การค้นหาพื้นที่การทำงานใหม่ๆ

อย่างที่รู้กันว่าการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่และการทำงานของรูปแบบของงานศิลปะในยุคปัจจุบันที่มีการเปิดกว้างในรูปแบบง่ายๆ ขอยกตัวอย่างงานประติมากรรมซึ่งเป็นอาทิหรือรูปแบบในการทำงานมากมายบางทีก็ทำงานประติมากรรมเพียงอย่างเดียวเป็นรูปแบบของการรับใช้งานศิลปะต่างๆอย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของวัตถุการทำงานต่างๆเหล่านี้ความตกต่ำและเสื่อมถอยทำให้รูปแบบนั้น

ทำงานในยุคปัจจุบันที่มีการใช้ Digital มากยิ่งขึ้นของระบบการเชื่อมโยงข้อมูลเข้ามารูปแบบในการทำงานใหม่ๆหรือแม้แต่จะเป็นการทำความสะอาดของรูปแบบงานศิลปะต่างๆซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงว่าลักษณะในการทำงานหรือแม้จะเป็นการศึกษาต่างๆที่มีการพัฒนาทางด้านความคิดทำให้มีการส่งต่อถึงลักษณะในการทำงานใหม่ๆ

เป็นงานรวมถึงการแสดงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองต่าง ๆ เมืองหรือเมืองที่เทียบเท่ากันสะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมเช่นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย การทำความสะอาดสิ่งต่างๆการทำความสะอาดสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในการพัฒนาที่น่าสนใจมนุษย์มีความคิดและมีการกล่าวถึงแตกต่างจากสัตว์ของพวกเขา

เมื่อมีความโกรธไหลออกมาและกัดกินการกระทำ แต่มนุษย์มีความคิดที่จะพูดคุยวางแผนงานและเบี่ยงเบนการจับคู่รูปแบบอื่น ๆ นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่น่าสนใจและน่าสนใจ เป็นสิ่งสำคัญมากที่พวกเราส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วยซ้ำ นี่เองจึงเป็นสาเหตุที่รูปแบบในการทำงานและการค้นหาพื้นที่การทำงานใหม่ๆจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างมีความน่าสนใจเพราะได้สะท้อนถึงความคิดต่างๆที่แท้จริงและรูปแบบของการทำงานต่างๆ

เหล่านี้ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านแนวคิดลักษณะการทำงานการเปิดกว้างหรือแม้จะเป็นลักษณะของการเติบโตของผู้คน ในพื้นที่ต่างๆที่มีการศึกษาและสืบทรัพย์ของวัฒนธรรมเพื่อให้งานศิลปะต่างๆมีการเติบโตเพิ่มขึ้นพื้นที่ในการทำงานใหม่ๆ จึงเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้งานศิลปะต่างๆมีการเติบโตและมีการพัฒนาในรูปแบบที่ดีมากยิ่งขึ้นเพื่อสะท้อนและรองรับการใช้งานของผู้คนสืบไปในวันข้างหน้า อันเป็นผลมาจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเหล่านี้ทำให้เกิดผลงานที่หลากหลาย

ซึ่งช่วยให้การเติบโตและการพัฒนาของกิจกรรมสปา ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติหรือสถานที่อื่น ๆ อีกมากมายที่ได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยนในรูปแบบต่างๆ นำเสนอโครงสร้างที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา พื้นที่ต่างๆเหล่านี้จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันและสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบในการทำงานซึ่งกิจกรรมต่างๆจำเป็นจะต้องมีการสู้กับความคิด ลักษณะและวัฒนธรรมต่างๆเพื่อให้ได้งานในรูปแบบใหม่ๆพื้นที่ในการทำงานจึงเป็นบทบาทที่สำคัญและมีความท้าทายอย่างยิ่งที่ทำให้กิจกรรมต่างๆมีการค้นหาพื้นที่ต่างๆเหล่านี้เพื่อรองรับการทำงานและสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการทำงานในพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    สมัคร Gclub

เสน่ห์ที่ฆ่าไม่ตายของกล้องฟิล์ม

ด้วยยุคสมัยและความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนทำให้หลายคนเคยมองข้ามกล้องฟิล์ม แล้วหันมาใช้กล้องดิจิตอลแทน กล้องฟิล์มจึงไม่ได้เป็นที่นิยมและแทบจะหายไปจากยุคนี้ แต่ปัจจุบันกล้องฟิล์มได้กลับมามีกระแสและเป็นที่นิยมอีกครั้ง เพราะเหตุใดกันนะคนส่วนใหญ่ถึงกลับมาเล่นกล้องฟิล์มกันอีกครั้ง 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกล้องฟิล์มกันดีกว่า 

-ใช้ขนาดของกล้องฟิล์ม หรือ Format ในการแบ่งประเภท จะสามารถแบ่งกล้องฟิล์มได้ 3 ประเภท

  1. Small Format คือ กล้องฟิล์มที่คนนิยมใช้กันทั่วไป ฟิล์มที่ใช้จะเป็นแบบ 35mm
  2. Medium Format คือ กล้องที่ใช้ฟิล์มขนาดใหญ่ขึ้นมาจากแบบทั่วไป คือ Format 120 (ขนาด 6″x6″ หรือ 6″x9″)
  3. Large Format คือ กล้องฟิล์มที่มีขนาดใหญ่ หาไม่ได้ทั่วไป ใช้ฟิล์มขนาด 4×5 นิ้ว หรือ ใหญ่กว่านั้น ด้วยความที่ตัวกล้องมีขนาดใหญ่จึงอาจทำให้ยากต่อการใช้งาน 

-ใช้ลักษณะการโฟกัสในการแบ่งประเภท จะสามารถแบ่งกล้องฟิล์มได้ 2 ประเภท

1.กล้องฟิล์ม RF (Rang Finder) คือ กล้องฟิล์มที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก มีการโฟกัสภาพโดยการมองผ่านช่องมองภาพ ซึ่งเป็นช่องมองภาพจะเป็นคนละช่องกับเลนส์รับภาพ ในการโฟกัสภาพจะใช้การปรับวงแหวนโฟกัสของเลนส์ควบคู่ไปกับตัววัดระยะของกล้อง จะต้องใช้การกะระยะจากเฟรมในช่องมองภาพ การโฟกัสภาพแบบดังกล่าว เรียกว่า Parallax Focus หรือ แบบภาพซ้อน อันเป็นการโฟกัสที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล้องฟิล์ม RF ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์กล้องได้จึงมีความยืดหยุ่นในการใช้งานน้อย 

  1. กล้องฟิล์ม SLR (Single Lens Reflex) คือ กล้องฟิล์มที่ใช้ช่องมองภาพ (View Finder) ในการโฟกัสภาพผ่านเลนส์ กล่าวคือเมื่อเรามองเห็นภาพยังไง ภาพฟิล์มที่ได้ก็จะออกมาแบบนั้น กล้องฟิล์ม SLR ได้พัฒนามาจากกล้องฟิล์ม RF จึงทำให้สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า แต่กล้องฟิล์ม SLR จะขนาดที่ใหญ่ขึ้น พกพาลำบากกว่ากล้องฟิล์ม RF

-ใช้ลักษณะการทำงานของกล้องในการแบ่งประเภท จะสามารถแบ่งกล้องฟิล์ม ได้ 2 ประเภท

1.กล้องกลไกล หรือที่เรียกว่ากล้องแมคคานิค (Mechanic) คือ กล้องที่ขับเคลื่อนการทำงานม่านชัตเตอร์ด้วยตัวกลไกเฟือง แม้ไม่มีแบตเตอรี่ก็สามารถทำงานได้ ถ่ายภาพได้ จึงค่อนข้างมีความทนทาน

2.กล้องไฟฟ้า คือ กล้องที่ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบมอเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า ต้องใช้ต้องแบตเตอรี่ในการทำงาน ถ้าไม่มีแบตเตอรี่หรือแบตเตอรี่หมดจะไม่สามารถกดชัตเตอร์ได้ ไม่สามารถขึ้นไกฟิล์มได้ ไม่สามารถถ่ายรูปภาพได้เลย อายุการใช้งานจึงมีขีดจำกัด แต่กล้องไฟฟ้าจะมีความสะดวกในการพกพา ใช้งานได้คล่องตัวกว่ากล้องกลไก

-ใช้ฟังก์ชั่นของกล้องมาเป็นตัวแบ่งประเภท จะสามารถแบ่งกล้องฟิล์ม ได้ 3 ประเภท

1.กล้องออโต้ (Auto) คือ กล้องฟิล์มที่ไม่ต้องปรับค่าของกล้องในการใช้งาน เช่น การปรับสปีดชัตเตอร์ การปรับรูรับแสงเพียงแค่เล็ง และโฟกัสก็สามารถกดชัตเตอร์ถ่ายภาพได้เลย

2.กล้องกึ่งออโต้ คือ กล้องฟิล์มที่มีการปรับแค่รูรับแสง ส่วนการปรับสปีดชัตเตอร์ ระบบกล้องจะคำนวนค่าแสงและเลือก Speed Shutter ที่เหมาะสมให้เองโดยที่เราไม่ต้องปรับ เรียกระบบนี้ว่า Aperture Priority 

3.กล้องแมนนวล (Manual) คือ กล้องที่ต้องปรับรูรับแสงแสะสปีดชัตเตอร์เองทั้งหมด ตัวกล้องจะมีระบบวัดแสง ที่สามารถแสดงการประมาณแสงที่เข้ามาในกล้องได้ โดยแสดงผลเป็นแบบเข็มหรือแบบไฟ LED 

แม้ในปัจจุบันจะมีกล้องดิจิตอล หรือกล้องบนโทรศัพท์มือถือที่มีคุณภาพดีแค่ไหน แต่การใช้กล้องฟิล์มก็ยังคงเป็นเสน่ห์ที่ชวนน่าหลงใหลอยู่เสมอ ต่อให้มีการทำแอพพลิเคชั่นกล้องฟิล์มขึ้นมาก็ไม่อาจแทนที่กล้องฟิล์มจริงๆได้  และที่เหมือนจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้กล้องฟิล์มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งน่าจะมาจากการที่ผู้มีชื่อเสียง อย่าง ดารา นักร้อง ไอดอล ได้นำกล้องฟิล์มออกมาใช้ จึงทำให้เกิดเป็นกระแสกล้องฟิล์ม ถึงขนาดที่มีช่างภาพ ผู้ที่สนใจหลายคนหันมาสนใจเล่นและสะสมกล้องฟิล์มกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจขายกล้องฟิล์มและฟิล์มถ่ายรูปกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เรียกได้ว่าเสน่ห์ของกล้องฟิล์มเป็นอะไรที่ฆ่าไม่ตายจริงๆ  

 

สนับสนุนโดย   สมัคร Gclub