ประวัติความเป็นมาของจังหวัดลำพูนในยุคประวัติศาสตร์แรกเริ่ม 

       สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของจังหวัดลำพูนโดยจะพูดถึงประวัติความเป็นมาตั้งแต่เริ่มแรกเริ่มเดิมทีของการก่อตั้งจังหวัดลำพูนนั่นเองซึ่งได้มีข้อมูลบันทึกไว้ในพงศาวดารเกี่ยวกับเรื่องของยุคก่อนประวัติศาสตร์ของจังหวัดลำพูน

โดยในสมัยก่อนนั้นจังหวัดลำพูนนั้นไม่ได้เป็นจังหวัดแต่ในสมัยโบราณเรียกว่าเมืองลำพูนหรืออีกชื่อหนึ่งก็คืออาณาจักรหริภุญชัย 

สำหรับประวัติความเป็นมาก่อนยุคประวัติศาสตร์นั้นจะเป็นข้อมูลก่อนที่จะมีการตั้งเป็นอาณาจักรหิริภุญชัยซึ่งในยุคสมัยโบราณนั้นมีการเรียกว่าบ้านวังไฮซึ่งในอดีตนั้นบริเวณตรงพื้นที่ที่เราเรียกกันว่าจังหวัดลำพูนนั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่ผ่านมาแล้ว

ซึ่งเกิดหลังพุทธกาลเล็กน้อยโดยพื้นที่ดังกล่าวนั้นอยู่ใกล้กับแม่น้ำกวงและแม่น้ำปิงซึ่งแต่เดิมนั้นเรียก2 แถบแม่น้ำดังกล่าวว่าสมันตรประเทศ 

อย่างไรก็ตามในยุคสมัยโบราณนั้นบริเวณพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีการปกครองในรูปแบบพระมหากษัตริย์หรือในรูปแบบใดๆทั้งสิ้นเป็นการอยู่อาศัยของชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

 

ยุคประวัติศาสตร์แรกเริ่ม จนมีนักพรตเดินทางมาจากชมพูทวีปโดยต้องการที่จะมาเผยแพร่ศาสนาพราหมณ์ของตนเองหลังจากนั้นเมื่อเข้ามาอยู่ก็ได้มีการพูดคุยและก่อตั้งชุมชนขึ้นมา

 สำหรับเรื่องราวดังกล่าวนั้นมีหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์เนื่องจากว่านักโบราณคดีสามารถที่จะค้นพบทั้งในเรื่องของการจารึกผ่านทางพงศาวดารและยังมีโครงกระดูกที่ค้นพบในปีพ.ศ 2530 ซึ่งโครงกระดูกดังกล่าวนั้นมีอายุเก่าแก่ระหว่าง 2,800 ปีถึง 3,000 ปีโดยขุดพบที่บ้านวังไห่ของจังหวัดลำพูนนั่นเอง

นอกจากนี้ ในยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นยังพบว่า ที่นี่ได้มีการเขียนสัญลักษณ์ภาพเขียนสี ซึ่งจะค้นพบตามถ้ำต่างๆนอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่สามารถค้นพบได้ว่าในยุคดังกล่าวนั้นเป็นยุคที่มีการขูดขีดผาหินและมีการประทับรอยเอาไว้ซึ่งรูปเขียนส่วนใหญ่นั้นจะเขียนด้วยสีแดงและยังพบว่าในยุคของก่อนปฏิบัติปีศาจนั้นมีการใช้เครื่องมือขวานหินและหอกเป็นอาวุธ

นอกจากนี้ในยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นมีการค้นพบว่าชาวเมืองได้มีการติดต่อกับบุคคลภายนอกในการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพ่อค้าทางอินโด-โรมัน หรือแม้แต่กลุ่มพ่อค้าทางซีกโลกตะวันออกโดยมีหลักฐานอ้างอิงจากสร้อยกำไลในหลุมศพรวมถึงมีการค้นพบลูกปัดซึ่งสามารถจะตรวจสอบได้ว่าสิ่งของต่างๆเหล่านี้นั้นเป็นอารยธรรมจากซีกโลกตะวันตกและซีกโลกตะวันออกนั่นเอง

อย่างไรก็ตามในยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์แรกเริ่มนั้นเป็นยุคก่อนที่จะมีการปกครองจากผู้นำในนามของพระมหากษัตริย์แต่ต่อมาก็มีการพัฒนาโดยในยุคต่อมานั้นจะเป็นยุคของหิริปุญชัยซึ่งเป็นยุคโด่งดังในประวัติศาสตร์ของไทยอีกยุคหนึ่งและในยุคนี้ก็จะมีพระมหากษัตริย์เข้ามาปกครองประชาชน 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    สล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว  ประจำจังหวัดสงขลา 

ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว  ประจำจังหวัดสงขลา 

         สำหรับในบทความนี้เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับประเพณีที่จะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีของจังหวัดสงขลาซึ่งนับได้ว่าเป็นประเพณีที่มีการทำกันมาอย่างยาวนานสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่นจากคนเฒ่าคนแก่ส่งต่อมายังถึงลูกหลานและปัจจุบันนั้นก็ยังมีการจัดประเพณีกันอย่างยิ่งใหญ่อลังการอยู่และประเพณีก็ยังสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดสงขลาเพื่อมาร่วมงานประเพณีกันอย่างคับคั่งมากมายเลยทีเดียว

     สำหรับประเพณีที่เรากำลังพูดถึงนี้คือประเพณีลากพระและตักบาตรเทโวซึ่งโดยปกติแล้วทางจังหวัดสงขลาจะมีการจัดกิจกรรมประเพณีในช่วงประมาณต้นเดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงระหว่างวันออกพรรษาโดยจุดที่มีการจัดกิจกรรมประเพณีนี้จะมีตั้งแต่บริเวณสระบัวแหลมสมิหลานอกจากนี้ยังมีการจัดประเพณีนี้แถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนและที่หน้าสนามกีฬาติณสูลานนท์ซึ่งถือว่าเป็นสนามกีฬาประจำจังหวัดสงขลาอีกด้วย

          ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโวนั้นทางเจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดจะมีการจัดกิจกรรม 3 วันด้วยกัน

ซึ่งโดยปกติแล้วในวันแรกนั้นจะมีการจัดทำพิธีสมโภชบริเวณสระบัวแหลมสมิหลาซึ่งตรงจุดนี้ชาวบ้านจะพากันมารวมตัวเพื่อทำบุญเป็นการห่มผ้าองค์เจดีย์หลวงเขาตังกวนซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดสงขลาและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดสงขลาให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

        อย่างไรก็ตามวันต่อมาชาวบ้านก็จะมีการเดินขบวนมาที่บริเวณหน้าสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือเพื่อทำพิธีแห่ผ้าและเปลี่ยนผ้าห่มขององค์เจดีย์หลวงเขาตังกวนซึ่งกิจกรรมจะเริ่มมีการทำการตั้งแต่ 08:00 น เป็นต้นไปและหลังจากที่เสร็จประเพณีในวันดังกล่าวแล้วชาวบ้านก็จะพากันท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวภายในจังหวัด

         หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านก็จะมารวมตัวกันแถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนอีกครั้งหนึ่งซึ่ง  ufabet    จะมารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเวลา 06:30 น เป็นต้นไปเพื่อร่วมพิธีทำบุญตักบาตรเทโวโดยจะมีพระสงฆ์เป็นจำนวนมากมาคอยยืนรับข้าวสารอาหารแห้งแถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนและจะมีการเริ่มตักบาตรกันตั้งแต่ช่วงเวลา 8:30 น เป็นต้นไป 

         หลังจากที่ชาวบ้านทำการตักบาตรและมีการเปิดงานประเพณีลากพระเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีการชมกันประกวดเรือพระขบวนแห่เรือพระที่นั่งซึ่งการประกวดนี้จะมีการจัดขึ้นที่บริเวณหน้าสนามกีฬาติณสูลานนท์และในวันสุดท้ายนั้นก็จะเป็นพิธีการมอบรางวัลเรือขบวนที่ชนะการประกวด 

สถานที่สำคัญในวัดพระแก้ว 

  สถานที่สำคัญในวัดพระแก้ว  เชื่อว่าหลายคนคงมีโอกาสได้เดินทางไปกราบไหว้ขอพรพระแก้วมรกตที่วัดพระแก้วกันมาบ้างแล้วแต่บางคนอาจจะยังไม่สะดวกหรือไม่มีเวลาที่จะเดินทางไป

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงสถานที่สำคัญ ซึ่งถูกสร้างอยู่ในวัดพระแก้วและเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่หากมีโอกาสก็ควรที่จะไปศึกษาข้อมูลหรือไปเยี่ยมชมดูสักครั้งหนึ่งมาดูกันว่าภายในวัดพระแก้วนั้นมีสถานที่สำคัญที่ไหนบ้าง

        พระอุโบสถ  ที่นี่ว่ากันว่าตามประวัติความเป็นมาและถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1

หรืออาจจะกล่าวได้ว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่เริ่มการสร้างวัดพระแก้วเลยก็ว่าได้โดยวัดแห่งนี้นั้นจะมีการสร้างกำแพงแก้วล้อมรอบซึ่งจะมีการประดับประดาด้วยครุฑยุดนาคหล่อด้วยโลหะปิดทองเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก

        นอกจากนี้ยังมีเสารายเทียนหล่อด้วยทองแดงล้อมรอบทั้ง 4 ด้านอีกด้วยอย่างไรก็ตามถ้าหากว่าใครได้มีโอกาสเข้าไปชมความงดงามด้านในพระอุโบสถก็จะเห็นว่าด้านในนั้นก็จะมีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังล้อมรอบของผนังของอุโบสถเลยก็ว่าได้และภาพที่มีการถูกเขียนเอาไว้นั้น

ก็จะมีภาพที่เกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นภาพเทพชุมนุมตามแบบที่สืบเนื่องกันมาจากสมัยอยุธยาหรือภาพเรื่องราวของพุทธประวัตินอกจากนี้ยังมีภาพทศชาติชาดกรวมถึงกระบวนพยุหยาตราราชมาค เป็นต้น 

         อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดภายในพระอุโบสถแห่งนี้ก็คือพระแก้วมรกตซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่และเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน  นอกจากนี้ยังมีพระบรมรูปของพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและพระพุทธเลิศหล้านภาลัยซึ่งก็คือรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 นั่นเอง โดยผู้ที่สั่งให้มีการสร้างและนำมาไว้ภายในพระอุโบสถแห่งนี้ก็คือรัชกาลที่ 3 นั่นเอง 

        พระศรีรัตนเจดีย์ สำหรับเจดีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อไว้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุโดยสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยปีพศ. 2398

  ีดฟิำะ   เนื่องจากว่ามีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาจากลังกาจึงถูกนำมาประดิษฐานไว้ที่นี่

       ปราสาทพระเทพบิดร   สำหรับปราสาทแห่งนี้นั้นสร้างเป็นลักษณะอาคารจตุรมุขทรงไทยถูกสร้างขึ้นในช่วงประมาณปีพ.ศ 2398 จะเห็นได้ว่าตัวประสาทนั้นยกยอดเป็นทรงปรางค์ซึ่งภายในตัวปราสาทพระเทพบิดรนั้นก็จะมีพระบรมรูปของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในราชวงศ์จักรีทั้งหมด 5 พระองค์อยู่ภายในปราสาทพระเทพบิดรซึ่งเป็นกษัตริย์ในสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 5 นั่นเอง 

         หอราชกรมานุสรณ์   สำหรับสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ในการจัดเก็บพระพุทธรูปประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์โดยมีตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์เลยทีเดียว 

รวมประเพณีที่จะมีการจัดขึ้นในช่วงเทศกาลวันออกพรรษาทั่วไทย

           เทศกาลวันออกพรรษาทั่วไทย สำหรับในบทความนี้เราจะมีการรวบรวมประเพณีของแต่ละจังหวัดที่จะมีการจัดขึ้นในช่วงเทศกาลวันออกพรรษาเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจจะไปเที่ยวในช่วงเทศกาลวันออกพรรษาได้มีโอกาสเลือกว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวหรือไปร่วมกิจกรรมกับประเพณีของจังหวัดไหนบ้างและจังหวัดที่มีการจัดกิจกรรมในช่วงวันออกพรรษานั้นมีการจัดประเพณีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง 

      จังหวัดลําพูนมีการจัดกิจกรรมประเพณีสลากย้อม  ซึ่งจะมีการจัดงาน 7 วัน 7 คืนโดยจะมีการประกวดการเดินแห่ขบวนและมีการนำอาหารท้องถิ่น มาจำหน่ายให้กับบรรดานักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่น่าสนใจที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางมาร่วมกิจกรรมและ ชมความงดงามของประเพณีนี้กัน 

   จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประเพณีออกหว่า  สำหรับประเพณีนี้จะเป็นประเพณีที่เน้นเกี่ยวกับเรื่องของการทำบุญและมีการจัดนิทรรศการต่างๆซึ่งจะมีการนำทำขนมธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาแสดงให้กับประชาชนที่มาร่วมงานได้ชมกันโดยส่วนใหญ่และประเพณีจะจัดขึ้นเป็นระยะเวลาประมาณ 3 วันซึ่งการจัดกิจกรรมส่วนใหญ่นั้นจะจัดขึ้นในช่วงเวลาตอนกลางวัน 

       จังหวัดหนองคาย ประเพณีออกพรรษาบั้งไฟพญานาค  เสื้อผ้าสำหรับประเพณีนี้ทุกคนต้องเคยมีโอกาสได้ยินและอาจจะเคยไปร่วมประเพณีกันมาบ้างแล้วซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดกิจกรรมการ 9 วัน 9 คืนเลยทีเดียวและมีกิจกรรมเยอะแยะมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังสามารถไปเยี่ยมชมความสวยงามและความน่าอัศจรรย์ใจของบั้งไฟพญานาคที่จะเกิดขึ้นริมแม่น้ำโขงในวันออกพรรษาช่วงเวลาเที่ยงคืนได้อีกด้วย 

       จังหวัด นครพนมประเพณีงานไหลเรือไฟ   สำหรับที่จังหวัดแห่งนี้จะมีการจัดประเพณีนี้ทุกปีซึ่งจะมีการจัดงาน 10 วัน 10 คืนกันเลยทีเดียวเป็นประเพณีที่มีการจัดอย่างยิ่งใหญ่มีทั้งการไหลเรือไฟและงานกาชาดซึ่งการจัดกิจกรรมนั้นจะมีทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืนนอกจากนี้ยังมีการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลของคนที่ไปร่วมงานอีกด้วย 

      จังหวัดสุราษฎร์ธานี งานประเพณีชักพระ เป็นอีกหนึ่งประเพณีที่มีการจัดยิ่งใหญ่อลังการเป็นอย่างมากและมีการจัดงานกว่า 9 วัน 9 คืนเลยทีเดียวมีกิจกรรมเยอะแยะมากมายทั้งการสอบถามการทอดผ้าป่ารวมถึงการแข่งเรือยาวซึ่งนักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินกับการเดินทางมาเยี่ยมชมและเข้าร่วมกิจกรรมประเพณีของที่นี่อย่างแน่นอน 

        จังหวัดสงขลาประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว  เป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนั้นหันมาทำบุญไหว้พระตักบาตรเป็นการจัดงานสมโภชที่จะมีการจัดขึ้นที่บริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนซึ่งภายในงานนั้นจะมีกิจกรรมเยอะแยะมากมายทั้งการทำบุญการจัดพิธีสมโภชห่มผ้าองค์พระเจดีย์หลวงเขาตังกวนนอกจากนี้ยังมีการตักบาตรเทโวและมีการแข่งขันประกวดเรือแห่อีกด้วย 

 

ได้รับการสนับสนุนจาก    gclub ผ่านเว็บ มือ ถือ

ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว  ประจำจังหวัดสงขลา 

         สำหรับในบทความนี้เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับประเพณีที่จะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีของจังหวัดสงขลาซึ่งนับได้ว่าเป็นประเพณีที่มีการทำกันมาอย่างยาวนานสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่นจากคนเฒ่าคนแก่ส่งต่อมายังถึงลูกหลานและปัจจุบันนั้นก็ยังมีการจัดประเพณีกันอย่างยิ่งใหญ่อลังการอยู่และประเพณีก็ยังสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดสงขลาเพื่อมาร่วมงานประเพณีกันอย่างคับคั่งมากมายเลยทีเดียว

    ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว สำหรับประเพณีที่เรากำลังพูดถึงนี้คือประเพณีลากพระและตักบาตรเทโวซึ่งโดยปกติแล้วทางจังหวัดสงขลาจะมีการจัดกิจกรรมประเพณีในช่วงประมาณต้นเดือนตุลาคม

ซึ่งเป็นช่วงระหว่างวันออกพรรษาโดยจุดที่มีการจัดกิจกรรมประเพณีนี้จะมีตั้งแต่บริเวณสระบัวแหลมสมิหลานอกจากนี้ยังมีการจัดประเพณีนี้แถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนและที่หน้าสนามกีฬาติณสูลานนท์ซึ่งถือว่าเป็นสนามกีฬาประจำจังหวัดสงขลาอีกด้วย

          ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโวนั้นทางเจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดจะมีการจัดกิจกรรม 3 วันด้วยกันซึ่งโดยปกติแล้วในวันแรกนั้นจะมีการจัดทำพิธีสมโภชบริเวณสระบัวแหลมสมิหลาซึ่งตรงจุดนี้ชาวบ้านจะพากันมารวมตัวเพื่อทำบุญเป็นการห่มผ้าองค์เจดีย์หลวงเขาตังกวนซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดสงขลาและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจังหวัดสงขลาให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

        อย่างไรก็ตามวันต่อมาชาวบ้านก็จะมีการเดินขบวนมาที่บริเวณหน้าสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือเพื่อทำพิธีแห่ผ้าและเปลี่ยนผ้าห่มขององค์เจดีย์หลวงเขาตังกวนซึ่งกิจกรรมจะเริ่มมีการทำการตั้งแต่ 08:00 น เป็นต้นไปและหลังจากที่เสร็จประเพณีในวันดังกล่าวแล้วชาวบ้านก็จะพากันท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวภายในจังหวัด

         หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านก็จะมารวมตัวกันแถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะมารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเวลา 06:30 น เป็นต้นไปเพื่อร่วมพิธีทำบุญตักบาตรเทโวโดยจะมีพระสงฆ์เป็นจำนวนมากมาคอยยืนรับข้าวสารอาหารแห้งแถวบริเวณเชิงบันไดเขาตังกวนและจะมีการเริ่มตักบาตรกันตั้งแต่ช่วงเวลา 8:30 น เป็นต้นไป 

         หลังจากที่ชาวบ้านทำการตักบาตรและมีการเปิดงานประเพณีลากพระเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีการชมกันประกวดเรือพระขบวนแห่เรือพระที่นั่งซึ่งการประกวดนี้จะมีการจัดขึ้นที่บริเวณหน้าสนามกีฬาติณสูลานนท์และในวันสุดท้ายนั้นก็จะเป็นพิธีการมอบรางวัลเรือขบวนที่ชนะการประกวด 

 

สนับสนุนโดย   ufabet

การรณรงค์และส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยและพระพุทธศาสนา

ด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ ธนาคารธนชาตจึงกราบบังคมทูลเชิญพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประกวดรอบสุดท้ายของโครงการ

ธนชาต ริเริ่ม เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทยครั้งที่ 47 ประจำปี 2561 พิธีดังกล่าวจัดขึ้นที่ห้องสวนมะลิ ฮอลล์ อาคารสวนมะลิ ธนาคารธนชาต ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จฯ ไปทรงเข้าร่วมการแข่งขันอ่านออกเสียงนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

ทรงให้ความสำคัญต่อการรักษาเอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทย ด้วยคุณูปการมากมาย ปัจจุบัน สมเด็จพระเทพฯ ทรงช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมหลายกลุ่ม ส่งผลให้เธอเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนในประเทศ

โครงการธนชาต ริเริ่ม สืบสาน เอกลักษณ์ไทย” สืบทอดมาจากธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งเดิมชื่อ โครงการ นครหลวง รักษาเอกลักษณ์ไทย การดำเนินโครงการในปี 2561 นับเป็นปีที่ 47 ติดต่อกัน

เอกลักษณ์วัฒนธรรมไทย วัตถุประสงค์หลักประการหนึ่งคือการรักษาและอนุรักษ์ความเป็นไทยรวมถึงการอ่านออกเสียงภาษาไทยและการใช้มารยาทไทยในชีวิตประจำวัน โครงการนี้นอกจากจะช่วยรักษาเอกลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยและป้องกันการเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาแล้ว ยังช่วยสร้างสมดุลระหว่างคุณค่าทางสังคมที่ได้รับผลกระทบจากวัฒนธรรมต่างชาติมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจและปลูกฝังให้เยาวชนไทยมีความรักในวัฒนธรรมไทย ความรักทำให้พวกเขาหวงแหนวัฒนธรรมและช่วยกันรักษาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยตลอดไป ทั้งภาษาไทยและมารยาทไทยได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย

โครงการประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การประกวดอ่านออกเสียงและการประกวดมารยาทไทย ตัวแทนสถานศึกษาให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

ถึงระดับมหาวิทยาลัยเข้าร่วมประกวดชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โล่เกียรติยศ ใบประกาศเกียรติคุณและทุนการศึกษา ในปี 2561 มีนักเรียนจากทุกภูมิภาคเข้าร่วมประกวดกว่า 5,500 คน และในปีนี้ยังมีการประกวดมารยาทไทยสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเพื่อชิงโล่เกียรติยศ

และทุนการศึกษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ นอกจากนี้ ธนาคารธนชาตยังเล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินให้มีโอกาสมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมต่าง ๆ และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีเฉกเช่นคนทั่วไป รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินเหล่านี้ได้แสดงความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และศักยภาพ

ในการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำนุบำรุงและรักษาเอกลักษณ์ไทยด้วยการฝึกมารยาทไทยอย่างถูกต้อง นี่เป็นปีที่สี่ติดต่อกันของการดำเนินการ นอกจากการเสริมสร้างศักยภาพและเปิดโอกาสทางสังคมแล้ว ธนาคารธนชาตยังมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมศักยภาพเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น

โดยริเริ่มโครงการ “ประกวดการอ่านออกเสียงเพื่อเด็กพิการทางสายตา” โดยใช้อักษรเบรลล์ เป็นปีแรกที่จัดการประกวด ทั้งนี้ครูจากสถานศึกษาทั่วประเทศที่สอนเด็กพิการทางสายตาได้สมัครเข้าประกวด

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    สล็อต ufabet เว็บตรง

สถิติความนิยม

สถิติความนิยม จนถึงปัจจุบัน มีการวิเคราะห์นโยบายวัฒนธรรมจากมุมมองของสถิติน้อยมาก และ สถิตินิยมในนโยบายวัฒนธรรมยังไม่ได้รับการกำหนดแนวคิดอย่างเหมาะสม สถิตินิยม

ขึ้นอยู่กับการตีความที่แตกต่างกันไปในสเปกตรัมทางอุดมการณ์ที่กว้างขวาง และไม่ได้ให้ยืมตัวมันเองอย่างง่ายดายกับความซับซ้อนของภูมิประเทศทางวัฒนธรรม ความแตกต่างในการกำหนดวัฒนธรรมในบริบททางประวัติศาสตร์และระดับชาติที่หาที่เปรียบไม่ได้ยิ่งทำให้การวิจัยด้านนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้น

แนวคิดของ รัฐเองก็เป็นปัญหาเช่นกัน แม้แต่ผู้สนับสนุนที่กำลังมองหาสิ่งก่อสร้างทางเลือกที่ทำให้ตัวเองแตกต่างจาก สังคมหรือ หน่วยงานทางสังคม

บางคนพยายามที่จะกำหนดรัฐในลักษณะที่เป็นนามธรรม เช่น โครงสร้างทางอุดมการณ์และวัฒนธรรมร่วมกันหรือ รูปแบบทางวัฒนธรรมที่เป็นปรากฏการณ์เชิงประจักษ์ที่มั่นคงและมองเห็นได้ว่าเป็นโครงสร้างทางกฎหมายหรือระบบพรรค‘ (Mitchell Citation1991) ในขณะที่ คนอื่น ๆ

ได้พยายามที่จะให้คำจำกัดความที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นเช่น ข้าราชการอิสระที่สามารถแยกตัวเองออกจากผลประโยชน์ของสังคมและตลาด‘ (Skocpol Citation1985) จากความแตกต่างเหล่านี้ จึงไม่มีคำจำกัดความเดียวของ สถิตินิยมที่ถูกนำมาใช้ในประเด็นพิเศษนี้ และผู้มีส่วนร่วมแต่ละคนได้กำหนดแนวความคิดตามจุดเน้นการวิจัยและขอบเขตการสืบค้น

การมีส่วนร่วมต่อประเด็นนี้สะท้อนถึงประสิทธิภาพและข้อจำกัดของนโยบายวัฒนธรรมสถิติในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ในแง่ของการเคลื่อนไหวด้วยแสงเทียนเมื่อเร็วๆ นี้

ซึ่งกระตุ้นให้มีการอภิปรายอย่างทันท่วงทีเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของระบอบประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ ในแง่มุมต่างๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับวัฒนธรรมรวมอยู่ในฉบับนี้ เอกสารสามฉบับแรกใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์หรือลำดับวงศ์ตระกูล บัญชีการเมืองวัฒนธรรมของ Hong

ในช่วงต้นยุคโชซอนพยายามที่จะเติมเต็มช่องว่างทางปรัชญาและทฤษฎีในประวัติศาสตร์ของนโยบายวัฒนธรรมเกาหลี การวิเคราะห์แง่มุมทางศาสนาและวัฒนธรรมของการเมืองและดนตรีของลัทธิขงจื๊อเป็นมาตรการเพื่อเติมเต็มอุดมคติของรัฐ เป็นการพาดพิงถึงธรรมชาติที่คงอยู่ของต้นกำเนิดนโยบายวัฒนธรรมที่มีรัฐเป็นศูนย์กลางในเกาหลี

ความคิดของขงจื๊อซึ่งถูกมองว่าจำกัดอยู่แต่ในปรัชญาการเมือง โดย  gclub ฝาก-ถอน   พื้นฐานแล้วดำเนินตามอุดมคติทางศาสนาที่สถาบันวัฒนธรรมมีบทบาทสำคัญ การปกครองวงการดนตรีผ่านระบบราชการเป็นงานที่สำคัญยิ่งสำหรับรัฐ ทั้งในระดับสัญลักษณ์และภาคปฏิบัติ

การวิเคราะห์เปรียบเทียบพัฒนาการของนโยบายดนตรีทั้งในเกาหลีเหนือและใต้ของโนห์แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มที่รัฐเป็นศูนย์กลางในสมัยโบราณยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องอย่างไรในช่วงของการปรับปรุงให้ทันสมัย ช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงในการวิเคราะห์นี้นำเสนอหน้าต่างที่น่าสนใจ

ซึ่งสามารถมองเห็นปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของอุดมการณ์ทางการเมือง ชาตินิยม และลัทธิหลังอาณานิคมได้ บทความแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีความคลาดเคลื่อนมากมาย แต่ทั้งสองระบอบก็ดำเนินตามแนวทางเดียวกันคือการควบคุมโดยรัฐมากเกินไป

สื่อและสิ่งพิมพ์

สื่อและสิ่งพิมพ์ สื่อมวลชนในประเทศไทยถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 เมื่อมีการแนะนำการพิมพ์และการส่งข้อความทางอิเล็กทรอนิกส์ทางโทรเลข ในต้นศตวรรษที่ 20 หนังสือพิมพ์ภาษาไทย จีน และอังกฤษได้รับการตีพิมพ์ในประเทศ การส่งสัญญาณวิทยุเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1920 และโทรทัศน์ถูกนำมาใช้ในปี 1950 ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา

หนังสือพิมพ์และวารสารอื่นๆ (ซึ่งเป็นของเอกชนทั้งหมด) มีความเป็นอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่าบ่อยครั้งจะอยู่ภายใต้กฎหมายเซ็นเซอร์ก็ตาม ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ประเทศไทยมีเสรีภาพสื่อในระดับสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต่อมาได้รับการรับรองเสรีภาพโดยรัฐธรรมนูญของประเทศในปี 1997 และ 2007 อย่างไรก็ตาม กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (อาชญากรรมต่อองค์อธิปไตย) ยังคงดำเนินต่อไป

เพื่อให้แน่ใจว่ามีเพียงเรื่องราวเชิงบวกเกี่ยวกับราชวงศ์เท่านั้นที่ปรากฏในสื่อ นักข่าวต่างประเทศถูกสั่งให้ออกนอกประเทศเป็นครั้งคราว และนักข่าวไทยบางคนถูกดำเนินคดีฐานเขียนรายงานเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ถือว่าไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การแทรกแซงดังกล่าวหาได้ยาก เนื่องจากสื่อมวลชนส่วนใหญ่ปฏิบัติตนด้วยการเซ็นเซอร์ตนเองในหัวข้อนี้

ด้วยความเป็นเจ้าของและการรับชมโทรทัศน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ทศวรรษ 1980 โทรทัศน์จึงกลายเป็นสื่อที่มีอิทธิพลมากที่สุด

วิทยุและโทรทัศน์ตรงกันข้ามกับสื่อสิ่งพิมพ์ เกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลหรือกองทัพ ในปี พ.ศ. 2538

ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งบริษัทโทรทัศน์เอกชนเป็นครั้งแรก รัฐบาลยังได้ให้สัมปทานแก่บริษัทต่าง ๆ ในการให้บริการเคเบิลทีวี แม้ว่าเคเบิลทีวีสามารถรับได้โดยการสมัครสมาชิกแบบชำระเงินเท่านั้น แต่จำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นแม้ว่าจะอยู่นอกกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม บริการเคเบิลอยู่ภายใต้กฎระเบียบของรัฐบาลที่เข้มงวดเช่นกัน ดังนั้น ผู้ชมส่วนใหญ่จึงดูโทรทัศน์เพื่อความบันเทิงมากกว่าดูข่าว

สถานีวิทยุเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 20 แต่ก็เช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์ ส่วนใหญ่ถูกควบคุมหรือควบคุมอย่างเข้มงวดโดยหน่วยงานของรัฐ และปิดตัวลงหากเห็นว่าวิกฤตเกินไป นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 เป็นต้นมา คนไทยจำนวนมากขึ้น

โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและคนเมืองหันมาใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อรับข่าวสารและ  ufabet เว็บตรง    เพื่อความบันเทิง แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามปิดกั้นบางเว็บไซต์ แต่เว็บไซต์เหล่านั้นที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ค้นพบวิธีการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ดังกล่าว

ประวัติศาสตร์ คนไทยสืบเชื้อสายมาจากชนชาติที่พูดภาษาไทกลุ่มใหญ่กว่ามาก หลังพบตั้งแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุดของอินเดียทางตะวันตกไปจนถึงเวียดนามตอนเหนือทางตะวันออก และจากจีนตอนใต้ทางตอนเหนือไปจนสุดทางตอนกลางของคาบสมุทรมลายู ในอดีต นักวิชาการถือได้ว่ากลุ่มผู้ปกครองที่เรียกว่า Proto-Tai มีถิ่นกำเนิดในจีนตอนใต้และรุกไปทางใต้

และตะวันตกจากแผ่นดินจีนสู่แผ่นดินใหญ่ทางตอนเหนือของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันนักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้ไทมาจากทางตอนเหนือของเวียดนามบริเวณเดียนเบียนฟู และเมื่อประมาณ 1,000 ปีที่แล้ว พวกเขาได้แพร่กระจายจากที่นั่นไปทางเหนือสู่ภาคใต้ของจีน ทิศตะวันตกเข้าสู่

จีนตะวันตกเฉียงใต้ ทางเหนือของพม่า (พม่า) และทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และลงไปทางใต้คือลาวและไทยในปัจจุบัน สำหรับการอภิปรายประวัติศาสตร์ไทยในบริบทภูมิภาค โปรดดู เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประวัติศาสตร์ของ

วัฒนธรรมและมารยาททางธุรกิจของเกาหลี

มารยาททางธุรกิจของเกาหลี การสำรวจธุรกิจระหว่างประเทศของออสเตรเลีย (AIBS) ประจำปี 2558 ระบุว่าภาษาท้องถิ่น วัฒนธรรม และการปฏิบัติทางธุรกิจเป็นอุปสรรคเดียวที่ใหญ่ที่สุด

ในการดำเนินธุรกิจในเกาหลีสำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้ การเข้าใจหลักปฏิบัติทางวัฒนธรรมพื้นฐานของเกาหลีในบริบททางธุรกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญ วัฒนธรรมเกาหลีแพร่หลายในลัทธิขงจื๊อ ซึ่งเน้นการเคารพการศึกษา อำนาจ และอายุ

แม้ว่าชาวเกาหลียุคใหม่อาจไม่ปฏิบัติตามหลักการของขงจื๊ออย่างเคร่งครัดเหมือนกับคนรุ่นก่อน แต่หลักการเหล่านี้ยังคงเป็นรากฐานของขนบธรรมเนียมและแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจมากมาย

อายุและสถานภาพ การเคารพอายุและสถานะเป็นสิ่งสำคัญมากในวัฒนธรรมเกาหลี

โดยลำดับชั้นจะส่งผลต่อปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในทุกด้าน ทุกคนมีบทบาทในสังคมอันเป็นผลมาจากลำดับชั้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเคารพในสังคม คนเกาหลีรู้สึกสบายใจที่สุดที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่พวกเขาคิดว่าเท่าเทียมกัน สถานะส่วนใหญ่ถูกกำหนดโดยบทบาทของใครบางคนในองค์กร องค์กรที่พวกเขาทำงานให้ มหาวิทยาลัยใดที่พวกเขาไป และสถานภาพการสมรสของพวกเขา

นามบัตร การแลกเปลี่ยนนามบัตรเป็นส่วนสำคัญของการประชุมครั้งแรก ช่วยให้ชาวเกาหลีสามารถกำหนดตำแหน่ง ตำแหน่ง และอันดับที่สำคัญทั้งหมดของคู่ของตนได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ยังยืนอยู่ คุณควรยื่นนามบัตรด้วยสองมืออย่างสุภาพ

และรับหนึ่งใบเป็นการตอบแทน อย่าเพียงแค่หย่อนการ์ดลงในกระเป๋า ใช้เวลาสองสามวินาทีในการตรวจสอบชื่อและตำแหน่งแทน หากคุณกำลังนั่งอยู่ ให้วางไว้บนโต๊ะข้างหน้าคุณตลอดระยะเวลาการประชุม

ให้ของขวัญ ในเกาหลี ความสำคัญของความสัมพันธ์สามารถแสดงออกผ่านการให้ของขวัญซึ่งยินดีเสมอ โปรดทราบว่า การให้ของขวัญราคาแพงแก่ใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอายหากคุณรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถให้สิ่งนั้นตอบแทนได้ ของขวัญควรห่ออย่างดีด้วยกระดาษสีแดงหรือสีเหลืองเสมอ

เนื่องจากเป็นสีของราชวงศ์ หรือคุณสามารถใช้สีที่แสดงถึงความสุข: สีเหลืองหรือสีชมพู ห้ามเซ็นชื่อบนบัตรด้วยหมึกสีแดงหรือใช้กระดาษห่อสีเขียว สีขาว หรือสีดำ หากคุณได้รับเชิญไปที่บ้านของชาวเกาหลี คุณควรนำของขวัญ เช่น ผลไม้ ช็อคโกแลตคุณภาพดี หรือดอกไม้ และยื่นของขวัญด้วยสองมือ ของขวัญจะไม่ถูกเปิดเมื่อได้รับและจะเปิดในภายหลัง

ชื่อเกาหลี ชื่อสกุลของเกาหลีส่วนใหญ่จะมีพยางค์เดียว ในขณะที่ชื่อมักจะมีสองพยางค์ นามสกุลมาก่อน (เช่น Kim Tae-Woo เป็นต้น) จนกว่าคุณจะมีข้อตกลงที่ดีกับคู่หูชาวเกาหลี ควรใช้นามสกุลนำหน้าด้วยคำนำหน้านามที่ให้เกียรติ (เช่น นาย) ไม่ว่าจะพูดโดยตรงกับพวกเขาหรือเกี่ยวกับพวกเขากับชาวเกาหลีคนอื่น

ในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความเคารพหรือเป็นทางการ คุณควรใช้ชื่อและนามสกุลที่เป็นทางการของคู่ของคุณ (เช่น ประธานลี) ชาวเกาหลีบางคนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศอาจใช้ชื่อแบบตะวันตกและชอบที่จะใช้ชื่อสกุลมากกว่า บางคนมองว่าชื่อของพวกเขาเป็นเรื่องส่วนตัว ดังนั้นคำแนะนำให้ทำงานโดยใช้ชื่อจริงอาจได้รับการเสนอช้า

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ufabet

นโยบายทางวัฒนธรรมในเกาหลี

นโยบายทางวัฒนธรรมในเกาหลี Statism เสนอเลนส์ที่สำคัญซึ่งนโยบายทางวัฒนธรรมในเกาหลีอาจถูกถอดรหัส แม้จะมีความแตกต่างทางแนวคิดดังกล่าวข้างต้น

แต่บทความส่วนใหญ่ในประเด็นนี้เน้นไปที่การทำงานของระบบราชการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าราชการด้านวัฒนธรรมซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในด้านนโยบายและการบริหารวัฒนธรรม บทบาทของระบบราชการในฐานะตัวกลางอย่างต่อเนื่องในประวัติศาสตร์ของการสมรู้ร่วมคิดระหว่างการเมืองและวัฒนธรรมในเกาหลีย้อนกลับไปไกลถึงศตวรรษที่ 15

ดังที่เห็นได้ในช่วงต้นราชวงศ์โชซอน แนวโน้มนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยระหว่างการปรับปรุงเศรษฐกิจให้ทันสมัยและการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย เกาหลีใต้ยอมรับสิ่งที่ Katzenstein (1978) ระบุว่าเป็น แบบจำลองทางเทคนิคของการพัฒนาที่นำโดยรัฐในช่วงยุคทุนนิยมทันสมัย ในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจนี้ ระบบราชการกลายเป็นศูนย์รวมของ ความสามารถของรัฐเพื่อใช้คำของ Katzenstein 

แม้กระทั่งหลังจากการทำให้เป็นประชาธิปไตยทางการเมืองของเกาหลีใต้ ซึ่งอันที่จริงแล้วมีทั้งบางส่วนและมีปัญหา

ข้าราชการก็ยังคงมีอำนาจและแสดงอิทธิพลที่เหนือกว่าเมื่อเทียบกับตัวแทนทางสังคมอื่น ๆ โดยสถานะของระบบราชการได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการกับกิจการของรัฐ ข้าราชการสามารถครอบงำฟิลด์นโยบายวัฒนธรรมได้เนื่องจากพวกเขาได้รับความไว้วางใจให้มีบทบาทไม่เพียง

แต่กำหนดและตีความวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับใช้และดำเนินโครงการทางวัฒนธรรมในระดับบริหารด้วย ด้วยเหตุนี้ เมื่อตรวจสอบการทำงานของสถิติในสาขาวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ บทบาทของระบบราชการจึงมีความสำคัญยิ่ง

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างนโยบายวัฒนธรรมกับประชาธิปไตย ควรอ้างอิงถึงประเด็นพิเศษอื่นของวารสารนี้ นั่นคือ นโยบายวัฒนธรรมกับประชาธิปไตย‘ (Vestheim 2012) แม้ว่าจะอิงตามพัฒนาการทางการเมืองในประเทศตะวันตกเท่านั้น แต่ข้อมูลเชิงลึกก็เกี่ยวข้องกับกรณีต่างๆ ของเกาหลีที่นำเสนอในที่นี้

ซึ่งมีการตรวจสอบบทบาทและอิทธิพลของตัวแทนต่างๆ ของระบบการเมือง Vestheim แนะนำว่าอาจใช้สี่ประเภทเพื่ออธิบายนโยบายวัฒนธรรมประชาธิปไตย: จุดมุ่งหมาย บรรทัดฐาน และอุดมการณ์ของนโยบายวัฒนธรรม; โครงสร้างสถาบัน ตัวแทน และผลประโยชน์ การเข้าถึงและการมีส่วนร่วม และการกระจายทรัพยากรทางเศรษฐกิจในสนาม อย่างไรก็ตาม ดังที่ Blomgren และ Vestheim (2012) ชี้ให้เห็นในประเด็นพิเศษเดียวกัน ระบอบประชาธิปไตยที่ใช้งานได้เป็นสิ่งจำเป็นเบื้องต้นสำหรับนโยบายวัฒนธรรมประชาธิปไตย 

กรณีของเกาหลีใต้ที่นำเสนอในประเด็นนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ว่านโยบายวัฒนธรรมของเกาหลีจะสอดคล้องกับเกณฑ์

ที่เสนอโดย Blomgren และ Vestheim ในระดับหนึ่ง ยังไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยเมื่อแผนห้าและสิบปีซึ่งมีจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ที่เป็นรูปธรรมถูกร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวโดยข้าราชการโดยไม่มีการหารือล่วงหน้ากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือภาคประชาสังคม การมีส่วนร่วมต่อประเด็นนี้สะท้อนถึงประสิทธิภาพและข้อจำกัดของนโยบายวัฒนธรรมสถิติในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ในแง่ของการเคลื่อนไหวด้วยแสงเทียนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งกระตุ้นให้มีการอภิปรายอย่างทันท่วงทีเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของระบอบประชาธิปไตยของเกาหลีใต้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  ufabet