ประวัติศาสตร์แห่งเมืองกรุงเก่าศรีอยุธยา    

 

        การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยา     กรุงศรีอยุธยาปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ซึ่งมีกษัตริย์สูงสุดปกครองแผ่นดิน ทรงมอบหมายให้เจ้านายและเจ้าเมืองบริหารเมืองเรือ (เมืองลูกหลวง หลานหลวง) และเมืองชายแดน ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้เขา การพึ่งพาอาศัยกัน

โดยราชวงศ์เก่าและขึ้นอยู่กับกรุงศรีอยุธยา   พระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครองและลดอำนาจจังหวัดลง 

พระองค์ทรงแบ่งฝ่ายบริหารออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายกิจการทหารที่รับผิดชอบโดยสมุหกะลาหอม และฝ่ายพลเรือนที่รับผิดชอบโดยสมุหนายก (นายกรัฐมนตรี) กิจการพลเรือนแบ่งออกเป็น 4 สำนัก เรียกว่า “จตุรัสโดม”  เสาหลักทั้ง 4  เช่น กรมมาเวียงหรือนครบาล

สำหรับเมืองและการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมมาวังหรือธรรมาธิกรสำหรับกิจการพระราชวัง กรมคลังหรือโกษาธิบดีเพื่อการค้าและการต่างประเทศ และกรมนาหรือเกษตรกรรม ระบบการบริหารนี้มีใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

การปกครองในสมัยกรุงศรีอยุธยา   สังคมกรุงศรีอยุธยาแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้น คือ ชนชั้นสูงหรือเจ้านายที่ประกอบด้วยกษัตริย์ซึ่งดำรงตำแหน่งสูงสุดเช่นประมุข ชนชั้นที่ 2 คือ ราชวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด และขุนนาง ซึ่งอยู่ร่วมกันระหว่างกษัตริย์กับพลเมือง ทำหน้าที่ปกครองชาวนาและทาส  

ชาวนาก็เป็นพลเมืองธรรมดาเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ในสังคม กฎหมายกำหนดให้ชาวนาต้องเป็นของนาย เป็นระบบการควบคุมกำลังคนของราชการ ชาวนาถูกคัดเลือกเข้ารับราชการในหลวงประมาณ 6 เดือน ส่วนชาวนาที่ไม่ต้องการจ้างก็ต้องจ่ายเงินหรือสิ่งตอบแทนที่เรียกว่า “สวย” ชาวนาจะไม่ได้รับเงินเดือน

แต่จะได้รับความคุ้มครองจากนายที่ตนสังกัดอยู่   ทาสเป็นงานของนายมาตลอดชีวิต เกิดจากสงครามและเศรษฐกิจ ทายาทของทาสจะได้รับการเลี้ยงดูจากนายไปตลอดชีวิต

การค้าและเศรษฐกิจ   อาชีพหลักของชาวกรุงศรีอยุธยา  จะประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก  ข้าวเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่สามารถผลิตได้เพียงพอสำหรับพลเมืองของประเทศและเป็นสินค้าสำคัญที่พระนครศรีอยุธยาส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ  

เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก  ทางเข้ายูฟ่าสล็อต     จึงได้รับรายได้จากทั้งการส่งความโกลาหลมาค้าขายกับต่างชาติและการเป็นคนกลาง ราชสำนักได้จัดตั้งโกดังเพื่อผูกขาดสินค้าสำคัญบางรายการซึ่งพ่อค้าชาวต่างประเทศจะต้องซื้อและขายกับราชสำนักเท่านั้น

  การค้าระหว่างประเทศอยู่ภายใต้กรมคลัง (การเงิน) ซึ่งดูแลโดยอัคยา ศรีธรรมราช ในระยะแรกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ กรมท่าขวา สังกัดเจ้าเมืองอินเดีย หรือ จุฬาราชามนตรี ที่ดูแลการค้าขายกับโลกตะวันตก และ กรมท่าสาย สังกัดเจ้าเมืองของจีน ชื่อ พระยาโชติกราชเศรษฐี ซึ่งดูแลการค้าขายกับโลกตะวันออก 

ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อชาวยุโรปเข้ามาค้าขายมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีการจัดตั้งแผนกขึ้นอีกแผนกหนึ่งคือ กรมท่ากลาง สังกัดเจ้าเมืองต่างด้าว   กษัตริย์และเจ้าเมืองมีความเกรี้ยวกราดในการค้าขายกับต่างชาติ ชาวจีนส่วนใหญ่ทำงานเป็นนายเรือและลูกเรือ สินค้าส่งออกของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ได้แก่ สินค้าเกษตร ศิลาดล และสินค้าจากป่าไม้ เช่น งาช้าง หนัง ไม้ เครื่องเทศ แร่ และอื่นๆอีกมากมาย    รายได้หลักของราชสำนักส่วนหนึ่งมาจากบรรณาการ สวย ภาษี โดยเฉพาะภาษีการค้าระหว่างประเทศ การค้าขายภายในย่านธุรกิจตลอดจนตลาดขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทั้งในและนอกเมืองทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางและจุดเปลี่ยนของสินค้า

ตลาดในอยุธยามี 2 ประเภท คือ ตลาดน้ำขนาดใหญ่ประมาณ 4 แห่ง และตลาดประมาณ 72 แห่ง ได้แก่ ชานเมือง 32 แห่ง และในตัวเมือง 40 แห่ง ย่านธุรกิจและตลาดเหล่านี้ประกอบด้วยตลาดสดทั้งกลางวันและกลางคืน และตลาดที่จำหน่ายของใช้ประจำวัน (ของชำ) และสินค้าประจำตัวของแต่ละไตรมาสในทุกๆปี

ผู้ปกครองปวดใจ เมื่อเห็นข้อสอบเด็ก ป.1 กับคำเฉลยที่ยังยึดติดกับอดีตเมื่อหลายร้อยปี

     ผู้ปกครองปวดใจ  ช่วงนี้โรงเรียนส่วนใหญ่ยังคงมีการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์มีน้อยมากที่มีการเปิดการเรียนการสอนแบบ on site เนื่องจากว่ายังคงค่อนข้างเสี่ยงที่อาจจะทำให้เด็กติดเชื้อไวรัสโควิดได้เพราะหลังจากที่มีการเปิดการเรียนการสอนได้เพียงไม่แค่ถึงสัปดาห์เท่านั้นมีหลายโรงเรียนในต่างจังหวัดนั้นพบว่ามีเด็กนักเรียนติดเชื้อไวรัสโควิดจนบางโรงเรียนนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการปิดการเรียนแบบ on-site แล้วกลับมาเรียนแบบออนไลน์  

      อย่างไรก็ตามสำหรับการเรียนแบบออนไลน์นั้นทำให้ผู้ปกครองหลายคนได้เห็นว่าลูกหลานของตนเองนั้นเรียนเป็นแบบไหนเนื้อหาที่เรียนนั้นมีรูปแบบเนื้อหาการเรียนเป็นอย่างไรซึ่งบางครั้งเราจะเห็นได้ว่ามีผู้ปกครองหลายๆนำข้อสอบหรือแบบฝึกหัดของลูกหลานของตนเองมาโพสต์ในโลกออนไลน์เพราะส่วนใหญ่แล้ว

มักจะเจอกับปัญหาว่าสื่อการเรียนการสอนที่นำมาสอนให้กับเด็กนั้นไม่เหมาะสมกับอายุและวัยของเด็กนอกจากนี้ครูบางคนยังมีการให้เด็กทำข้อสอบแล้วเฉลยคำตอบให้กับเด็กแบบผิดพลาดอีกด้วยหลายครั้งที่ครูกับผู้ปกครองทะเลาะกันเพราะครูสอนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้กับเด็กเด็ก

        ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันก็มีผู้ปกครองออกมาโพสต์เกี่ยวกับครูสอนภาษาอังกฤษที่ไม่ถูกต้องซึ่งล่าสุดก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการเรียนการสอนแบบออนไลน์อีกครั้งหนึ่งเมื่อมีผู้ปกครองหนุ่มรายหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อสอบของเด็กชั้นป 1 โดยมีคำถามที่ครูได้ออกข้อสอบมาถามเด็กเกี่ยวกับการเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทย

ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรจนถึงปัจจุบันนี้ไทยถึงยังคงเจริญรุ่งเรืองอยู่ซึ่งคำตอบนั้นเด็กเลือกที่เป็นประเทศไทยเริ่มมีเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้งานแต่คำตอบของคุณครูนั้นให้คำตอบนี้เป็นคำตอบที่ผิดเพราะครูมาว่าคำตอบที่ถูกต้องนั่นก็คือประเทศไทยมีบรรพบุรุษที่ดีที่เสียสละ ทำให้ปัจจุบันนี้ประเทศไทยจึงเจริญก้าวหน้านั้นเอง

       ซึ่งหลายคนที่ได้เห็นคำตอบนี้กลับมองว่าคำตอบนี้เป็นคำตอบที่โบราณมากแล้วและสถานการณ์ของประเทศนั้นเปลี่ยนแปลงไปแล้วยุคสมัยบรรพบุรุษที่เสียสละชีวิตนั้นผ่านมาหลายร้อยปีแล้วดังนั้นเราไม่ควรยึดติดกับเรื่องราวเก่าๆควรที่จะมีการออกข้อสอบที่เป็นข้อมูลยุคปัจจุบันให้กับเด็กอย่างไรก็ตามสำหรับข้อสอบนี้เป็นข้อสอบของโรงเรียนแห่งหนึ่ง  ย่านนวมินทร์  

   อย่างไรก็ตามข้อสอบดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการระบุว่าเป็นของวิชาอะไรซึ่งถ้าหากว่าเป็นวิชาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็สามารถเข้าใจได้เกี่ยวกับเรื่องของคำตอบแต่ถ้าเกิดว่าเป็นเนื้อหาวิชาอื่นที่ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ก็ควรที่จะมีการแก้ไขคำตอบให้คำตอบนั้นเข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันได้แล้ว 

 

สนับสนุนโดย.   ทางเข้ายูฟ่าสล็อต