ตํานานวันวาเลนไทน์

         สำหรับเรื่องเล่าตำนานของวันวาเลนไทน์นั้นเป็นเรื่องเล่าตั้งแต่สมัยคริสตศักราช 300 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงที่โลกยังคงมีการทำศึกสงครามกันอยู่เรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องของวันวาเลนไทน์นั้นเกิดขึ้นที่กรุงโรมซึ่งในสมัยนั้นเป็นสมัยของพระเจ้าคลอดิอุสที่สอง ซึ่งในช่วงนั้นพระองค์กฐินกับถุงมือในการทำศึกสงครามเป็นอย่างมากมักจะเกณฑ์ไพล่พลที่เป็นผู้ชายเพื่อไปทำศึกสงคราม 

และแน่นอนว่าผู้ชายเหล่านั้นบางคนก็เป็นคนโสดและบางคนก็มีครอบครัวซึ่งคนที่มีครอบครัวอยู่แล้วก็มักจะไม่อยากจากครอบครัวของตนเองไปเพราะอยากอยู่กับคนรักทำให้ พระเจ้าคลอดิอุสที่สอง ทรงไม่พอพระทัยเป็นอย่างมากถึงขนาดต้องมีการประกาศออกมาว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปห้ามมีการจัดการแต่งงานเกิดขึ้น

จนกว่าจะมีการทำศึกสงครามแล้วเสร็จซึ่งการประกาศเช่นนี้สร้างความเสียใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหนุ่มสาวที่เป็นคู่รักกันและหวังจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างไรก็ตามในช่วงเวลานั้นได้มีบาทหลวงคนหนึ่งซึ่งเขามีชื่อว่าวาเลนไทน์บาทหลวงคนนี้เมื่อได้ฟังคำประกาศของพระราชาแล้วก็เกิดรู้สึกว่าคำประกาศนี้ไม่มีความเป็นธรรมให้กับประชาชนและเขาสงสารหนุ่มสาวที่รักกันจึงได้แอบจัดงานแต่งงานให้กับหนุ่มสาวอยู่หลายคู่จนในที่สุดก็ถูก พระเจ้าคลอดิอุสที่สอง  จับได้ว่านักบวชวาเลนไทน์นั้นเป็นคนที่แอบจัดงานแต่งงานให้กับหนุ่มสาวพระองค์จึงได้สั่งให้ทหารจับคุมนักบวชวาเลนไทน์มาขังไว้ในคุก

ซึ่งในสมัยนั้นนักบวชถือได้ว่ามีความรู้ที่จะสามารถรักษาคนป่วยได้ด้วยซึ่งทางด้านผู้คุมขังที่ดูแลนักบวชวาเลนไทน์อยู่นั้นมีลูกสาวอยู่ 1 คนเธอป่วยเป็นโรคตาบอดเขาจึงได้ขอร้องให้นักบวชวาเลนไทน์นั้นช่วยรักษาอาการให้กับลูกสาวของเขาซึ่งนักบวชวาเลนไทน์สามารถรักษาอาการของหญิงสาวคนดังกล่าวจนหายขาดจากอาการตาบอดและระหว่างที่มีการรักษาอาการตาบอดกันนั้น

ก็เกิดความรักขึ้นระหว่างนักบวชวาเลนไทน์กับหญิงสาวแต่อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้วนักบวช Valentine ก็จะต้องถูกประหารชีวิตก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตนั้นเขาได้มีการส่งจดหมายไปบอกรักหญิงสาวคนดังกล่าวซึ่งในจดหมายนั้นเขาได้มีการลงชื่อไว้ตอนท้ายว่า from your Valentine

โดยข้อความในจดหมายนั้นมีการเขียนเอาไว้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ซึ่งตรงกับวันที่นักบวชวาเลนไทน์นั้นถูกฆ่าตายทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนต่างก็สรรเสริญนักบวชวาเลนไทน์จึงได้มีการจัดเทศกาลวันวาเลนไทน์ขึ้นโดยจะยึดเอาวันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันเสียชีวิตของนักบวชวาเลนไทน์รวมถึงวันที่นักบวชวาเลนไทน์ได้สารภาพรักกับหญิงสาวมาเป็นวันที่บอกรักให้กับผู้รับของตนเองในปัจจุบันนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง

Okiku ตุ๊กตาของประเทศญี่ปุ่น

     เรื่องราวที่จะเล่าดังต่อไปนี้เป็นเรื่องราวความเชื่อตำนานของประเทศญี่ปุ่นที่มีการเล่าขานกันสืบมาซึ่งเรื่องราวนี้ยังคงมีการพูดถึงกันอยู่โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่หมู่บ้านคุริซาว่า  ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัด ฮอกไกโดหลายคนอาจจะไม่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องของตำนานนี้แต่ว่าถ้าหากคุณไม่เชื่อคุณสามารถเดินทางไปที่หมู่บ้านแห่งนี้และไปชมตุ๊กตาตัวนี้ได้เพราะปัจจุบันนั้นตุ๊กตาตัวนี้ยังคงมีอยู่

      สำหรับเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องตุ๊กตา Okiku นั้นว่ากันว่าตุ๊กตาตัวนี้เป็นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Okiku ซึ่งเด็กสาวรักตุ๊กตาตัวนี้ของเธอมากเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม Okikuมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเธอก็เสียชีวิตลงเนื่องจากว่าเธอนั้นได้ล้มป่วยโดยตอนที่เธอเสียชีวิตนั้นเธอมีอายุแค่เพียง 3 ขวบเท่านั้นหลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอได้ทำพิธีฝังศพให้กับเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเขาได้นำตุ๊กตาตัวนี้ไปวางไว้ที่หลุมฝังศพของเธอด้วย

เนื่องจากว่าพ่อกับแม่ของเธอนั้นรู้ดีว่าเธอรักตุ๊กตาตัวนี้ของเธอมากแค่ไหนนั่นเอง โดยพวกเขาหวังว่าตุ๊กตาตัวดังกล่าวจะคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้กับวิญญาณของลูกสาวของพวกเขาแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นและเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ใจจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อตุ๊กตาตัวดังกล่าวที่ถูกวางไว้ตรงบริเวณหลุมศพของเด็กหญิงOkiku นั้น

จะมีผมยาวขึ้นเรื่อยๆด้วยการยาวของเส้นผมนั้นเป็นการยาวแบบธรรมชาติเหมือนเส้นผมของคนเราไม่ได้ยาวเร็วผิดปกติแต่อย่างไรซึ่งหลายคนก็สงสัยกันว่าสาเหตุใดตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิตจิตใจจึงมีเส้นผมที่สามารถยาวออกเรื่อยๆได้เหมือนกับเส้นผมของคนปัจจุบันตุ๊กตาตัวนี้ยังคงมีอยู่โดยถูกวางทิ้งไว้อยู่ที่วัดมันเนน  ซึ่งวัดแห่งนี้จะอยู่ที่จังหวัดฮอกไกโดโดยอยู่ที่อำเภอจิและแน่นอนว่าถ้าหากคุณอยากจะไปทำพิสูจน์ว่าตุ๊กตาตัวนี้มีผมยาวจริงหรือไม่คุณสามารถไปท้าพิสูจน์ได้ที่หมู่บ้านคุริซาว่า 

    สำหรับเรื่องเล่าตำนานความเชื่อนี้ยังเป็นสิ่งลึกลับที่ใครก็ยังไม่สามารถหาคำตอบให้ได้ ยังไงก็แล้วแต่ตำนานเกี่ยวกับเรื่องของตุ๊กตาผมยาวนี้ปัจจุบันไม่ค่อยมีการพูดถึงกันมากนักและยังไม่มีใครบอกได้ว่าปัจจุบันตุ๊กตาตัวดังกล่าวยังคงผมยาวอยู่หรือไม่ซึ่งถ้าหากใครอยากจะไปพิสูจน์ด้วยตนเองก็สามารถเดินทางไปได้ เผื่อจะได้รู้คำตอบว่าผมที่ยาวขึ้นมานั้น เกิดขึ้นมาจากอะไรนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  UFABET เว็บหลัก

เด็กหญิงวัย 9 ขวบถูกเตะสลบคาที่

เด็กหญิงวัย 9 ขวบถูกเตะสลบคาที่สาเหตุเพราะไปปาก้อนหินใส่หัวเด็กอีกคนหัวแตก

                        ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีเหตุการณ์ที่น่าตกใจเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ชายอายุประมาณ 29 ปีซึ่งเป็นวัยที่กำลังมีร่างกายที่แข็งแรงได้มีการเตะไปที่ใบหน้าของเด็กหญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 9 ปี ซึ่งเด็กหญิงคนดังกล่าวถูกแต่ไปที่ใบหน้า 1 ครั้งถึงจะสลบทันทีแล้วเมื่อพาส่งโรงพยาบาลก็พบว่าเด็กหญิงมีอาการหน้าบวม  ฟันร้าว  กรามโยก  ซึ่งอาการของเด็กนั้นสลบตั้งแต่ตอนที่ถูกเตะครั้งแรกหลังจากที่มีการเรียกรถพยาบาลมารับตัวไปส่งโรงพยาบาลเด็กก็ยังไม่ฟื้นไปฟื้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้มีการนำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์ลง Facebook

ตอนนี้การถ่ายรูปของเด็กอายุ 9 ขวบขณะที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนั้นเด็กยังอยู่ในอาการสงบอยู่โดยหลายคนก็พากันสงสัยว่าเหตุใดชายอายุ 29 ปีคนดังกล่าวถึงได้ทำรุนแรงกับเด็กหญิงอายุเพียงแค่ 9 ขวบอย่างนี้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เดือนเมษายน ปี พ.ศ.2563  ซึ่งทางนักข่าวได้ลงติดตามผลโดยเดินทางไปที่บ้านของเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ

ซึ่งในขณะนี้เด็กหญิง 9 ขวบได้กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้วแต่เด็กยังมีอาการหวาดผวาอยู่เจอนักข่าวได้คุยกับพ่อของเด็กแล้วคุณพ่อของทางเด็กได้ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 เดือนเมษายน ซึ่งตอนนั้นลูกสาวของตนเองกำลังเล่นอยู่กับเพื่อนๆประมาณ 10 คนเลยพากันเล่นอยู่แถวสนามฟุตบอลของหมู่บ้านที่อยู่ข้างๆโรงเรียน ซึ่งลูกสาวได้เล่าให้ฟังว่าตอนแรกก็เล่นกันอยู่ดีๆแล้วก็เกิดมีเรื่องโต้เถียงกันจึงทำให้เด็กทั้ง 10 คนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลังจากที่ทะเลาะกันก็ได้มีการนำก้อนหินมาขว้างปาใส่กัน

ทีนี้เด็กหญิงอายุ 9 ขวบก็หยิบก้อนหินขว้างไปที่ฝั่งตรงข้ามเหมือนกันแต่ก็เห็นไปโดนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอายุแค่เพียง 7 ขวบเท่านั้นเลยก้อนหินไปโดนที่ศรีษะทำให้เลือดไหลเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์จึงได้พากันวิ่งไปฟ้องพ่อของเด็กอายุ 7 ขวบเป็นข้อของเด็กคนดังกล่าวกำลังเตะฟุตบอลอยู่ใกล้ๆกันนั้นเองเมื่อชายอายุ 29 ปีเดินทางมาถึงเห็นลูกสาวตนเอง

หัวแตกก็ถามถึงคนที่ทำร้ายลูกเพราะเด็กๆพากันชี้ตัวเด็กหญิงอายุ 9 ขวบชายคนที่อายุ 29 ปีก็เตะเข้าไปที่ใบหน้าของเด็กทันที 1 ครั้งทำให้เด็กสลบ และคนที่เตะบอลอยู่กับชายวัย 29 ปีพาตัวเด็กส่งโรงพยาบาลและก็มีคนไปแจ้งครอบครัวของเด็กอายุ 9 ขวบทำให้คนเป็นแม่รีบๆมาดูส่วนคนเป็นพ่อนั้นก็ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจให้เอาเรื่องชายอายุ 29 ปีให้ถึงที่สุดพี่ทำร้ายเด็กจนถึงกับสลบเจอคนเป็นแม่เองก็ได้บอกผู้สื่อข่าวว่ารู้สึกเสียใจมาก

ที่ไม่เห็นสภาพรูปแบบนั้นตอนแรกคิดว่าลูกอาจจะไม่รอดแล้วแต่ยังโชคดีที่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วลูกฟื้นขึ้นมา ซึ่งครอบครัวของเด็กอายุ 9 ขวบรู้สึกโกรธคนทีทำมากเพราะครอบครัวทั้งสองฝั่งก็รู้จักกัน แต่ไม่น่าจะทำกับเด็กหนักขนาดนี้ 

 

 

สนับสนุนโดย   จีคลับ มือถือ

ตำนานผีช้ำรัก คาร์ล พรุอิทท์

           มีตำนานเรื่องเล่าของผู้ชายคนหนึ่ง  เขาชื่อว่า  คาร์ล พรุอิทท์ เรื่องเล่าเกี่ยวกับชีวิตของคาร์ล พรุอิทท์ ได้มีการพูดถึงความรักของเขาและภรรยาโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปีคริสต์ศักราช 1938 โดยมีอยู่วันหนึ่ง คาร์ล พรุอิทท์ ที่เดินทางออกไปทำธุระนอกบ้านได้เดินทางกลับมาถึงบ้านโดยที่ภรรยาของเขาไม่รู้ตัวมาก่อนเมื่อเขามาถึงที่บ้านก็พบว่าภรรยาของเขากำลังนอกใจและอยู่กับชายชู้คนหนึ่งด้วยความโมโห คาร์ล พรุอิทท์

จึงได้เดินไปหยิบโซ่ขนาดใหญ่มาแล้วรัดคอภรรยาของเขาส่วนชายชุดนั้นก็ได้วิ่งหนีหายไป และเมื่อ อารมณ์โมโหได้ผ่อนคลายลงเขาก็พบว่าเขาได้ฆ่าภรรยาของเขาเสียชีวิตไปเสียแล้วและด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเองได้ก่อขึ้นเขาจึงได้ฆ่าตัวตายตามภรรยาของเขาไป

หลังจากที่เขาฆ่าตัวตายชาวบ้านก็พากันนำร่างของเขาและภรรยาไปฝังแต่บังเอิญว่าชาวบ้านได้ฝังคาร์ล พรุอิทท์ และ ภรรยาของเขาคนละสุสานซึ่งชาวบ้านต่างก็บอกกันว่าหากอยากรู้ว่าหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ เป็นหลุมไหนให้สังเกตที่หลุมฝังศพให้ดีเพราะจะมีโซ่ผูกติดเอาไว้ด้วย ตำนานเล่าถึงที่มาของโซ่เส้นดังกล่าวว่าหลังจากที่คาร์ล พรุอิทท์ เสียชีวิตและถูกฝังเอาไว้แล้วมีคนต้องตายจากวิญญาณของคาร์ล พรุอิทท์

โดยพวกเขาเชื่อว่าวิญญาณของคาร์ล พรุอิทท์ เป็นวิญญาณร้ายโดยมีเรื่องเล่าว่ามีเด็กชายคนหนึ่งได้ขี่จักรยานผ่านมาบริเวณสุสานและเด็กชายคนดังกล่าวได้เอาก้อนหินปาไปที่หลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ หลังจากนั้นรถจักรยานที่เด็กชายขี่อยู่ก็เกิดควบคุมไม่ได้สุดท้ายรถก็ล้มและที่น่าแปลกก็คือโซ่ที่คล้องตรงล้อจักรยานหลุดออกมาและมันไปพันคอเด็กชายจนถึงแก่ความตาย 2 สัปดาห์ต่อมาแม่ของเด็กชายได้นำขวานมาที่หลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์

และเธอได้พังสุสานของคาร์ล พรุอิทท์ จน ฟังเสียหายหลังจากนั้นเธอก็กลับมาบ้านและมาตากผ้าแต่อยู่ดีๆเชื่อเราตากผ้าของเธอก็หลุดและมาพันที่คอของเธอจนเธอนั้นเสียชีวิต ซึ่งเชือกราวตากผ้าที่พันคอหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นมีลักษณะเป็นโซ่ คล้ายกับโซ่ของหลุมฝังศพของ คาร์ล พรุอิทท์ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ พวกเขากลับไม่พบว่าหลุมฝังศพนั้นเกิดความเสียหายจากการถูกทำลายเลยเพราะหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ ยังคงอยู่ปกติเหมือนเดิม หลังจากนั้นชาวบ้านก็ช่วยกันทำพิธีล้างป่าช้าขุดเอาศพไปทำพิธีทางศาสนาหมด

ยกเว้นหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ ที่ชาวบ้านไม่ได้ไปยุ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาที่ดินคืนนั้นก็ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าและมีเพียงหลุมฝังศพของคาร์ล พรุอิทท์ ที่อยู่ที่นั้นอยู่กลุ่มเดียวจนในปี 1950 ก็ได้มีการพัฒนาที่ดินตรงบริเวณนั้นโดยมีการขุดถมที่ดินใหม่และสุสานของคาร์ล พรุอิทท์ก็ถูกขุดออกไปทำร้ายด้วยเช่นเดียวกันแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเกิดขึ้นซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าน่าจะเป็นไปได้ว่าวิญญาณของคาร์ล พรุอิทท์ ได้ไปเกิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  gclub casino online มือถือ

ศิลปะร่วมสมัย

งานศิลปะมีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไปอย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่ารูปแบบในการทำงานศิลปะมีความหลากหลายมากโดยเฉพาะในประเทศไทย การทำงานศิลปะทั้งสิ้นอย่างไรก็ตามที่เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่การพัฒนารูปแบบงานหรือว่าสุนทรียภาพแห่งการทำงานในยุคปัจจุบันมีการเปิดกว้างที่เพิ่มมากขึ้น

มันสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีหรือแม้แต่จะเป็นการสร้างรูปแบบในการทำงานโดยการผ่านอารมณ์ทั้งสิ้น การเปลี่ยนแปลงทางสังคมหรือผู้คนต่างๆในยุคปัจจุบันผู้คนมีความต้องการในการเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆหรือแม้แต่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในส่วนของ Social Media ก็มีการพัฒนาขึ้นเยอะ ที่ทำให้ในยุคปัจจุบันรูปแบบงานต่างๆมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาผู้คนมีการรับรู้เกี่ยวกับแนวคิดหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของสื่อต่างๆ

ก็มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาอย่างไรก็ตามที่เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันผลงานต่างๆผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยศิลปินหน้าต่างสามารถสร้างช่องทางตัวเองในการเผยแพร่งานไม่ว่าจะเป็น Social Media หรือแม้แต่จะเป็นอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันก็มีการพัฒนาที่ยั่งยืน ระบบ Social Media คือหนึ่งสิ่งที่ทำให้สิ่งต่างๆในการเผยแพร่งานตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Instagram Facebook Twitter แต่ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ศิลปินเหมือนกันเผยแพร่แนวคิดของตัวเองได้

อย่างไรก็ตามโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีงานศิลปะร่วมสมัยครั้งมากไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับผู้อื่นในประเทศอื่นๆหรือทวีป หรือแม้แต่จะเป็นลักษณะของงานที่แตกต่างกันออกไปเพราะที่อยู่ปัจจุบันเราไม่สามารถกำหนดได้ว่างานศิลปะคือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ศิลปะคือทุกสิ่งหลักหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นแนวเพลง ภาพวาดงานประติมากรรมหน้าต่างส่วนใหญ่ก็เป็นงานศิลปะท้องถิ่นอย่างไร

เปลี่ยนแปลงทางด้านจิตรกรรมหรือแม้จะเป็นประติมากรรมเขียนหน้าต่างในยุคปัจจุบันก็มีแคลอรี่หรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของหอศิลปะเพื่อรองรับต่อการจัดแสดง ในยุคปัจจุบันจึงทำให้ผู้คนต่างๆมีการผลิตงานมากมายไม่ว่าจะเป็นศิลปินในยุคดั้งเดิมหรือแม้แต่จะเป็นศิลปินหน้าใหม่ยุคปัจจุบันที่มีจำนวนที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนแปลงทางด้านผลงานหรือการให้หน่วยงานต่างๆในปัจจุบันก็มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

บุคคลมีความต้องการในการเรียนรู้รูปแบบงานใหม่ๆอย่างไรก็ตามที่จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงการติดต่อสื่อสารหรือการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆทำให้มีการพัฒนางานศิลปะที่เพิ่มไหม ร่วมสมัยเป็นการแสดงออกทางความคิดยกตัวอย่างเช่นความคิดทางการเมืองที่มีอยู่ปัจจุบัน มีความร้อนระอุ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันเราจึงเห็นงานที่เกี่ยวเนื่องกับงานทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางความคิด

หรือแม้จะเป็นอุดมการณ์ต่างๆในยุคปัจจุบันก็สามารถมองหาสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นในงานศิลปะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานเพลงหรือแม้จะเป็นภาพเขียนต่างๆในยุคปัจจุบัน 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    gclub ทดลองเล่นฟรี

ยุคโรมันและการใช้ศิลปะในการพัฒนาบุคคล

แต่ละยุคและสมัยต่างๆก็มีการเปลี่ยนแปลงอันนั้นความเชื่อและความคิดเห็นเช่นเดียวกันอีกหนึ่งยุคที่มีความร่วมมือหรือมีความเฟื่องฟูทางด้านวัฒนธรรมและงานไฟฟ้าเป็นอย่างมากนั่นคือโรมัน รวมกันเป็นยุคที่มีการพัฒนาทางด้านความคิดของพวกคุณเป็นอย่างมากผู้คนมีการคิดเกี่ยวกับสุนทรียภาพแห่งการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ สถาปัตยกรรมหรืองานสร้างต่างๆก็ถูกผลิตขึ้นในงานของยุคโรมันเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามความเชื่อหรือแนวคิดต่างๆได้ถูกถ่ายทอดมาจากกรีก ซึ่งทุกคนต่างๆมีการรวมอำนาจค่อนข้างเยอะในโดยเฉพาะในยุคโรมันที่มีการพัฒนาทางด้านงานศิลปะให้และให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนางานต่างๆเป็นอย่างมาก การเจริญอำนาจหรือการสร้างอำนาจชาวจีนมีความเชื่อว่าสุนทรียภาพสามารถแสดงออกได้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นี่จึงทำให้สาเหตุของเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความเชื่อหลังความตายเป็นอย่างมาก

ยุคต่างๆที่มีอิทธิพลต่อชาวโรมันอินเทอร์เน็ตยุคแรกคือ ยุคที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของชาวกรีก ชาวกรีกเป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมเป็นอย่างมากนี่จึงทำให้ศิลปะต่างๆของยุคกรีกมีการส่งต่อมาสู่ยุคโรมันเป็นอย่างมากปฏิมากรรมของชาวโรมัน ได้ถูกพัฒนามาจากในยุคของชาวกรีกซึ่งมีวิวัฒนาการของงานเป็นอย่างมาก 

ชาวโรมันเป็นชาวที่มีประติมากรรมที่มีความเหมือนจริงและรูปทรงต่างๆที่มีการพัฒนาตลอดเวลาการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อประติมากรรมต่างๆหรือแม้จะเป็นการทำหุ่นหน้ากากขี้ผึ้งที่แสดงถึงความจงรักภักดีและการเคารพบูชาแก่บรรพบุรุษ ซึ่งจะมีการประดิษฐ์ให้เหมือนหน้าจริงมากที่สุดในจึงทำให้ความนิยมของประติมากรรมที่มีรูปร่างคล้ายคนจริงหรือแม้แต่จะเป็นการพิมพ์ภาพแบบนูนสูงได้รับความนิยมอย่างมากในการพัฒนาในส่วนของโรมันต่างๆเหล่านี้

ไม่ใช่เพียงแต่ปฏิมากรรมปั้น แต่มีสถาปัตยกรรมมากมายซึ่งในยุคปัจจุบันเราก็ได้เห็นผลงานสถาปัตยกรรมมากมายในการพิมพ์รูปทรงต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสาโรมันที่ในยุคปัจจุบันก็มีการใช้กันอยู่ รวมถึงจะมีกำแพงตามสถานที่ต่างๆที่ถูกบันทึกเรื่องราวต่างๆหรือความเชื่อต่างๆตอนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับจักรวรรดิข้าราชบริพารซึ่งมีความเหมือนจริงและลักษณะใบหน้าก็มีการคล้ายคลึงกับของจริงมากที่สุด

อย่างไรก็ตามยุคสมัยโรมันเป็นยุคที่มีงานศิลปะที่พัฒนาคนไข้เยอะไม่ว่าจะเป็นผู้คนหน้าตาหรือแม้จะเป็นการเข้าถึงความรู้ความเชื่อต่างๆก็มีการพัฒนาที่รักข้างเดียวเพราะยุคนี้เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของงานศิลปะที่นำความเชื่อและการพัฒนาการทำงานต่างๆเหล่านี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาผู้คนสุสานหน้าต่างการฝังศพ

รวมถึงอนุสาวรีย์ต่างๆก็ถูกผลิตในยุคนี้เป็นจำนวนมากจนมาถึงยุคหลังที่ผู้คนและการมีการศึกษาเกี่ยวกับงานศิลปะในยุคโรมันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 

 

ขอบคุณ ทดลองเล่นบาคาร่า  ที่ให้การสนับสนุน

ทฤษฎีสี

ศิลปะคือสิ่งที่กล่อมเกลาจิตใจมนุษย์มาช้านาน คนใช้งานเสร็จภายในการบันทึกเรื่องราวต่างๆหรือแม้แต่จะเป็น ประวัติศาสตร์ต่างๆก็ถูกบันทึกผ่านงานศิลปะ นึกว่าจะเป็นงานศิลปะกำแพงหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของยุคดึกดำบรรพ์ผู้คนก็มีการใช้ศิลปะในการแสดงอารมณ์หรือระบายอารมณ์ร่วมถึงเป็นการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆยกตัวอย่างเช่น ผู้คนในยุคถ้ำหรือมนุษย์ยุคถ้ำนั้นก็จะเป็นการบันทึกงานศิลปะ

โดยใช้เลือดและกระดูกของสัตว์ที่ล่าสัตว์นั้นมา เขียนลงบนกำแพงหรือที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นโขดหินต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของกำแพงต่างๆของถ้ำ เพื่อบันทึกว่าละแวกแถวนั้นมีอะไรบ้างน้ำตรงไหนบ้างจดบันทึกแผนที่หรือแม้แต่จะเป็นการวาดงานศิลปะเช่นสัตว์ อธิบายว่าในส่วนของละแวกถ้ำนั้นๆมีสัตว์ชนิดใดบ้างและสามารถล่าสิ่งใดบ้างที่ถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน

การใช้สีมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆยกตัวอย่างเช่นในส่วนของก่อนหน้านี้ ในตั้งแต่ยุคถ้ำก็มีการใช้สีต่างๆในการจดบันทึกไม่ว่าจะเป็นสีของดิน สีของเลือด หรือแม้แต่จะเป็นการขูดขีดนำฝาผนังโดยใช้หิน รวมทั้งกระดูกสัตว์ ซึ่งบรรพบุรุษของมนุษย์ต่างๆนี้มีการใช้สีต่างๆเพื่อแสดงถึงความน่าหวาดกลัว ธรรมชาติ ความน่าตื่นเต้น และการเกิดเหตุต่างๆไม่ว่าจะเป็นพายุหรือแม้แต่จะเป็นน้ำท่วม

ในยุคปัจจุบันการพัฒนาสีต่างๆที่ถูกเปลี่ยนแปลง หรือถูกพัฒนาตลอดเวลาเพราะมนุษย์นั้นมีความเชื่อว่า พระเจ้าคือสิ่งที่ประธานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัย บางคนจึงใช้สีต่างๆหรือว่าเลือกต่างๆในการจดบันทึกหรือในการบูชาพระเจ้าในสิ่งต่างๆนี่เองจึงเป็นส่วนสำคัญที่ในยุคปัจจุบันรูปร่างลักษณะหรือภาวะต่างๆที่แสดงให้เห็นถึง ความเชื่อ ที่อยู่อาศัย

หรือแม้แต่จะเป็นลักษณะในการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นการปั้นแกะสลักหรือแม้แต่จะเป็นการวาดภาพบนฝาผนังก็มีมาอย่างช้านาน ซึ่งมนุษย์ยุคถ้ำต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการใช้สีที่มีตามอยู่ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาลของดิน สีเขียวที่แสดงถึงต้นไม้ สีเทาที่มาจากหิน หรือแม้แต่จะเป็นสีแดงที่มาจากเลือด สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามนุษย์มีการพัฒนาลักษณะของการใช้สีอยู่ตลอดเวลา เนื้อสัตว์ถูกนำไปใช้ในส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็นการทานหรือแม้จะเป็นกันใช้ชีวิต

ซึ่งการใช้สีของผู้คนนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันก็มีการใช้สีในการทำงานศิลปะมากมาย สีได้ถูกพัฒนาให้มีหลากหลายมากยิ่งขึ้นให้แสดงให้เห็นถึงการใช้งานต่างๆอย่างไรก็ตามนี้จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนในยุคปัจจุบันหรือแม้จะเป็นยุคเริ่มต้นของงานศิลปะได้มีการใช้ศิลปะภาพวาดหรือแม้จะเป็นการแสดงสี ที่แสดงให้เห็นถึงการล่าสัตว์

การใช้ชีวิต เมื่อจดบันทึกเรื่องราวต่างๆเพราะว่าในส่วนของท่านนั้นๆหากมีการย้ายที่ กลุ่มคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ก็จะรู้ว่าในบริเวณนี้สามารถล่าสัตว์ชนิดใดได้บ้างหรือว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง เพื่อการระวังตัวหรือแม้จะเป็นในส่วนของการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆลงบนฝาผนังซึ่งในปัจจุบันก็มีการใช้งานอยู่ตลอดเวลาเพื่อแสดงให้เห็นในการค้นหาว่าในอดีตผู้คนมีการใช้ชีวิตอย่างไร 

 

 

สนับสนุนโดย   จีคลับคาสิโนออนไลน์

การศึกษาและงานศิลปะในประเทศไทย

ศิลปะในประเทศไทยเป็นศิลปะที่มีความต้องการในการพัฒนาค่อนข้างเยอะผู้คนต่างๆมีความต้องการในการพัฒนาไม่ว่าจะเป็น งานสร้างสรรค์เกี่ยวกับปฏิมากรรมในประเทศไทยการปั้น การแกะสลักหรือแม้แต่จะเป็นการทำงานเร็วๆนี้มากมายรวมถึงในยุคปัจจุบันก็มีการพัฒนาศิลปะร่วมสมัยเป็นอย่างมาก ผู้คนต่างๆมีความต้องการในการพัฒนาอุดมคติรวมถึงมีการพัฒนาวัฒนธรรม ความคิดต่างๆหรือความเชื่อต่างๆ

ที่สืบต่อกันมาได้แต่ละจังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็จะมีลักษณะของงานศิลปะที่แตกต่างออกไปอย่างไรก็ตาม ผู้คนต่างๆที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันอาจจะได้เห็นงานศิลปะเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะที่อยู่ในโบสถ์ หรืองานศิลปะที่อยู่ในวัดเองก็ตามเพราะผู้คนต่างๆมีลักษณะในการใช้ชีวิตด้วยความเชื่อต่างๆที่แตกต่างกันออกไป

สถานที่งานเก่าๆประติมากรรมงานวาดงานเขียนหรือแม้แต่จะเป็นงานปั้น เราอาจจะเห็นตัวละครในวรรณคดี หรือแม้แต่จะเป็นตัวละครที่เกี่ยวกับศาสนาผู้คนต่างมีความต้องการในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆตามความเชื่อหรือแม้แต่จะเป็นความนิยมกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ให้ส่งต่อถึงคนรุ่นหลังนี้เองจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ในวัดในโบสถ์ต่างๆมีรูปวาดหรือแม้แต่จะเป็นงานบ้านต่างที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันก็มีการพัฒนาเป็นงานเขียนรวมถึงงานดิจิตอลในการใช้งานอีกด้วย จึงทำให้การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบในการอยู่อาศัยของผู้คนในการพัฒนาอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตามประเทศไทยในยุคปัจจุบันก็มีการศึกษาหรือให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเรียนการสอนงานศิลปะค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนต่างๆในยุคปัจจุบันที่สามารถศึกษาเกี่ยวกับงานศิลปะเบื้องต้นได้ตั้งแต่วัยประถม ซึ่งกำลังหัดเขียนหัดอ่านนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่มีวัฒนาการการเรียนการสอนของประเทศไทยให้ความสำคัญเกี่ยวกับทางด้านจินตนาการกับเด็ก การศึกษาและศิลปะในประเทศไทย

มีการพัฒนาด้านข้างเยอะไม่ว่าจะเป็นมหาลัยต่างๆหรือสถาบันการศึกษาต่างๆในยุคปัจจุบันที่มีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งจะทำให้ส่วนใหญ่ผู้คนสามารถเข้าถึงงานศิลปะได้ แม้แต่ขอสิ่งใดในยุคปัจจุบันก็มีเป็นจำนวนมากรวมถึงสถาบันเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมประวัติศาสตร์หรืองานศิลปะต่างๆตามจังหวัดต่างๆอีกมากมาย การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยต่างๆเหล่านี้ไม่อาจลบเลือนความเชื่อหรือแม้แต่จะเป็นความต้องการในการถ่ายทอดของงานศิลปะต่างๆได้

การเปลี่ยนแปลงของงานต่างๆจะมีการพัฒนาอยู่เสมอผู้คนต่างให้ความสนใจในการพัฒนาการทำงานหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการใช้ชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยต่างๆไม่ว่าจะเป็นในส่วนของวันเวลาที่ผ่านไป งานศิลปะต่างๆเริ่มถ่ายทอดเกี่ยวกับความคิดหรือแม้แต่จะเป็นความเชื่อต่างๆ

โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่งานร่วมสมัยต่างๆมีการแสดงออกทางความคิดเห็นทางการเมืองค่อนข้างเยอะ ตอนนี้ปัจจุบันความเห็นทางการเมืองค่อนข้างมีบทบาทกับผู้คนนี่เองจึงเห็นได้ว่าในยุคปัจจุบันงานศิลปะเกี่ยวกับการเมืองมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก 

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   เว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์

เสน่ห์ที่ฆ่าไม่ตายของกล้องฟิล์ม

ด้วยยุคสมัยและความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนทำให้หลายคนเคยมองข้ามกล้องฟิล์ม แล้วหันมาใช้กล้องดิจิตอลแทน กล้องฟิล์มจึงไม่ได้เป็นที่นิยมและแทบจะหายไปจากยุคนี้ แต่ปัจจุบันกล้องฟิล์มได้กลับมามีกระแสและเป็นที่นิยมอีกครั้ง เพราะเหตุใดกันนะคนส่วนใหญ่ถึงกลับมาเล่นกล้องฟิล์มกันอีกครั้ง 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกล้องฟิล์มกันดีกว่า 

-ใช้ขนาดของกล้องฟิล์ม หรือ Format ในการแบ่งประเภท จะสามารถแบ่งกล้องฟิล์มได้ 3 ประเภท

  1. Small Format คือ กล้องฟิล์มที่คนนิยมใช้กันทั่วไป ฟิล์มที่ใช้จะเป็นแบบ 35mm
  2. Medium Format คือ กล้องที่ใช้ฟิล์มขนาดใหญ่ขึ้นมาจากแบบทั่วไป คือ Format 120 (ขนาด 6″x6″ หรือ 6″x9″)
  3. Large Format คือ กล้องฟิล์มที่มีขนาดใหญ่ หาไม่ได้ทั่วไป ใช้ฟิล์มขนาด 4×5 นิ้ว หรือ ใหญ่กว่านั้น ด้วยความที่ตัวกล้องมีขนาดใหญ่จึงอาจทำให้ยากต่อการใช้งาน 

-ใช้ลักษณะการโฟกัสในการแบ่งประเภท จะสามารถแบ่งกล้องฟิล์มได้ 2 ประเภท

1.กล้องฟิล์ม RF (Rang Finder) คือ กล้องฟิล์มที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก มีการโฟกัสภาพโดยการมองผ่านช่องมองภาพ ซึ่งเป็นช่องมองภาพจะเป็นคนละช่องกับเลนส์รับภาพ ในการโฟกัสภาพจะใช้การปรับวงแหวนโฟกัสของเลนส์ควบคู่ไปกับตัววัดระยะของกล้อง จะต้องใช้การกะระยะจากเฟรมในช่องมองภาพ การโฟกัสภาพแบบดังกล่าว เรียกว่า Parallax Focus หรือ แบบภาพซ้อน อันเป็นการโฟกัสที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล้องฟิล์ม RF ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์กล้องได้จึงมีความยืดหยุ่นในการใช้งานน้อย 

  1. กล้องฟิล์ม SLR (Single Lens Reflex) คือ กล้องฟิล์มที่ใช้ช่องมองภาพ (View Finder) ในการโฟกัสภาพผ่านเลนส์ กล่าวคือเมื่อเรามองเห็นภาพยังไง ภาพฟิล์มที่ได้ก็จะออกมาแบบนั้น กล้องฟิล์ม SLR ได้พัฒนามาจากกล้องฟิล์ม RF จึงทำให้สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า แต่กล้องฟิล์ม SLR จะขนาดที่ใหญ่ขึ้น พกพาลำบากกว่ากล้องฟิล์ม RF

-ใช้ลักษณะการทำงานของกล้องในการแบ่งประเภท จะสามารถแบ่งกล้องฟิล์ม ได้ 2 ประเภท

1.กล้องกลไกล หรือที่เรียกว่ากล้องแมคคานิค (Mechanic) คือ กล้องที่ขับเคลื่อนการทำงานม่านชัตเตอร์ด้วยตัวกลไกเฟือง แม้ไม่มีแบตเตอรี่ก็สามารถทำงานได้ ถ่ายภาพได้ จึงค่อนข้างมีความทนทาน

2.กล้องไฟฟ้า คือ กล้องที่ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบมอเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า ต้องใช้ต้องแบตเตอรี่ในการทำงาน ถ้าไม่มีแบตเตอรี่หรือแบตเตอรี่หมดจะไม่สามารถกดชัตเตอร์ได้ ไม่สามารถขึ้นไกฟิล์มได้ ไม่สามารถถ่ายรูปภาพได้เลย อายุการใช้งานจึงมีขีดจำกัด แต่กล้องไฟฟ้าจะมีความสะดวกในการพกพา ใช้งานได้คล่องตัวกว่ากล้องกลไก

-ใช้ฟังก์ชั่นของกล้องมาเป็นตัวแบ่งประเภท จะสามารถแบ่งกล้องฟิล์ม ได้ 3 ประเภท

1.กล้องออโต้ (Auto) คือ กล้องฟิล์มที่ไม่ต้องปรับค่าของกล้องในการใช้งาน เช่น การปรับสปีดชัตเตอร์ การปรับรูรับแสงเพียงแค่เล็ง และโฟกัสก็สามารถกดชัตเตอร์ถ่ายภาพได้เลย

2.กล้องกึ่งออโต้ คือ กล้องฟิล์มที่มีการปรับแค่รูรับแสง ส่วนการปรับสปีดชัตเตอร์ ระบบกล้องจะคำนวนค่าแสงและเลือก Speed Shutter ที่เหมาะสมให้เองโดยที่เราไม่ต้องปรับ เรียกระบบนี้ว่า Aperture Priority 

3.กล้องแมนนวล (Manual) คือ กล้องที่ต้องปรับรูรับแสงแสะสปีดชัตเตอร์เองทั้งหมด ตัวกล้องจะมีระบบวัดแสง ที่สามารถแสดงการประมาณแสงที่เข้ามาในกล้องได้ โดยแสดงผลเป็นแบบเข็มหรือแบบไฟ LED 

แม้ในปัจจุบันจะมีกล้องดิจิตอล หรือกล้องบนโทรศัพท์มือถือที่มีคุณภาพดีแค่ไหน แต่การใช้กล้องฟิล์มก็ยังคงเป็นเสน่ห์ที่ชวนน่าหลงใหลอยู่เสมอ ต่อให้มีการทำแอพพลิเคชั่นกล้องฟิล์มขึ้นมาก็ไม่อาจแทนที่กล้องฟิล์มจริงๆได้  และที่เหมือนจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้กล้องฟิล์มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งน่าจะมาจากการที่ผู้มีชื่อเสียง อย่าง ดารา นักร้อง ไอดอล ได้นำกล้องฟิล์มออกมาใช้ จึงทำให้เกิดเป็นกระแสกล้องฟิล์ม ถึงขนาดที่มีช่างภาพ ผู้ที่สนใจหลายคนหันมาสนใจเล่นและสะสมกล้องฟิล์มกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจขายกล้องฟิล์มและฟิล์มถ่ายรูปกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เรียกได้ว่าเสน่ห์ของกล้องฟิล์มเป็นอะไรที่ฆ่าไม่ตายจริงๆ  

 

สนับสนุนโดย   สมัคร Gclub

โมนาลิซ่า

ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานปรากฎอย่างแน่ชัดว่าโมนาลิซ่านั้นเป็นใคร แต่ในชวงราวศรรตวรรษที่16นั้นได้มีการปรากฎขึ้นของภาพโมนาลิซ่าที่เป็นภาพวาดเปลือยกาย ทำให้ภาพวาดของสาวเปลือยกลายนี้นั้นได้มีการพูดถึงและเป็นที่โด่งดังอย่างมาก และด้วยตัวผู้วาดอย่าง Leonardo de vinci นั้นมีการกล่าวขานว่าตัวเขานั้นมีการรักร่วมเพศ และมีการสันนิษฐานไปว่า โมนาลิซ่านั้น

ไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นการวาดภาพเหมือนเพื่อจำแลงเพศของเด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่งซึ่งเป็นศิลปินที่มักจะมีการติดรูปเหล่านี้ไว่ตามสตูดิโอหรือสถานที่ที่เกี่ยวกับงานศิลปะ จึงมีการสันนิษฐานว่าเด็กหนุ่มคนนี้นั้นคือคนที่ Leonardo นั้นเลี้ยงไว้นั่นเอง

มีการนำภาพเหมือนของ Leonardo de vinci นั้นมาเปรียบเทียบกับภาพของโมนาลิซ่าและก็มีการสรุปตามข้อสันนิษฐานข้างต้นนั้นว่าโมนาลิซ่านั้นคือภาพวาดที่เป็นการภาพแฝงในการสร้างสรรค์ในตัวตนของ Leonardo de vinci นั่นเองแต่มีการจิตนาการและสร้างสรรค์ภาพวาดออกมาใหเมีการแต่งกายในลักษณะที่เป็นสตรีเพศ

โดยข้อสันนิษฐานนี้นั้นมีผู้ที่ได้ให้การสนับสนุนและมีการกล่าวเสริมว่าลายปักขดเชือกรอบคอเสื้อของโมนาลิซ่านั้นเป็นลายเซ็นลับของ Leonardo de vinci นั่นเองเพราะในภาษาอิตาเลียนความหมายของคำว่าขดเชือกนั้นตรงกับคำว่า Vinciley หรือคำเป็นชื่อย่อของ Leonardo de vinci นั่นเอง

แม้ว่าบุคคลในภาพวาดโมนาลิซ่านั้นยังคงเป็นสิ่งที่มีการถกเถียงกันอย่างไม่จบสิ้นว่าความแท้จริงแล้วนั้นบุคคลในภาพวาดเป็นใครกันแน่ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่ได้ครอบครองภาพวาดนี้นั้นยังพอจะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้อยู่บ้าง โดยผู้ที่ได้ครอบครองภาพวาดโมยาลอซ่าคนแรกนั้นก็คือกษัตริย์ฝรั่งเศสซึ่งมีการโปรดให้นำภาพโมนาลิซ่านั้นไปประดับที่ห้องโถงในพระราชวังและหลังจากมีการเปลี่ยนกษัตริย์ ภาพวาดโมนาลอซ่านั้นก็ได้ถูกย้ายไปยังห้องบรรทมและมีการเรียกชื่อภาพวาดนั้นอย่างสนิทสนมว่ามาดามลิซ่าด้วย

โดยภาพวาดโมนาลิซ่านั้นทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียงสิ่งที่มีการกล่าวสันนิษฐานเท่านั้น เพราะว่ายังไม่ได้มีหลักฐานชิ้นไหนที่จะแสดงได้อย่างแน่ชัดว่าความจริงแล้วนั้นโมนาลิซ่าเป็นใคร ก็ยังคงมีการตีความกันไปและยังคงเป็นสิ่งที่ผู้สนใจยังคงค้นหาคำตอบ และถึงแม้จะไม่ได้คำตอบอบ่างแน่ชัดว่าโมนาลิซ่านั้นเป็นมครอย่างน้อยเราก็ได้รับความรู้ใหม่ๆและได้เรียนรู้ถึงข้อสันนิษฐานต่างๆของโมนาลิซ่า

และโมนาลิซ่านั้นก็ยังคงเป็นภาพวาดที่ได้รับความนิยมอย่างมากมาจนถึงปัจจุบันถึงแม้ว่าเรานั้นจะไม่ทราบว่าโมนาลิซ่านั้นเป็นใครแต่เมื่อมองภาพวาดแล้วนั้นเราก็เห็นได้ถึงความสวยงามและรอยยิ้มอันมีความสุขที่โมนาลิซ่านั้นได้มอบไว้ให้แก่ผู้ชมภาพศิละที่ชื่อว่าภาพวาดโมนาลิซ่านั่นเอง

.

 

สนับสนุนโดย   สล็อต ยิงปลา ฝากขั้น ต่ํา 100