ทฤษฎีสี

ศิลปะคือสิ่งที่กล่อมเกลาจิตใจมนุษย์มาช้านาน คนใช้งานเสร็จภายในการบันทึกเรื่องราวต่างๆหรือแม้แต่จะเป็น ประวัติศาสตร์ต่างๆก็ถูกบันทึกผ่านงานศิลปะ นึกว่าจะเป็นงานศิลปะกำแพงหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของยุคดึกดำบรรพ์ผู้คนก็มีการใช้ศิลปะในการแสดงอารมณ์หรือระบายอารมณ์ร่วมถึงเป็นการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆยกตัวอย่างเช่น ผู้คนในยุคถ้ำหรือมนุษย์ยุคถ้ำนั้นก็จะเป็นการบันทึกงานศิลปะ

โดยใช้เลือดและกระดูกของสัตว์ที่ล่าสัตว์นั้นมา เขียนลงบนกำแพงหรือที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นโขดหินต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของกำแพงต่างๆของถ้ำ เพื่อบันทึกว่าละแวกแถวนั้นมีอะไรบ้างน้ำตรงไหนบ้างจดบันทึกแผนที่หรือแม้แต่จะเป็นการวาดงานศิลปะเช่นสัตว์ อธิบายว่าในส่วนของละแวกถ้ำนั้นๆมีสัตว์ชนิดใดบ้างและสามารถล่าสิ่งใดบ้างที่ถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน

การใช้สีมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆยกตัวอย่างเช่นในส่วนของก่อนหน้านี้ ในตั้งแต่ยุคถ้ำก็มีการใช้สีต่างๆในการจดบันทึกไม่ว่าจะเป็นสีของดิน สีของเลือด หรือแม้แต่จะเป็นการขูดขีดนำฝาผนังโดยใช้หิน รวมทั้งกระดูกสัตว์ ซึ่งบรรพบุรุษของมนุษย์ต่างๆนี้มีการใช้สีต่างๆเพื่อแสดงถึงความน่าหวาดกลัว ธรรมชาติ ความน่าตื่นเต้น และการเกิดเหตุต่างๆไม่ว่าจะเป็นพายุหรือแม้แต่จะเป็นน้ำท่วม

ในยุคปัจจุบันการพัฒนาสีต่างๆที่ถูกเปลี่ยนแปลง หรือถูกพัฒนาตลอดเวลาเพราะมนุษย์นั้นมีความเชื่อว่า พระเจ้าคือสิ่งที่ประธานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัย บางคนจึงใช้สีต่างๆหรือว่าเลือกต่างๆในการจดบันทึกหรือในการบูชาพระเจ้าในสิ่งต่างๆนี่เองจึงเป็นส่วนสำคัญที่ในยุคปัจจุบันรูปร่างลักษณะหรือภาวะต่างๆที่แสดงให้เห็นถึง ความเชื่อ ที่อยู่อาศัย

หรือแม้แต่จะเป็นลักษณะในการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นการปั้นแกะสลักหรือแม้แต่จะเป็นการวาดภาพบนฝาผนังก็มีมาอย่างช้านาน ซึ่งมนุษย์ยุคถ้ำต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจหรือแม้แต่จะเป็นในส่วนของการใช้สีที่มีตามอยู่ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาลของดิน สีเขียวที่แสดงถึงต้นไม้ สีเทาที่มาจากหิน หรือแม้แต่จะเป็นสีแดงที่มาจากเลือด สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามนุษย์มีการพัฒนาลักษณะของการใช้สีอยู่ตลอดเวลา เนื้อสัตว์ถูกนำไปใช้ในส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็นการทานหรือแม้จะเป็นกันใช้ชีวิต

ซึ่งการใช้สีของผู้คนนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันก็มีการใช้สีในการทำงานศิลปะมากมาย สีได้ถูกพัฒนาให้มีหลากหลายมากยิ่งขึ้นให้แสดงให้เห็นถึงการใช้งานต่างๆอย่างไรก็ตามนี้จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ผู้คนในยุคปัจจุบันหรือแม้จะเป็นยุคเริ่มต้นของงานศิลปะได้มีการใช้ศิลปะภาพวาดหรือแม้จะเป็นการแสดงสี ที่แสดงให้เห็นถึงการล่าสัตว์

การใช้ชีวิต เมื่อจดบันทึกเรื่องราวต่างๆเพราะว่าในส่วนของท่านนั้นๆหากมีการย้ายที่ กลุ่มคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ก็จะรู้ว่าในบริเวณนี้สามารถล่าสัตว์ชนิดใดได้บ้างหรือว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง เพื่อการระวังตัวหรือแม้จะเป็นในส่วนของการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆลงบนฝาผนังซึ่งในปัจจุบันก็มีการใช้งานอยู่ตลอดเวลาเพื่อแสดงให้เห็นในการค้นหาว่าในอดีตผู้คนมีการใช้ชีวิตอย่างไร 

 

 

สนับสนุนโดย   จีคลับคาสิโนออนไลน์

จิตรกรรมและประติมากรรมของไทย เป็นอย่างไรในปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าศิลปะของไทยในด้านจิตรกรรมและประติมากรรม จะมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมากเพียงใด แต่ก็ยังโดดเด่นอยู่ในกรอบเดิมๆ และยังไม่ได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างแท้จริง แล้วรู้หรือไม่ว่าสิ่งใดที่กั้นขวางอยู่ วันนี้เรามี 2 ด้าน ที่ศิลปะไทยในด้านจิตรกรรมและประติมากรรมควรจะปรับปรุงมาฝากกัน 

ด้านที่หนึ่ง 

ศิลปะของไทยเรา ไม่เปิดกว้าง หรือยินยอมที่จะปรับให้สามารถเข้ากับสังคมแบบสมัยใหม่ได้

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เพราะศิลปะของเรามีการตีกรอบ ตีเส้น มีข้อกำหนด หรือกฎเกณฑ์อยู่มากมาย ซึ่งจริงๆ แล้ว คำว่า ศิลปะ หรือสิ่งใดที่ได้ขึ้นชื่อว่าศิลปะ  ไม่สมควรมีข้อผูกพันธ์ด้วยข้อกำหนดอะไรก็ตามเลย การชื่นชมงานศิลปะในไทยยังคงอยู่ในวงที่แคบ ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ แล้วก็กลายเป็นค่าความนิยม ทั้งๆ ที่กฎเกณฑ์นั้นมาจากบุคคลเพียงไม่กี่คน หรือบางกลุ่ม 

โดยความเป็นจริงแล้ว ค่าของงานศิลปะไม่สมควรถูกตีค่าโดยนักแสดงศิลปะไทย หรือคนภายในแวดวงเพียงแค่นั้น เเต่คนธรรมดาทั่วไป ก็มีสิทธิ์ที่จะชื่นชอบและถูกใจงานศิลปะในแบบที่แตกต่างจากเดิมได้  มีสิทธิ์ที่จะมีส่วนร่วมสำหรับการตีค่างานศิลปะได้ด้วยเหมือนกัน

เมื่อศิลป์ไทยยังถูกตีกรอบตามเดิมอย่างที่เป็นค่านิยมตามกันมา การสร้างสรรค์งานศิลป์ที่หลากหลายก็เลยมีปัญหา แบบนี้หากจะพูดว่าเด็กเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยสนใจงานศิลปะไทย หรือโทษเด็กๆ อย่างเดียวคงไม่ได้ ในเมื่อการเข้าถึงยังคงมีความสลับซับซ้อน และถูกบดบังโดยคนเฉพาะกลุ่มอยู่

 

ด้านที่สอง

ศิลปะไทยไม่ทันบริบทของโลก และเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

โลกใบนี้ได้หมุนไปทุกวัน การพัฒนาสิ่งต่างๆ ก็เกิดขึ้นมากมายเช่นกัน จนตอนนี้เราได้พัฒนามาจนถึงสังคมดิจิทัลแล้ว คนภายในแวดวงศิลปะไทยยังมีความรู้เดิมๆ และไม่ค่อยเปิดรับที่จะรู้เรื่องในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีอยู่มาก เมื่อขาดความเข้าใจด้านนี้ ศิลปะไทยจึงราวกับเป็นคนที่วิ่งย่ำอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่เดินหน้า ไปซ้าย หรือขวา  ยิ่งกว่านั้นแล้ว ตัวนักแสดงศิลปะไทยบางคนยังไม่ยินยอมเปิดใจรับกับความรู้ใหม่ๆ ยังคงตีกรอบในแบบเก่าอยู่ นักแสดงรุ่นเก่า จึงจำต้องปรับปรุงตนเองใหม่ให้ไว และเรียนรู้ปรับปรุงตามการเปลี่ยนเเปลงของโลกให้ได้

 

หนทางใหม่ที่จะทำให้ศิลปะไทย เป็นที่รู้จักยอมรับไปทั่วโลก คือ การรับการเปลี่ยนแปลงของโลก เเล้วพร้อมที่จะก้าวไปกับมัน การเปิดเผยผลงาน ไม่หวงแหนวิชาความรู้ สร้างแรงผลักดัน โดยใช้พื้นที่สื่อออนไลน์ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ามาช่วย เพื่อให้ผลงานนั้นไม่ล้าหลัง และพัฒนาอยู่เสมอเพื่ออยู่รอด และเฉิดฉาย

หากเราลองพัฒนาผลงานทางด้านศิลปะแล้วหลุดออกมาจากกรอบเดิมๆ ทุกท่านจะเห็นได้เลยว่า แท้จริงแล้ว ศิลปะไทยยังสามารถไปต่อได้อีก

 

 

สนับสนุนโดย  จีคลับคาสิโนออนไลน์