เมื่อนานมาแล้วสมัยที่คนยังห่มผ้านุ่งนุ่งโจงกระเบน ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขานั้นชื่อว่าดั้น เท่านั้นเป็นคนที่ป่วยเป็นโรคตาบอดใสซึ่งเป็นอาการของคนที่ตาบอดแต่จะสามารถลืมตาได้และสามารถหลอกคนอื่นได้ว่าตัวเองไม่ได้ตาบอดเพราะว่าเดินทางของพวกเขานั้นเปรียบเสมือนกับว่าพวกเขานั้นไม่ได้ตาบอดแต่ยังคงลืมตาอยู่ในช่วงเวลานั้นเอง เขาเองนั้นได้ตกหลุมรักกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่านางริงไร ใจเธอนั้นเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในหมู่บ้านเขาได้ยินชื่อสิ่งของเธอจึงตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจังเธอนั้น
เป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดในหมู่บ้านเขาได้ยินชื่อสิ่งของเธอจึงตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจังโดย เขานั้นได้ขอให้ครอบครัวพาเขาไปสู่ขอนางริงไร โดยฝ่ายเธอเองซึ่งเป็นหญิงสาวนั้นไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วยเป็นชายหนุ่มที่เป็นโรคตาบอดใสเธอจึงแต่งงานกับเขาไปอาศัยอยู่ด้วยกัน 1 อาทิตย์ช่วงเวลานั้นเองเป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวได้ลงไปตากผ้าที่หลังบ้านและฝ่ายชายเองนั้นซึ่งก็คือนายดั้นได้หิวข้าวจึงเดินทางเข้าไปในห้องครัวของบ้านและพยายามจะยึดหม้อข้าว
แต่เนื่องจากเขาตาบอดมือของเขาจึงได้จัดโดยหม้อข้าวทำให้มันตกลงพื้นเข้ากระจัดกระจายเต็มไปหมดฝ่ายนางริงไร ไม่ได้ยินเสียงของตกเธอจึงรีบขึ้นมาและเห็นว่านาย ดั้นสามีของเธอ ได้ยินอยู่ตรงที่ข้าวนั้นกระจัดกระจายเธอจึงถามสามีของเธอว่าเทข้าวลงพื้นทำไมเขาจึงแก้ไขสถานการณ์โดยการหลอกภรรยาเขาไปว่าที่เขานั้น ทำข้าวตกลงไปเยอะแบบนี้ก็เพราะว่าเขานั้นต้องการที่จะให้ไก่ มากินข้าวและฝ่ายภรรยาเองก็เชื่อจึงได้เดินทางไปตากผ้าต่อที่หลังบ้านอีกวันหนึ่งชายหนุ่มก็ถูกภรรยาสั่งให้ไปนำวัวควายไว้ไถนา
ซึ่งเขานั้นก็ทำตามแต่เนื่องจากที่เขานั้นป่วยเป็นโรคตาบอดใสและมองอะไรไม่เห็นน่าจะทำให้เขานั้นไม่สามารถบังคับวัวได้เขาจึงตกลงไปในแม่น้ำแห่งนึงที่น้ำน้ำไหลไม่เชี่ยวมากแล้วจ้ามัวก็ได้หนีเข้าป่าไปช่วงเวลานั้นเองเป็นช่วงเวลาที่มีเสียงลมพัด ทำให้เขานั้นคิดว่าเสียงลมพัดที่กระทบกับใบไม้นั้นก็คือเสียงของเจ้าวัวหรือควายที่วิ่งเข้าไปในป่าเขาจึงพยายามสาดน้ำไปทางป่าภรรยาของ เขาก็เดินมาหาและถามว่าทำไมเขาก็บอกว่าทุ่งนาของพวกเขานั้นแห้งเหี่ยวเขาจะพยายามสาดน้ำใส่ด้วยความที่ภรรยาไม่รู้อะไรภรรยาจึงเชื่อและเดินทางกลับบ้านไปทำอาหารมีอยู่วันหนึ่งที่นายดั้น อยากกินหมาก
เขาจึงถามภรรยาว่าหมากอยู่ไหนฝ่ายภรรยาเองนั้นก็ตอบว่าอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแต่เนื่องจากเขาเองนั้นมองไม่เห็นเขาจะไม่สามารถที่จะหาได้เจอเขาจึงคิดว่ามันไม่ได้มีหมากอยู่บนโต๊ะจริงๆ เขาจึงท้ากับภรรยาของตัวเองว่าหากภรรยาของเขา เดินมาที่โต๊ะกินข้าวและเห็นว่ามีหมากอยู่เขาก็ยอมที่จะให้ภรรยานั้นนำปูนมาถูที่ตาของเขาเลยด้วยความที่ ภรรยารีบเดินมาได้เห็นว่ามีหมากอยู่ที่โต๊ะด้วยความที่เธอโมโห
เธอจึงรีบ เอาปูน ไปถูหน้าของสามี ฝ่ายชายจึงได้ใช้โอกาสนี้ในการบอกว่าที่ภรรยาทำแบบนี้จึงทำให้เขานั้นตาบอดภรรยาจึงได้จ้างหมอที่เก่งที่สุดในโลกมารักษาโดยสุดท้ายนั้นเขาก็สามารถรักษาตาของเขาได้ในที่สุดและเขาก็สามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้
ในตำนานนี่นั้นเป็นตำนานที่คนเฒ่าคนแก่เล่ากันมาจะสอนให้กับลูกหลานตัวเองในตำนานนี้นั้นให้ข้อคิดว่าเมื่อมีปัญหาเราจะต้องสงบสติและคิดวิธีแก้ปัญหาให้ดีที่สุด
ได้รับการสนับสนุนโดย แทงบอลออนไลน์