรือนแบ่งออกเป็น 4 สำนัก เรียกว่า “จตุรัสโดม”  เสาหลักทั้ง 4  เช่น กรมมาเวียงหรือนครบาล

สำหรับเมืองและการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมมาวังหรือธรรมาธิกรสำหรับกิจการพระราชวัง กรมคลังหรือโกษาธิบดีเพื่อการค้าและการต่างประเทศ และกรมนาหรือเกษตรกรรม ระบบการบริหารนี้มีใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยา   สังคมกรุงศรีอยุธยาแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น คือ ชนชั้นสูงหรือเจ้านายที่ประกอบด้วยกษัตริย์ซึ่งดำรงตำแหน่งสูงสุดเช่นประมุข ชนชั้นที่ 2 คือ ราชวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด และขุนนาง ซึ่งอยู่ร่วมกันระหว่างกษัตริย์กับพลเมือง ทำหน้าที่ปกครองชาวนาและทาส  

ชาวนาก็เป็นพลเมืองธรรมดาเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ในสังคม กฎหมายกำหนดให้ชาวนาต้องเป็นของนาย เป็นระบบการควบคุมกำลังคนของราชการ ชาวนาถูกคัดเลือกเข้ารับราชการในหลวงประมาณ 6 เดือน ส่วนชาวนาที่ไม่ต้องการจ้างก็ต้องจ่ายเงินหรือสิ่งตอบแทนที่เรียกว่า “สวย” ชาวนาจะไม่ได้รับเงินเดือน

แต่จะได้รับความคุ้มครองจากนายที่ตนสังกัดอยู่   ทาสเป็นงานของนายมาตลอดชีวิต เกิดจากสงครามและเศรษฐกิจ ทายาทของทาสจะได้รับการเลี้ยงดูจากนายไปตลอดชีวิต

การค้าและเศรษฐกิจ   อาชีพหลักของชาวกรุงศรีอยุธยา  จะประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก  ข้าวเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่สามารถผลิตได้เพียงพอสำหรับพลเมืองของประเทศและเป็นสินค้าสำคัญที่พระนครศรีอยุธยาส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ  

เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก  ทางเข้ายูฟ่าสล็อต     จึงได้รับรายได้จากทั้งการส่งความโกลาหลมาค้าขายกับต่างชาติและการเป็นคนกลาง ราชสำนักได้จัดตั้งโกดังเพื่อผูกขาดสินค้าสำคัญบางรายการซึ่งพ่อค้าชาวต่างประเทศจะต้องซื้อและขายกับราชสำนักเท่านั้น

  การค้าระหว่างประเทศอยู่ภายใต้กรมคลัง (การเงิน) ซึ่งดูแลโดยอัคยา ศรีธรรมราช ในระยะแรกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ กรมท่าขวา สังกัดเจ้าเมืองอินเดีย หรือ จุฬาราชามนตรี ที่ดูแลการค้าขายกับโลกตะวันตก และ กรมท่าสาย สังกัดเจ้าเมืองของจีน ชื่อ พระยาโชติกราชเศรษฐี ซึ่งดูแลการค้าขายกับโลกตะวันออก 

ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อชาวยุโรปเข้ามาค้าขายมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีการจัดตั้งแผนกขึ้นอีกแผนกหนึ่งคือ กรมท่ากลาง สังกัดเจ้าเมืองต่างด้าว   กษัตริย์และเจ้าเมืองมีความเกรี้ยวกราดในการค้าขายกับต่างชาติ ชาวจีนส่วนใหญ่ทำงานเป็นนายเรือและลูกเรือ สินค้าส่งออกของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ได้แก่ สินค้าเกษตร ศิลาดล และสินค้าจากป่าไม้ เช่น งาช้าง หนัง ไม้ เครื่องเทศ แร่ และอื่นๆอีกมากมาย    รายได้หลักของราชสำนักส่วนหนึ่งมาจากบรรณาการ สวย ภาษี โดยเฉพาะภาษีการค้าระหว่างประเทศ การค้าขายภายในย่านธุรกิจตลอดจนตลาดขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทั้งในและนอกเมืองทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางและจุดเปลี่ยนของสินค้า

ตลาดในอยุธยามี 2 ประเภท คือ ตลาดน้ำขนาดใหญ่ประมาณ 4 แห่ง และตลาดประมาณ 72 แห่ง ได้แก่ ชานเมือง 32 แห่ง และในตัวเมือง 40 แห่ง ย่านธุรกิจและตลาดเหล่านี้ประกอบด้วยตลาดสดทั้งกลางวันและกลางคืน และตลาดที่จำหน่ายของใช้ประจำวัน (ของชำ) และสินค้าประจำตัวของแต่ละไตรมาสในทุกๆปี

สาวยั่วะ…สั่งพิซซ่า 4 ถาดใหญ่ ไรเดอร์เอาไปกินหมด อ้างติดต่อลูกค้าไม่ได้ 

          เมื่อวันที่ 27 เดือนกรกฎาคม ปีพ.ศ. 2565 หญิงสาวรายหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความเตือนชาวโซเชียลที่ชอบสั่งอาหารผ่านทางแอพพลิเคชั่นชื่อดังโดยเธอระบุว่าเธอได้มีการสั่งพิซซ่าผ่านทางแอพพลิเคชั่น ส่งอาหารเนื่องจากเธอเห็นว่ามีโปรโมชั่นพิซซ่าสั่งในวันอังคารฟรีค่าส่ง 

หญิงสาวรายนี้ได้มีการสั่งพิซซ่าไปทั้งหมด 4 ถาดใหญ่ด้วยกันโดยเธอใช้วิธีการชำระเงินด้วยการตัดบัตรเครดิต

       อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สั่งอาหารได้สักพัก Call Center ของร้านพิซซ่าก็ติดต่อมาหาลูกค้าโดยระบุว่าที่ร้านมี Order เป็นจำนวนมากทำให้สินค้าอาจจะส่งหาลูกค้าล่าช้าอาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงซึ่งลูกค้าเข้าใจและไม่ได้ว่าอะไรนอกจากนี้ยังมีการคอนเฟิร์มที่อยู่ในการรับสินค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

      อย่างไรก็ตามเมื่อครบ 1 ชั่วโมงสาวสั่งพิซซ่าก็ตั้งใจที่จะโทรไปตามพิซซ่าที่ตนเองสั่งแต่ปรากฏว่ามีสายที่เธอไม่ได้รับอยู่ 1 สายดังนั้นเธอจึงโทรกลับไปยังสายดังกล่าวก่อนจึงทำให้รู้ว่าสายดังกล่าวเป็นพนักงาน Rider โทรเข้ามาหาเธอ

ปัญหาที่ตามมาหลังจากพูดคุยกับพนักงานส่งอาหารก็คือพนักงานระบุว่าไม่สามารถโทรติดต่อเธอได้ทำให้พนักงานนำพิซซ่าของเธอไปแจกจ่ายให้กับคนอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

          ยังไงก็ตามหญิงสาวรายนี้ไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะมีการสั่ง Application มานานหลายปีเธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนที่สำคัญที่อยู่มีการปักหมุดให้ไว้อย่างชัดเจนและมีการคอนเฟิร์มกับพนักงานคอลเซ็นเตอร์ไปแล้ว  นอกจากนี้หากพนักงานไรเดอร์มาส่งพิซซ่าให้กับเธอเมื่อมาถึงหน้าบ้านก็ไม่ได้มีการกดกริ่งเรียกทำให้เธอไม่รู้ว่ามีอาหารมาส่งถึงหน้าบ้านแล้ว 

ซึ่งหญิงสาวรายนี้มองว่าการที่พนักงาน Rider มีการโทรหาลูกค้าเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วอ้างว่าติดต่อไม่ได้แล้วนำพิซซ่าของเธอไปรับประทานเองนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำเป็นอย่างมาก 

        อย่างไรก็ตามลูกค้าสาวรายนี้ได้มีการติดต่อไปยัง Call Center ของ Application เพื่อทำการร้องเรียนและทำเรื่องขอคืนเงินแต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้และมีการฝากเรื่องเอาไว้ผ่านข้อความก็ไม่มีการติดต่อกลับมาจาก Call Center ของ Application ส่งอาหารแต่อย่างใดนอกจากนี้เมื่อโทรหาพนักงานไรเดอร์เพื่อขอหมายเลขติดต่อหัวหน้า พนักงาน Rider คนดังกล่าวก็ไม่ยอมให้หมายเลขติดต่อ 

         ดังนั้นหญิงสาวรายนี้จึงได้มีการโพสต์เตือนผ่านทางโซเชียลโดยระบุว่าหากใครที่ชื่นชอบการสั่งอาหารผ่านทางแอพพลิเคชั่น ไม่ควรเลือกชำระสินค้าก่อนไม่ว่าจะเป็นผ่านบัตรเครดิตหรือแม้แต่ผ่านทางบัญชีธนาคารเพราะอาจจะเกิดปัญหาอย่างที่เกิดกับเธอได้เช่นเดียวกันทางที่ดีที่สุดควรเลือกชำระสินค้าด้วยเงินสดเพราะถ้าหากไม่ได้รับสินค้าก็ไม่ต้องเสียเงินฟรีเหมือนกับเธอ 

 

สนับสนุนโดย    เซ็กซี่ บาคาร่า ขั้นต่ำ10บาท

ดราม่าหญิงเล่นซิปไลน์โรยตัวข้ามป่าชิวๆพร้อมอุ้มลูกน้อยไปด้วย 

        เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในประเทศมาเลเซียเนื่องจากว่ามีคลิปไวรัลถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ซึ่งคลิปดังกล่าวนั้นเป็นคลิปที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเล่นซิปไลน์อยู่กลางพื้นที่ป่าแต่ที่เป็นกระแสทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักจนเดือดในโลกออนไลน์เดือดนั่นก็เพราะว่าในขณะที่หญิงคนดังกล่าวเล่นซิปไลน์อยู่นั้นมืออีกข้างหนึ่งก็อุ้มลูกน้อยเอาไว้ด้วย 

       สำหรับเรื่องราวดังกล่าวนั้นได้ถูกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ World of Blass เมื่อวันที่ 14 เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2565 

โดยในเว็บไซต์ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในเมืองกัวลา คูบู บารู ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่าในขณะที่หญิงสาวกำลังลอยตัวอยู่นั้นอีกข้างนึงก็อุ้มลูกน้อยเอาไว้แนบอกถึงแม้ว่าจะมีอุปกรณ์เซฟตี้อย่างดีมีสายรัดโรยตัวสีเหลืองมัดตัวเด็กเอาไว้ให้อยู่ติดกับผู้เป็นแม่ 

       แต่คนที่เห็นภาพในคลิปดังกล่าวต่างก็พากันหวาดเสียวเป็นอย่างมากเพราะอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้และถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นเด็กตกลงมาหรือแม้แต่อุปกรณ์สายรัดโรยตัวค่ะก็อาจจะทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บได้ นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าการลอยตัวเล่นซิปไลน์ในครั้งนี้นั้นมีความสูงค่อนข้างมากเลยทีเดียวดังนั้นถ้าหากมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นไม่ว่าจะแม่หรือตัวเด็กอาจจะได้รับบาดเจ็บถึงแก่ความตายได้ 

          อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดราม่าในครั้งนี้ผู้คนต่างก็มองว่าผู้เป็นแม่นั้นไม่คำนึงถึงความสำคัญและความปลอดภัยของลูกและเอาความสนุกของตนเองเป็นที่ตั้งนอกจากนี้กระแสโซเชียลยังมองว่าการเล่นซิปไลน์ควรจะต้องมีการตั้งกฎกติกาเอาไว้อย่างชัดเจนด้วย

ควรจะมีการกำหนดผู้เล่นว่าควรจะมีอายุขั้นต่ำไม่เกินเท่าไหร่เพราะการเล่นซิปไลน์นั้นนับได้ว่าเป็นการเล่นที่อันตราย

และถ้าหากคนอายุน้อยก็ไม่ควรเล่นเพราะถือได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ผ่านผลดังนั้นจึงควรกำหนดอายุของผู้เล่นอย่างชัดเจนเพราะเหตุการณ์ที่เด็กไปเล่นซิปไลน์และตกลงมานั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วซึ่งเป็นเด็กอายุ 10 ขวบโดยในตอนนั้นมีความสูงถึง 6 เมตรเมื่อเด็กตกลงไปก็อยู่ในสภาพแน่นิ่งโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงทีและไม่ถึงแก่ความตาย 

       สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้มีชาวโซเชียลบางคนได้นำคลิปหลักฐานดังกล่าวไปมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขต 6 เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งเมื่อวันที่ 13 เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2565 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับคลิปดังกล่าวโดยว่าจะมีการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง

ถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงสาวผู้เป็นแม่เพราะถือได้ว่ามีความผิดในฐานละเลยความปลอดภัยของลูกของตนเองซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับและสามารถติดคุกได้ไม่เกิน 20 ปีรวมถึงปรับเงินสูงสุดอยู่ที่ 5หมื่นริงกิตอีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย    ufabet

วิธีการเลือกซื้ออาหารสดด้วยเทคนิคง่ายๆ

ใครๆก็ต้องกินอาหารด้วยกันทั้งนั้นว่ามั้ย แต่ว่าบางคนก็เลือกอาหารยังไม่เป็นหรือไม่มีความรู้สักนิดว่าอาหารแบบไหนเรียกว่าสด ควรที่จะนำเอาไปรับประทานได้ หรืออันไหนที่สุกแต่ไม่ควรเอามาใช้ประกอบอาหาร ดังนั้นในวันนี้เราจะพาคุณไปดูวิธีเลือกอาหารแบบง่ายๆ ที่จะได้ทั้งสดและสะอาด ถูกหลักโภชนาการอย่างแน่นอน โดยจะมีวิธีเลือกคัดสรรอย่างไรบ้างมาดูกันเลย

วิธีการเลือกซื้อผักนั้นเราควรที่จะเลือกซื้อตามฤดูกาล หรือจะเลือกตามประเภทของชนิดผักก็ได้เช่นกัน

การเลือกซื้อผัก มีดังนี้

1.การเลือกซื้อ แครอท หัวไชเท้า แตงกวา และข้าวโพด จะมีวิธีการเลือกที่เหมือนๆกัน โดยจะมีลักษณะที่ดีด้วยกรเลือกรูปที่ลูกที่มีหัวยาวและเรียว และมีผิวที่เรียบ ส่วนสีของมันนนั้นจะต้องมีสีสันที่สดใส

 2.วิธีการเลือกซื้อ ฟักทอง มะเขือยาว มะเขือม่วง มันเทศ กระหล่ำปลี และสุดท้ายคือมันฝรั่ง วิธีการเลือกนี้โดยรวมเราจะดูลูกที่มีน้ำหนักมากๆ เนื้อแน่นๆ ผิวเต่งตึง โดยจะทำให้ภายในของมันแน่นสวย น่ากิน

 3.วิธีการเลือกซื้อ กวางตุ้ง ผักกาดขาว วิธีการดูเราจะดูหัวที่มีสีเขียวสด โดยมันจะต้องไม่เหี่ยวและจะต้องไม่มีรอยช้ำอีกด้วยนะ

 4.วิธีการเลือกซื้อ กระเทียม หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ มีวิธีการเลือก โดยเราจะต้องดูลูกที่มันไม่มีเชื้อรา และที่สำคัญลูกมันจะต้องสดและไม่มีรอยช้ำ

 5.วิธีการเลือกซื้อ กะหล่ำดอก บล็อกโครี่  วิธีการเลือกดูง่ายๆคือเราจะเลือกดอกที่มีการรวมตัวแน่นๆ และจะต้องมีสีที่สด

 6.วิธีการเลือกซื้อ พริก โดยรวมพริกทั้งหมกทุกชนิด ไม่ว่าจะเป้นพริกสามสี พริกขี้หนู หรือพริกชี้ฟ้า เป็นต้น วิธีการเลือกเราจะดูจากคั่วที่อยู่ด้านบน จะต้องมีสีเขียวสด จะต้องไม่มีสีที่ออกไปทางดำคล้ำ เม็ดอวบอิ่ม

วิธีการเลือกซื้อผลไม้ มีดังนี้

1.วิธีการเลือกซื้อ แอปเปิ้ล โดยเราจะต้องเลือกแอปเปิ้ลที่มีผิวที่เรียบ ผิวมันจะเด้งสวย ไม่มีร่อยรอยที่ถลอก หรือรอยช้ำตรงบริเวรไหนๆ

2.วิธีการเลือกซื้อ สตอรเบอรี่ ให้คุณสังเกตที่คั่วผลของมัน และต้องสังเกตที่ผลใบด้วย โดยจะต้องมีสีเขียวและจะต้องไม่ดำหรือว่าคล้ำ ผลของมันจะต้องไม่เหี่ยว และมันจะต้องต้องมีผลที่อวบอิ่ม มีสีแดง

3.วิธีการเลือกซื้อ ส้ม จะต้องมีผลที่มีเปลืองขลุกขละ เพราะจะทำให้หวาน ชื่นใจ

4.วิธีการเลือก กล้วย โดยกล้วยหอมที่ดีนั้น มันจะต้องมีสีเหลืองทอง โดยที่ตรงก้านของมันจะต้องมีสีเขียวติดอยู่นิดหน่อย และต้องไม่มีรอบช้ำๆ อีกด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย   ufabet เว็บตรง

บาบิโลน Loy Krathong ที่กรุงบาบิโลนในประเทศอิรัก

เทศกาล Loy Krathong เป็นงานประเพณีที่มีการแสดงทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งในประเทศไทยและหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยทั่วไปจะจัดขึ้นในเดือนพฤษจิกายนของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูหลังฝนตกหนัก ทำให้รายน้ำในแม่น้ำและทะเลสาบสามารถลดลงได้ และน้ำก็นิ่งเงียบ สร้างสภาพที่เหมาะสมในการจัดงาน Loy Krathong

Loy Krathong นั้นมีลักษณะหลักคือการทำกระทงลอยน้ำที่ทำจากใบไม้หรือของมีความทนทานต่อน้ำ

ลักษณะทั่วไปของกระทงคือมีรูปทรงกลมหรือทรงกลมแบบสี่เหลี่ยม บาบิโลน (Babolon) ในประเทศอิรักก็มีการจัดงาน Loy Krathong เป็นเทศกาลที่ร่วมเป็นที่นิยมในชุมชนท้องถิ่น โดยผู้คนจะมารวมตัวกันที่แม่น้ำหรือทะเลสาบ นำกระทงลอยน้ำมาวางลงน้ำเพื่อส่งต่อความรู้สึกขอบคุณและตั้งใจล้างโชคชะตา มีการจัดกิจกรรมเพลิดเพลินและแสดงศิลปะต่าง ๆ ในงานนี้ด้วย

 การเปิดเทศกาล Loy Krathong มักจะมีการแสดงสวนลอยทางน้ำ, การแสดงมวยไทย, การแสดงเทพนิยาย, การแสดงศิลปะการต่อสู้, การจัดแสดงดนตรี และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เน้นความสนุกสนานและสร้างความเป็นพันธุ์มหาชนในช่วงเทศกาลนี้

 ความน่าสนใจเกี่ยวกับ บาบิโลน Loy Krathong

ทศกาล Loy Krathong ในบาบิโลน (Babolon) ประเทศอิรักนั้นมีความน่าสนใจมากมายที่ทำให้นักท่องเที่ยวและชาวบริวารได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่พิเศษ นอกจากการที่จะได้รับประสบการณ์ในการลอยกระทงน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบ ยังมีลักษณะเฉพาะของเทศกาล Loy Krathong ในบาบิโลนที่ควรทราบ

1.สวนลอยแห่งบาบิโลน: บาบิโลนมีสวนลอยที่น่าสนใจที่จัดขึ้นในระหว่างงาน Loy Krathong โดยทั่วไปจะมีการประกวดลอยกระทง, การแสดงศิลปะ, การแสดงมวยไทย, และกิจกรรมสนุกสนานอื่น ๆ ที่เน้นความบันเทิงและชุมชน

2.การบำเพ็ญกายทางวัฒนธรรม: เทศกาล Loy Krathong เป็นโอกาสที่ชาวบริวารและนักท่องเที่ยวจะได้พบกับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ได้รับโอกาสทดลองอาหารท้องถิ่น, ชมการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่น

3.การบูรณาการของวัฒนธรรม: เทศกาล Loy Krathong ในบาบิโลนนี้สะท้อนถึงการบูรณาการของวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยมีการแสดงสีสันและทัศนียภาพทางวัฒนธรรมที่มีต้นกำเนิดจากทั้งทางอิสลามและทางพุทธ

4.ประสบการณ์น้ำในบาบิโลน: บาบิโลนมีแหล่งน้ำที่สวยงามและเป็นที่ประทับใจ ทำให้การลอยกระทงในที่นี้มีบรรยากาศที่เฉพาะเจาะจง

5.การเลือกใช้วัสดุท้องถิ่น: การทำกระทงลอยน้ำในบาบิโลนนั้นมักใช้วัสดุท้องถิ่น เช่น ใบไม้, ไม้, หรือวัสดุที่มีอยู่ในธรรมชาติ เนื่องจากสภาพธรรมชาติของท้องถิ่นนี้

การเข้าร่วมในเทศกาล Loy Krathong ในบาบิโลนนั้นจะเสริมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลายและที่ไม่เหมือนใครสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทางเข้า ufabet

เราสามารถสืบสานและต่อยอดวัฒนธรรมไทยได้อย่างไร 

ศิลปะและวัฒนธรรมไทยนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงามและได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วโลกดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องมีการสืบสานวัฒนธรรมที่ดี

นี้ให้สืบต่อเนื่องและคงอยู่ต่อไปในอนาคตอย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการที่เราจะสามารถสืบสานวัฒนธรรมไทยและยังสามารถต่อยอดวัฒนธรรมไทยให้อยู่ต่อไปในอนาคตจนกว่าจะช่วยลูกช่วยหลานได้ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งเป็นแบบบุคคลและทั้งแบบองค์กรที่ช่วยการสืบสานวัฒนธรรมและมีการต่อยอดเกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรมไทย 

เนื่องจาก ประเทศไทยมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์และสถาบันทางวัฒนธรรมที่มีจุดประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในกรุงเทพฯและพิพิธภัณฑ์ระดับภูมิภาคต่างๆจัดแสดงวัตถุโบราณสิ่งประดิษฐ์งานศิลปะและนิทรรศการที่ช่วยให้ความรู้แก่ทั้งคนในท้องถิ่นและผู้มาเยือนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของประเทศไทยตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ

ต่อยอดวัฒนธรรมไทย หรือแม้กระทั่งการทวงคืนศิลปะและสมบัติของชาติคืนจากต่างประเทศศิลปะและโบราณวัตถุมากมายหลายชิ้นที่ถูกลักลอบขโมยและขายให้กับชาวต่างชาติ

หน่วยงานรัฐและองค์กรต่างๆได้ร่วมมือกันรวบรวมหลักฐานเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและยืนยันแหล่งกำเนิดเพื่อทวงคืนกลับมายังประเทศไทยประเทศไทยเองเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

จากเทศกาลทางวัฒนธรรมที่มีสีสันและมีชีวิตชีวาซึ่งเป็นประเพณีเฉลิมฉลองต่างๆเช่นเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทยและลอยกระทงหรือแม้กระทั่งเทศกาลผีตาโขนเทศกาลที่ไม่เหมือนใครในจังหวัดเลย

การรักษาประเพณีความเชื่อและพิธีกรรมแบบดั้งเดิมและบรรยากาศที่สนุกสนานสะท้อนให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ทางวัฒนธรรมของภูมิภาคประเพณีถวายเทียนพรรษาที่สืบทอดกันเรื่อยมาและกลายเป็นที่มาของประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานีซึ่งเป็นงานประเพณียิ่งใหญ่ของจังหวัดสืบทอดติดต่อกันมากกว่า 100 ปี

เทศกาลเหล่านี้เป็นเทศกาลที่ดึงดูดทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกเทศกาลเหล่านี้ถูกจัดขึ้นโดยความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนและคนที่มาร่วมงานเหล่านี้เองมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและอนุรักษ์การปฏิบัติทางวัฒนธรรมอีกทั้งยังเป็น Soft Power ให้กับประเทศไทยและทำให้ประเทศเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยเทศกาลเหล่านี้

สำหรับประเพณีและวัฒนธรรมของไทยนั้นมีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดซึ่งในแต่ละจังหวัดของประเทศไทยก็จะมีประเพณีและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปดังนั้นเราจึงควรศึกษาวัฒนธรรมและประเพณีของแต่ละจังหวัดเอาไว้ เพื่อให้ประเพณีและวัฒนธรรมเหล่านี้ยังคงเป็นอยู่เชื่อลูกเชื่อหลานและกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมประเพณีอันดีงามแล้วประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆเหล่านี้ของไทยก็ยังสามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาตินั้นเดินทางมาเที่ยวไทยและกลายเป็น Soft Power ให้ประเทศไทยนั้นมีรายได้เข้ามาพัฒนาประเทศได้อีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  ทางเข้า ufabet มือ ถือ

ประวัติของวัดศรีบุญเรือง จังหวัดเชียงราย วัดสวย ประติมากรรมงดงามน่าไปไหว้สักครั้งในชีวิต

 

 

 โดยวัดศรีบุญเรือง (Wat Sri Boon Rueang) คือวัดที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย ประเทศไทย ซึ่งมีประวัติและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ต่อไปนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของวัดศรีบุญเรือง

1.สถาปัตยกรรม วัดศรีบุญเรืองมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและเป็นที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอาคารพระอารามทรงเจดีย์ที่สูงสวยงาม และมีการตกแต่งด้วยงานปั้นประดับที่ศิลปินท้องถิ่นสร้างขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีวัดในวัดอีกหลายส่วนที่มีความหลากหลายและมีความประดับประดาด้วยงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ

2.ประวัติ ประวัติวัดศรีบุญเรืองมีที่มาจากอดีตที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยอยุธยา ทรงมีเจ้าอาวาสที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในชุมชน นับว่าเป็นที่บูรณะวัดของชาวบ้าน ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่มีความสำคัญในพื้นที่

3.เทศกาลและพิธีกรรม วัดศรีบุญเรืองมีการจัดกิจกรรมเทศกาลและพิธีกรรมต่างๆ ในระหว่างปี ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธามาเยี่ยมชมและลงทัณฑ์ทำบุญ

4.ที่ตั้ง วัดศรีบุญเรืองตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย มีที่อยู่ที่ถนนวัวลาย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย

 เพื่อความแม่นยำและการเข้าใจเพิ่มเติม เนื่องจากข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งที่มีความเชื่อถือได้ หรือติดต่อที่ท้องถิ่นในจังหวัดเชียงรายเพื่อข้อมูลที่สะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบัน 

วัดศรีบุญเรืองมีความดังมีหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุ ดังนี้

1.สถาปัตยกรรมที่งดงาม วัดศรีบุญเรืองมีสถาปัตยกรรมที่งดงามและน่าสนใจที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม การตกแต่งด้วยงานปั้นประดับและศิลปะชนิดต่างๆ ทำให้วัดนี้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น

2.ความสำคัญทางศาสนา เป็นสถานที่ทางศาสนาที่มีความสำคัญในชุมชน ชาวบ้านมีความนับถือและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาที่จัดขึ้นในวัด ซึ่งทำให้มีการรักษาและซ่อมแซมวัดอยู่เสมอ

3.กิจกรรมและเทศกาล วัดศรีบุญเรืองมีการจัดกิจกรรมและเทศกาลต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น เทศกาลประจำปี พิธีกรรมทางศาสนา และกิจกรรมท่องเที่ยวทางศาสนาที่ดึงดูดผู้คนมาเข้าชม

4.ทำเลที่ตั้ง การตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายและเป็นจุดสังเกตของนักท่องเที่ยวทำให้มีการเยี่ยมชมมากขึ้น

5.สถานที่ประสาน  วัดศรีบุญเรืองอาจเป็นสถานที่ที่ผู้คนมารวมตัวกันในกิจกรรมทางศาสนาหรือพิธีกรรมต่างๆ ทำให้เกิดความเชื่อมโยงทางสังคม

6.การส่งเสริมทางท่องเที่ยว การส่งเสริมทางท่องเที่ยวทางศาสนาหรือทางวัฒนธรรมสามารถทำให้วัดดังมากขึ้น

ทั้งนี้ความดังของวัดศรีบุญเรืองเป็นผลมาจากการรวมกันของปัจจัยหลายประการที่ทำให้วัดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีความสำคัญในชุมชนและท่องเที่ยว

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  ufabet เว็บหลัก